ตำรวจตามรวบ "ไซหาน" หนุ่มเมียนมายิง "เฮียยุทธ" เจ้าของฟิตเนสดับคาบ้านก่อนชิงรถหนี หลังบุกจะเข้าไปทำร้ายเมียแต่คนตายซึ่งเป็นนายจ้างมาช่วยไว้ เบื้องต้นเจ้าตัวอ้าง ไม่ได้มีความแค้นส่วนตัวกับผู้ตาย ไม่ได้วางแผนมาฆ่าแค่ปืนลั่น
จากกรณี นายไซหาน หนุ่มเมียนมา ก่อเหตุยื้อแย่งอาวุธปืนลั่นใส่นายยุทธโรจน์ อายุ 70 ปี เสี่ยเจ้าของฟิตเนส ซึ่งเป็นนายจ้างของภรรยานายไซหานจนเสียชีวิต ภายในบ้านหนังหนึ่ง ซอยร่มไทร 12 แยก 13 แขวงหลักสอง เขตบางแค กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งสาเหตุจากนายไซหานโทร. ขู่ฆ่าเมียตนเองก่อนบุกไปบ้านนายจ้างเมีย แต่ถูกห้ามไม่ให้เข้าบ้าน จนเกิดการยื้อแย่งอาวุธปืนที่ผู้ตายนำออกมาขู่และเกิดปืนลั่นใส่ ก่อนชิงอาวุธปืนและรถเก๋งหลบหนีไป นั้น
ล่าสุด คืนที่ผ่านมา (12 พ.ค. 2568) พล.ต.ต.คมสิทธ์ รังไสย์ ผบก.น9. พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผบก.สส.บชน. พ.ต.อ.ธิติพงษ์ สียา ผกก.สส.บกน.9 พ.ต.อ.ปราโมทย์ จันทร์บุญแก้ว ผกก.สน.เพชรเกษม พร้อมชุดสืบสวน สามารถติดตามจับกุม นายไซหาน อายุ 23 ปี ชาวเมียนมา ได้ที่ย่านอ่อนนุช 65 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่านายยุทธโรจน์ อายุ 70 ปี เสี่ยเจ้าของฟิตเนสเสียชีวิต ภายในบ้านซอยร่มไทร 12 แยก 13 เขตบางแค กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 10 พ.ค. ที่ผ่านมา ก่อนจะนำตัวมาสอบปากคำที่ สน.เพชรเกษม
เมื่อเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายไซหาน ผู้ก่อเหตุเดินทางมาถึง สน.เพชรเกษม ทีมข่าวได้พยายามมเข้าไปสอบถามเจ้าตัวถึงสาเหตุในการก่อเหตุ นายไซหานไม่ยอมตอบคำถาม จากนั้นเมื่อผู้สื่อข่าวสอบถามว่าได้มีการวางแผนมาก่อนหรือไม่ นายไซหาน ยืนยันว่าในวันที่ก่อเหตุเจ้าตัวไม่ได้มีการวางแผนมาก่อน และตนเองก็รู้สึกผิดที่ก่อเหตุไปในครั้งนั้น เมื่อทีมข่าวสอบถามว่าอยากจะขอโทษครอบครัวของผู้เสียชีวิตหรือไม่ นายไซหาน ได้ยิ้มออกมาแต่ไม่ยอมพูดขอโทษ
จากนั้นทีมข่าวได้สอบถามว่ามีความแค้นกับตัวของผู้เสียชีวิตมาก่อนหน้านี้หรือไม่ นายไซหาน ยืนยันว่าตนเองไม่มีความแค้นกับผู้ตาย แล้วในวันนั้นที่ตนเองเข้าไปที่บริเวณจุดเกิดเหตุเพราะต้องการจะเข้าไปหาภรรยา ทีมข่าวจึงได้สอบถามว่าแล้วทำไมในวันนั้นถึงจะเข้าไปทำร้ายภรรยา มีความแค้นอะไรมาก่อนหน้านี้หรือไม่ นายไซหาน ยืนยันว่าตนเองไม่มีความแค้นส่วนตัวกับภรรยา แล้วในวันนั้นที่ตนเข้าไปหาที่บ้านตัวของภรรยาก็ทราบเรื่องอยู่แล้ว ซึ่งเมื่อตนเองปีนเข้าไปนั้นตัวของผู้ตายก็มีอาวุธปืนอยู่แล้ว และพยายามจะทำร้ายตน ส่วนกุญแจประตูรั้วในวันที่เกิดเหตุตนเองเป็นคนหยิบมาเองไม่ใช่ภรรยาเอามาให้
จากนั้นเมื่อถูกควบคุมตัวเข้าไปเพื่อสอบปากคำ โดย พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ ผู้บังคับการตำรวจนครบาล 9 จะร่วมสอบปากคำด้วยในคืนที่ผ่านมา โดยของกลางที่ผู้ต้องหานำติดตัวไปมี โทรศัพท์ 1 เครื่อง บัตรประชาชน พร้อมบัตรเครดิตของผู้ตาย ปืนลูกโม่ .38 ขนาดลำกล้อง 2 นิ้ว พร้อมปลอกกระสุนปืน 3 ปอก กระสุนปืนในรังเพลิงอีก 2 นัด
ต่อมา พล.ต.ต.คมสิทธิ์ ได้ออกมาเปิดเผยหลังจากมีการสอบปากคำนายไซหาน ผู้ก่อเหตุนานกว่า 2 ชั่วโมง โดยทางด้านของ พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ เผยว่า เบื้องต้นตอนนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจยังไม่สามารถสอบปากคำนายไซหาน ได้เนื่องจากว่าเจ้าตัวยังฟังภาษาไทยไม่ออก และพูดบางคำไม่ได้ แต่สามารถสื่อสารเป็นภาษาเมียนมาได้ ในวันพรุ่งนี้ (13 พ.ค.) เจ้าหน้าที่ตำรวจก็จะมีการประสานหาล่าม เพื่อที่จะมาสอบปากคำผู้ก่อเหตุ
ซึ่งจากการพูดคุยเบื้องต้น ตัวของผู้ก่อเหตุอ้างว่าที่เข้าไปยังบ้านของผู้เสียชีวิตนั้นเนื่องจากต้องการจะเข้าไปหาภรรยา ที่ทำงานอยู่ภายในบ้านดังกล่าว ซึ่งเจ้าตัวไม่ได้วางแผนที่จะมาทำร้ายภรรยา แต่ที่เข้ามาที่บ้านหลังนั้นเพราะตั้งใจจะมาทำงาน แต่ในส่วนของผู้เสียชีวิตนั้นเจ้าตัวไม่ได้มีความแค้นเคืองส่วนตัวกับผู้เสียชีวิต และอาวุธปืนที่ใช้ในการก่อเหตุก็เป็นอาวุธปืนของผู้เสียชีวิตเอง ซึ่งในเบื้องต้นจากการสอบถามตัวของนายไซหาน เผยว่าช่วงที่เกิดเหตุนั้นมีการยื้อแย่งปืนกับผู้เสียชีวิต ทำให้ปืนลั่นใส่ตัวของผู้เสียชีวิต แต่ในส่วนของข้อเท็จจริงที่ชัดเจนกว่านี้คือต้องรอให้ทางด้านของเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดเตรียมล่ามมาสอบปากคำอีกครั้ง
หลังจากนั้นทีมข่าวได้สอบถามว่าจุดที่ตัวของนายไซหาน ผู้ก่อเหตุเข้าไปหลบซ่อนตัวนั้นเป็นพื้นที่ของนายจ้างเก่าหรือไม่ ทางด้านของ พล.ต.ต.คมสิทธิ์ รังไสย์ พูดต่อว่า จากการพูดคุยกับผู้ก่อเหตุเจ้าตัวเผยว่าจุดที่เข้าไปหลบซ่อนตัวนั้นเป็นจุดที่ไม่เคยไปมาก่อน แล้วรถที่ใช้ในการเดินทางนั้นก็ไม่ได้มีการวางแผนมาก่อน เพียงแต่คิดว่าเดินทางด้วยวิธีไหนได้ เจ้าตัวก็จะเลือกเดินทางด้วยวิธีนั้น ส่วนที่กระแสข่าวว่าเป็นบ้านของนายจ้างเก่านั้น ตนเองยืนยันว่าไม่ใช่
หลังจากนั้นทีมข่าวได้มีการสอบถามว่า แล้วตัวของผู้ก่อเหตุนั้นเคยเป็นอดีตทหารชาติพันธุ์ไทใหญ่จริงหรือไม่ ทางด้านของ พล.ต.ต.คมสิทธิ์ ให้ข้อมูลว่า ตัวของนายไซหาน เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ และเป็นผู้ชาย ทำให้เจ้าตัวต้องเป็นทหารตามอัตโนมัติ เนื่องจากพื้นที่มีการสู้รบ