อาร่ำไห้ รับศพ "ดีเจเตเต้" กลับกาญจนบุรี บอกผู้ก่อเหตุลงมือกระทำกับหลานโหดเหี้ยมเกินไป ขอเดินหน้าทางกฎหมายถึงที่สุด ยอมรับครอบครัวกังวลมาก เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุยังจับไม่ได้อีก 4 คน ขอตำรวจดูแลเรื่องความปลอดภัย เพราะกลุ่มผู้ก่อเหตุค่อนข้างมีอิทธิพลในพื้นที่
จากกรณีของนายวราพงษ์ ขุนศรีจตุรงค์ หรือ ดีเจเตเต้ อายุ 33 ปี เหยื่อที่ถูกอุ้มหายตัวไป โดยทางครอบครัวประกาศตามหาตั้งแต่วันที่ 14 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา จนกระทั่งวันที่ 18 พ.ค. 68 ที่ผ่านมา ดีเจเตเต้ถูกพบเป็นศพในสภาพถูกมัดมือไพล่หลังด้วยเชือกไนลอนสีเขียว มีรูถูกยิงด้วยอาวุธปืน บริเวณกลางศีรษะ 1 รู ขมับซ้าย 1 รู และหลังกกหูขวา 1 รู ในพื้นที่บ้านทุ่งนานางหรอก หมู่ 3 ต.ลาดหญ้า อ.เมือง จ.กาญจนบุรี ตามที่ได้รายงานไปแล้วนั้น
ล่าสุด ทางญาตินำร่างของดีเจเตเต้มายังสถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อช่วงเวลาประมาณ 04:00 น. ที่ผ่านมา โดยจะมีการรับร่างในช่วงบ่ายวันนี้
ทีมข่าวได้คุยกับอานายวราพงษ์ หรือ "ดีเจเตเต้" วันนี้ได้รับมอบอำนาจจากทางครอบครัวให้เป็นคนมาติดต่อขอรับร่างหลานชายกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านในจังหวัดกาญจนบุรี
อาดีเจเตเต้ บอกว่า ตอนนี้ครอบครัวมีความกังวลเรื่องความปลอดภัยมาก เพราะตามที่ปรากฏในข่าวกลุ่มผู้ก่อเหตุค่อนข้างมีอิทธิพลในพื้นที่คนในครอบครัวต้องทำมาหากินในพื้นที่ ส่วนตัวแม้จะไม่ได้อยู่ในพื้นที่จังหวัดกาญจนบุรีแต่ก็ติดตามข่าวว่าผู้ก่อเหตุน่าจะสามารถไปไหนมาไหนได้ในพื้นที่และสามารถออกนอกประเทศได้และมีเครือข่ายอยู่ทั่วไปหมด เพราะตามที่ปรากฏในข่าวเป็นถึงเอเย่นต์ค้ายาเสพติด ซึ่งในเรื่องของความปลอดภัยได้แจ้งกับทางตำรวจในพื้นที่ที่ทำคดีแล้วว่าทางครอบครัวมีความกังวลเรื่องนี้ โดยอาของดีเจเตเต้ย้ำว่า“ทางครอบครัวไม่ได้ขออะไรเลยแต่ขออย่ามาทำร้ายครอบครัว เพราะมีความกังวลใจในเรื่องนี้มาก
สำหรับดีเจเตเต้ อาบอกว่าเลี้ยงดูมาตั้งแต่เด็กผูกพันมากเปรียบเหมือนลูกและเตเต้ก็เปรียบตัวเองเหมือนพ่อคนที่ 2 ตั้งแต่เด็กจนโตไม่มีนิสัยก้าวร้าวหรือมีเรื่องให้ต้องเป็นห่วง และหลานยังเป็นคนหัวอ่อน และบางทีอาจจะมีดื้อเงียบบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งชกต่อยกับใคร พร้อมยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาตัวเองรู้จักหญิงคนสนิทของหลานชายแค่คนที่ปรากฏในข่าวเท่านั้นส่วนอีก 2 คนตัวเองไม่เคยทราบมาก่อน
อาดีเจเตเต้ยัง บอกอีกว่าเมื่อวันที่ 5 ธันวาคมที่ผ่านมา หลานชายโทรมาบอกว่ารักเหมือนพ่อ ซึ่งพอพูดถึงประเด็นนี้อาถึงกับกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ แม้ว่าตัวเองจะมีครอบครัวแต่เตเต้ก็เป็นหลานที่ตัวเองเลี้ยงมาตั้งตั้งแต่เด็ก ซึ่งทันทีที่ได้ฟังหลานพูดแบบนี้ยิ่งตื้นตัน แล้วตั้งแต่เด็กจนโตเตเต้มีเรื่องอะไรที่ไม่สามารถบอกกับพ่อได้ก็จะบอกกับตัวเองทั้งหมด ยกเว้นเรื่องส่วนตัวจะไม่ค่อยเล่าเพราะหลานจะรู้ว่าตัวเองงานยุ่งไม่อยากนำเรื่องเล็กๆน้อยๆมาทำให้คิดมาก ก่อนหลานจะมาถูกพบเป็นศพช่วงวันที่7 และ 8 พฤษภาคมที่ผ่านมา ยังมานอนที่บ้านตัวเองก็ไม่พบว่ามีอะไรผิดปกติและหลานก็ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง มีแต่ซื้อของที่ตลาดมาฝาก ซึ่งเป็นนิสัยปกติทำให้หลานชายเป็นที่รักของคนในครอบครัว
สำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวเองอยากให้ตำรวจสามารถจับตัวผู้ก่อเหตุมาดำเนินคดีให้ได้ทั้งหมดและขอให้ดำเนินคดีให้ถึงที่สุดทุกอย่างขอให้เป็นไปตามกระบวนการของกฎหมาย เพราะมองว่าหากเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นตามที่ปรากฏในข่าวก็ไม่น่าจะถึงขั้นทำโหดเหี้ยมกับหลานของตัวเองขนาดนี้ จิตใจทำด้วยอะไร มองว่าเป็นเหตุอุกอาจมาก
สำหรับร่างของนายวราพงษ์ หรือ "ดีเจเตเต้" จะรับศพกลับไปตั้งประกอบพิธีทางศาสนาที่บ้านในจังหวัดกาญจนบุรี เพราะดีเจเตเต้มีความผูกพันธ์กับย่ามากๆตั้งแต่เด็ก จึงอยากให้ช่วงสุดท้ายของชีวิตหลานได้อยู่ใกล้ชิดกับย่า