เข้าขุดกองสุดท้าย ขีดเส้นคาด 3 วันเคลียร์ซากตึก สตง. ครบทุกโซน เร่งค้นหา 13 ร่างโซนสุดท้าย

วันนี้ 6 พ.ค. 68 ความคืบหน้าการค้นหาผู้ติดค้างภายในอาคาร สตง.ที่พังถล่มลงมา ด้านนายสุริยชัย รวิวรรณ ผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กรุงเทพมหานคร เปิดเผยความคืบหน้าว่าตอนนี้ได้เปิดพื้นที่และแผ่นคอนกรีตรวมทั้งซากอาคารทั้งหมดถึงชั้นใต้ดินครบหมดแล้ว ทั้งรอบอาคารและในตัวอาคารทั้งหมด แต่ยังคงเหลือในส่วนของตัวซากอาคารที่มีการล้มลงไปกองอยู่ด้านข้างชิดกับอาคารจอดรถ ซึ่งสูงประมาณ 3 เมตร คาดว่าใช้เวลาประมาณ 2-3 วันก็น่าจะจบ

นายสุริยชัย ยังเปิดเผยต่อว่าการดำเนินการค้นหาผู้ประสบภัยตั้งแต่เมื่อวานทั้งวันถึงเช้าวันนี้ในตัวอาคารยังไม่พบร่างผู้ประสบภัยที่ติดค้างเพิ่มเติม ทางทีมค้นหาได้เปิดพื้นหมดแล้ว อย่างที่นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ได้เคยบอกไว้ว่า “เป็นการพลิกแผ่นดิน พลิกพื้นอาคารออกให้หมด เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงว่ามีหรือไม่มี” เพราะฉะนั้นข้อมูลที่เรามีการนําร่างของผู้ประสบภัยรวมทั้งชิ้นส่วนอวัยวะที่ยังค้างอยู่ที่นิติเวช 200 กว่าชิ้น ต้องไปรอที่นิติเวชด้วยว่าในเรื่องของการพิสูจน์ DNA ว่าเป็นร่างของมนุษย์ทั้งหมดกี่คน จะตรงกับข้อมูลของพนักงานสอบสวนที่แจ้งมาว่า 109 คนหรือไม่

ถ้ายอดไม่ครบและไม่ตรง คงต้องไปสืบหาว่าข้อมูลที่ได้มาเป็นข้อมูลที่มีความคลาดเคลื่อนตรงไหนบ้าง เพราะว่าหน้างานเราเปิดพื้นที่หมดแล้ว ซึ่งจะไม่พบผู้ประสบภัยเพิ่มเติมแล้ว ในส่วนข้อมูลของทางพนักงานสอบสวนที่ยังคงค้างอยู่จำนวน 13 ราย ในตัวอาคารนั้นไม่มีแล้ว แต่ทั้งนี้ ซากกองที่ยังค้างอยู่ 1 กองที่กล่าวไปข้างต้น เป็นกองที่มีการค้นหาแล้วในช่วงแรก แต่จากการวิเคราะห์ อาจจะมีการถูกทับอยู่ในชั้นแผ่น ซึ่งอาจเป็นไปได้ เพื่อให้สิ้นความสงสัยเรายังก็ดําเนินการต่อ

นายสุริยชัย ยังบอกอีกว่า ข้อเท็จจริงคือถ้าเปิดพื้นที่หมดแล้ว ไม่มีก็คือไม่มี ดังนั้นต้องย้อนกลับไปที่ฐานข้อมูลที่ได้รับมาว่าจำนวนผู้สูญหายตรงหรือไม่ หรือชิ้นส่วนที่ยังคงค้างอยู่ที่นิติเวชก็คงต้องเร่งดําเนินการพิสูจน์ DNA เพื่อระบุตัวตนต่อไป

ภายหลังการให้ข้อมูลกับทางสื่อมวลชนเสร็จสิ้น ด้านนายสุริยชัย ได้นำคณะสื่อมวลชนมากกว่า 100 คนเข้าไปภายในไซด์งานก่อสร้าง อาคาร สตง. โดยจุดแรกพาไปที่บริเวณโถงชั้นสามซึ่งจะสามารถเห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้ ซึ่งขณะที่ดูการทำงานนั้นทีมข่าวพบว่าขณะนี้มีรถแบ็กโฮที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ 15 คันพร้อมรถขนดินอีก 10 คันซึ่งกำลังเข้าปฏิบัติการในโซนบี ซึ่งเป็นโซนสุดท้ายที่เจ้าหน้าที่จะได้เข้าไปค้นหาผู้สูญหายอีก 13 ราย

หลังจากนั้นทีมข่าวได้เดินลงไปที่บริเวณชั้นใต้ดินซึ่งเป็นจุดเชื่อมระหว่างลานจอดรถของอาคารจอดรถและเห็นว่าในโซนบียังคงพบสร้างอาคารที่พังถล่มลงไปกองทับปิดเส้นทางอยู่ และเดินเรียบไปเรื่อยๆ ก็พบกับจุดลิฟต์วีไอพี ซึ่งได้พังถล่มลงมาเช่นเดียวกัน ก่อนจะไปอีกจุดซึ่งเป็นบริเวณชั้น5 ของอาคารจอดรถ พบว่าในจุดดังกล่าวสามารถมองเห็นการทำงานของเจ้าหน้าที่ได้เป็น 180 องศา และเมื่อหันมองไปทางโกดังโรงประแจของการรถไฟแห่งประเทศไทยก็พบลิฟต์ของคนงานที่ล้มทับจนได้รับความเสียหาย พร้อมยังเห็นตัวโครงสร้างอาคารที่ถูกอาคาร 30 ชั้นลงมาทับจนได้รับความเสียหายจากบริเวณชั้น 6 ลงมาถึงชั้น 5 ก่อนจะให้ผู้สื่อข่าวออกจากพื้นที่หลังจากที่เก็บภาพภายในเรียบร้อยครบทุกจุดแล้ว