ปิดล้อม "เต้ วัดยาง" คลั่งยิงมั่ว พ่อลั่นถ้าลูก ถูกวิสามัญ ก็ไม่ติดใจ
วันที่ 15 พ.ค. 2568 พ.ต.ท.อัสนีชัย เร่งเทียน สว.(สอบสวน) สน.บางกอกน้อย รับแจ้งเหตุชายเมายาเสพติดคลุ้มคลั่ง บริเวณบ้านไม่ทราบเลขที่หลังวัดลครทำ แขวงบ้านช่างหล่อ เขตบางกอกน้อย กทม. จึงรายงานผู้บังคับบัญชาทราบก่อนไปตรวจสอบพร้อม พล.ต.ท.สยาม บุญสม ผบช.น. ลงพื้นที่บริเวณจุดเกิดเหตุ
พร้อมด้วย พล.ต.ต.นพศิลป์ พูลสวัสดิ์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.ชรินทร์ โกพัฒน์ตา รอง ผบช.น. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บช.น. และกำลังเจ้าหน้าที่กองกำกับการต่อต้านการก่อการร้าย (อรินทราช 26) กองบังคับการสายตรวจและปฎิบัติการพิเศษ (บก.สปพ.) พ.ต.อ.สมสิทธิ์ สันทัสนะโชค ผกก.สน.บางกอกน้อย พ.ต.ท.นุสรณ์ อ้นน้อย รอง ผกก.สส.พร้อมฝ่ายป้องกันและปราบปราม สน.บางกอกน้อย เจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน บก.น.7 กองพิสูจน์หลักฐาน และอาสามูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง
ที่เกิดเหตุเป็นชุมชนหลังวัดลครทำ ลักษณะครึ่งปูนครึ่งไม้สูง 2 ชั้น ปลูกติดกันหลายหลัง จากนั้นเกิดเสียงปืนดังขึ้น จากการตรวจสอบเบื้องต้นมีคนอาศัยอยู่ในบ้าน 4 คน แต่อยู่บนบ้านชั้น 2 ล็อกห้องเรียบร้อยทำให้ไม่ได้ถูกจับเป็นตัวประกัน
ส่วนผู้ก่อเหตุอยู่บริเวณชั้นล่าง ทราบชื่อผู้ก่อเหตุ คือ นายณัฐวัชต์ หรือเต้ วัดยาง อายุ 31 ปี เจ้าหน้าที่จึงส่งทีมเข้าเจรจาเกลี้ยกล่อมให้ผู้ก่อเหตุสงบสติอารมณ์วางอาวุธ แต่ปรากฏว่าผู้ก่อเหตุยิงปืนขึ้นฟ้า 6 นัด ยิงใส่ตำรวจ 3 นัด และยิงสวนออกมาอีก 1 นัด เจ้าหน้าที่จึงปิดล้อม และกั้นทางเข้าทั้ง 3 ทาง บริเวณซอยวัดลครทำ ซอยอิสรภาพ44 และซอยข้างวัดลครทำ เพื่อป้องกันผู้ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง
มีรายงานข่าวแจ้งว่าสำหรับ นายณัฐวัชต์ ผู้ก่อเหตุ อดีตสมาชิกแก๊งโอรส ชื่อดังฝั่งธนฯ โดยเมื่อช่วงเช้าเวลาประมาณ 08.10 น. มีเสียงคล้ายอาวุธปืน ก่อนเกิดเหตุมีอาการลักษณะมึนเมาพกอาวุธปืนเข้ามาภายในชุมชนเพื่อมาตามหาแฟนสาว แต่ไม่พบจึงเอะอะโวยวายอาละวาด ประชาชนจึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เข้าระงับเหตุ
แต่หลังจากที่เจ้าหน้าที่มาถึงที่เกิดเหตุ ตัวผู้ก่อเหตุไม่ยินยอมให้จับกุม โดยใช้อาวุธปืนยิงสวนเจ้าหน้าที่ จนต้องถอยออกมาเนื่องจากที่เกิดเหตุเป็นพื้นที่แคบเป็นลักษณะชุมชนปลูกติดกันหลายหลังเกรงว่าจะเกิดอันตรายกับประชาชนในพื้นที่
ต่อมาเวลา 10.30 น. นางสมใจ (นามสมมติ) ภรรยาผู้ก่อเหตุ ให้ข้อมูลกับ สื่อมวลชนระหว่างเดินทางที่จะไปรับลูกที่โรงเรียนกับตำรวจ ตนเองยอมรับว่า ชายคลั่งเป็นสามีของตนเองและมีปากเสียงทะเลาะกันได้ประมาณ 4 วัน ซึ่งตัวสามีก็ไม่ได้หลับไม่ได้นอน ซึ่งก็ยอมรับว่าระหว่างนั้นสามีก็ได้มีการเสพยาเสพติด จึงเกิดอาการคลุ้มคลั่ง
จากนั้นนางสาวสมใจ ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลเพิ่มเติม และขอตัวนั่งรถจักรยานยนต์ของทางตำรวจไปรับตัวลูกที่โรงเรียน
ขณะที่ นายน้อย ซึ่งเป็นชาวบ้านในพื้นที่ ให้ข้อมูลว่า ชายคนดังกล่าวมาอาศัยอยู่ในชุมชนได้หลายปี ประกอบอาชีพค้ายาเสพติด และก็ไม่มีชาวบ้านคนไหนกล้าที่จะเข้าไปยุ่ง เกรงว่าจะได้รับอันตราย เพราะตัวผู้ก่อเหตุนั้นมีอาวุธปืน
ทุกวันที่ผ่านมาจะมีการเสพยาอยู่ตลอด อย่าง 6 วันที่ผ่านมาก็เสพยาไม่หลับไม่นอน โดยช่วงเช้าตอนเกิดเหตุ ได้มีอาการคลั่งและยิงปืนขึ้นฟ้า และชาวบ้านได้แจ้งตำรวจให้เข้ามาตรวจสอบ ระหว่างที่ชาวบ้านได้เข้าไปหาตัวผู้ก่อเหตุ ระหว่างนั้นผู้ก่อเหตุก็ได้ใช้อาวุธปืนยิงใส่เจ้าหน้าที่แต่โชคดีเจ้าหน้าที่ไม่ได้รับอันตราย
นอกจากนี้ชาวบ้านยังอยู่ภายในบ้านที่เกิดเหตุและมีเพื่อนบ้านข้างเคียงก็ยังอาศัยอยู่ในบ้านที่ติดกันไม่กล้าออกมาเกรงว่าจะได้รับอันตราย จึงทำให้ไม่รู้ว่าสถานการณ์ภายในนั้นจะเป็นเช่นไร
ด้าน นายศิริชัย (สงวนนามสกุล) อายุ 68 ปี พ่อผู้ก่อเหตุ เดินทางมาปากซอยชุมชนวัดลครทำ กล่าวว่า นายเต้ มีลูกชาย 2 คน และเอาลูกชายไปฝากให้พ่อเลี้ยงดู 1 คน กำลังเข้าเรียนชั้น ป.1 ที่ผ่านมาลูกชายมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาโดยตลอด และเวลาที่เสพยาเสพติด ก็มักจะมีปัญหากับภรรยา จนทำให้ที่ผ่านมาทั้งคู่เกิดเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกันจนถึงขั้นลงมือทำร้ายร่างกาย แต่ก็ไม่เคยเกิดเหตุที่ถึงขั้นว่าเอาปืนออกมายิงกันแบบนี้
นายเต้ ได้ออกจากบ้านมาอยู่ที่บ้านหลังเกิดเหตุตั้งแต่ อายุ 12 ปี ซึ่งเป็นบ้านของยาย แต่ยายเสียชีวิตไปแล้ว จึงทำให้ตนเองเริ่มห่างเหินกับลูกชาย จนนำไปสู่การตัดขาดการติดต่อกันตั้งแต่ตอนนั้นมา เนื่องจากตนเองรู้มาอยู่แล้วว่าลูกชายมีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดมาตั้งแต่ตอนนั้น และบ้านหลังที่ลูกชายมาอาศัยอยู่ก็มีพฤติกรรมยุ่งเกี่ยวกับยาเสพติดด้วยกันทั้งบ้าน
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาเบื้องต้นตนเองทราบว่าลูกชายได้ทะเลาะมีปากเสียงกับภรรยาอีกครั้ง สาเหตุมาจากการที่ลูกชายเสพยาเสพติดแล้วเกิดอาการหลอนคิดว่าภรรยามีชายอื่น จึงทำให้เป็นต้นเหตุของเรื่องราวที่เกิดขึ้น และติดใจสำหรับอาวุธปืนที่ลูกชายมีไว้ติดตัวตนเองไม่ทราบว่าลูกชายเอามาจากไหน
แต่ถ้าหากการเข้าระงับเหตุในครั้งนี้ของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ตัวของลูกชายได้มีการยิงปืนออกมาต่อสู้ แล้วสุดท้ายจบด้วยการที่ลูกชายถูกตำรวจวิสามัญ ตนเองก็จะไม่ติดใจเอาเรื่องอะไรทั้งสิ้น ถึงแม้ว่าจะเป็นสายเลือดเดียวกัน แต่ถ้าหากทำผิดก็ต้องว่าไปตามกฏหมายไม่เข้าข้างใคร
อย่างไรก็ตามผู้สื่อข่าวสอบถามต่ออีกว่าเพราะเหตุใด พ่อไม่ติดใจเอาความอะไร พ่อของผู้ก่อเหตุ ก็ตอบสั้นสั้นเพียงว่า ผมก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าเขาเป็นลูกผมหรือไม่ เพราะก่อนหน้านี้มันมีเหตุการณ์เยอะแยะมากมายภายในครอบครัวเกิดขึ้น