จากกรณีพบศพนายมอจตาบา ชาวอิหร่าน พร้อมภรรยาชาวไทย ถูกคนร้ายจับมัดมือเท้า ฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยม ก่อนหมกศพทิ้งไว้บนห้องนอนชั้นของร้านอาหารอิหร่าน ย่านพัทยาใต้ จ.ชลบุรี โดยตำรวจมุ่งเป้าไปยังพนักงานร้านชาวเมียนมา เป็นผู้ลงมือฆาตกรรมในครั้งนี้ โดยใช้รถจักรยานยนต์ของผู้ตายหลบหนีไปพร้อมแฟนสาวในช่วงเช้าอีกวัน ส่วนสาเหตุคาดว่าเกิดจากความโกรธแค้นโดนทุบตี และถูกเจ้าของร้านเบี้ยวเงินเดือน ตามที่เสนอข่าวไปแล้วนั้น
คืบหน้าล่าสุด วันนี้ 16 ก.ค. มีรายงานว่า ที่สภ.เมืองพัทยา พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พร้อมด้วย พ.ต.อ.นาวิน ธีระวิทย์ ผกก.สภ.เมืองพัทยา พ.ต.ท.ฐานานนท์ อธิพันสีห์ รอง ผกก.สส.ฯ และ พ.ต.ท.ชัยณรงค์ จิตต์สุนทร สว.สส.ฯ ได้เรียกฝ่ายสืบสวนประชุมคลี่คลายคดีฆาตกรรมสุดโหด โดยจากการแกะรอยหลังพบศพเพียงไม่กี่ชั่วโมง ตำรวจไปพบรถจักรยานยนต์ ยี่ห้อ ฮอนด้า คลิก สีส้ม-ขาว ที่ผู้ต้องสงสัยขโมยจากร้านแล้วหลบหนี ไปจอดอยู่ที่บริเวณหน้าร้านอาหารแห่งหนึ่ง ย่านพัทยาเหนือ สภาพล็อกคอรถ แต่ไม่พบตัวผู้ต้องสงสัย
จากนั้นตำรวจได้เร่งตรวจสอบภาพกล้องวงจรปิดบริเวณจุดเจอรถจักรยานยนต์ ปรากฏว่าผู้ต้องสงสัยพนักงานชาวเมียนมา และแฟนสาวทั้งสองคน ได้โบกรถโดยแท๊กซี่ สีเหลือง-เขียว ขึ้นจากจุดทิ้งรถรถจักรยานยนต์มุ่งหน้าเข้าไปกรุงเทพมหานคร แล้วขึ้นรถต่อไปอีกทอด เท่าที่ทราบไปทางชายแดนแม่สอด จังหวัดตาก แต่เชื่อว่ายังคงอยู่ในประเทศไทย ยังไม่ได้ข้ามชายแดนออกนอกประเทศ เบื้องต้นทราบชื่อหมดแล้ว รายแรกคือ นายมินอู อายุ 23 ปี พนักงานชาวเมียนมา และ น.ส.อี อายุ 19 ปี แฟนสาวชาวเมียนมา ซึ่งอยู่ในระหว่างขออำนาจศาลจังหวัดพัทยา อนุมัติหมายจับในข้อกล่าวหา “ร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา”
ต่อมา ทีมข่าวได้เดินทางลงพื้นที่บริเวณจุดที่ผู้ก่อเหตุนำรถจักรยานยนต์ของผู้ตายมาจอดทิ้งไว้ตรวจ พบว่า อยู่บริเวณด้านหน้าร้านหมูกระทะแห่งหนึ่งในพื้นที่ ถนนเฉลิมพระเกียรติ ซอย 3 กระทั่งทีมข่าวได้รับข้อมูลจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา ว่าคนร้ายได้เรียกเเท็กซี่บริเวณใกล้ ๆ กับจุดที่ทิ้งรถ ทีมข่าวจึงได้พูดคุยกับ นายรังษี อายุ 46 ปี คนขับเเท็กซี่สีเขียว-เหลืองส่วนบุคคล เล่าว่า ปกติแล้วตนเองเป็นรถแท็กซี่ที่ กทม. เวลารับลูกค้ามาส่งที่พัทยา แล้วถึงดึกตนเองก็จะมาจอดนอนบริเวณ ถ.เพ็ชรตระกูล
วันนั้นช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.30 น. ของวันที่ 12 กรกฎาคม ตนเองจอดรถหันหน้าไปทางถนนเฉลิมพระเกียรติ ซอย 3 ตนเห็นว่ามีผู้ชายคนหนึ่งมาพร้อมกับหญิงสาวอีกหนึ่งคนซ้อนด้านหลัง มีสัมภาระกระเป๋าหลายใบ กำลังขี่รถจักรยานยนต์ผ่านหน้าตนไป ก่อนจะวกรถกลับมาจอดด้านประตูข้างคนขับ "ไปส่ง Bangkok มั้ย" โดยฝ่ายชายพูดเป็นภาษาไทยด้วยสำเนียงที่ไม่ชัด ทำให้ตนรู้ได้ทันทีว่าเป็นชาวต่างด้าว ก็ยังคิดอยู่เลยว่าสงสัยเขาคงจะเงินเดือนออก ก่อนที่ตนจะตอบรับไปส่งเพราะต้องการลูกค้ากลับกรุงเทพพอดี
หลังจากนั้นตนก็รีบลงมาช่วยทั้งสองคนขนย้ายกระเป๋าเสื้อผ้าประมาณ 4-5 ใบ ขึ้นมาใส่ไว้ให้บริเวณท้ายรถ เเต่จะมีกระเป๋าถือหนึ่งใบที่ผู้หญิงคนดังกล่าวที่คาดว่าน่าจะเป็นแฟนของคนขับถือติดตัวไว้ตลอด คาดว่าน่าจะเป็นกระเป๋าที่มีเงิน ตอนนั้นตนสังเกตเห็นว่าหญิงสาวหน้าตาดี สวมเสื้อสีขาวและกางเกงยีนส์ขาดเข่า ส่วนฝ่ายชายก็แต่งตัวตามปกติแต่มีการสวมเเมสก์ เเละหมวกแก๊ปคล้ายปิดบังหน้าตา ไม่มีร่องรอยคราบเลือดหรือพิรุธอะไร
หลังจากที่ขนของขึ้นรถเรียบร้อยฝ่ายหญิงก็ยังคงยืนรอฝ่ายชายอยู่ที่รถของตน ส่วนฝ่ายชายตนเห็นว่ามีการขี่รถจักรยานยนต์เลี้ยวซ้ายกลับเข้าไปยังบริเวณ ถนนเฉลิมพระเกียรติ ซอย 3 หลังจากนั้นไม่นานอีกฝ่ายก็เดินกลับมาที่รถและขึ้นไปนั่งยังบริเวณเบาะผู้โดยสารด้านหลัง ส่วนฝ่ายหญิงขึ้นนั่งข้างคนขับ
โดยตอนนั้นตนก็พยายามสอบถามว่าจะให้ไปส่งที่ไหนของกรุงเทพแต่อีกฝ่ายก็ทำมือบอกให้รอสักครู่ตนจึงจอดรออยู่บริเวณทางขึ้นทางด่วน หลังจากนั้นอีกฝ่ายก็ขอแอด LINE ตนเพื่อที่จะส่งโลเคชั่นให้ ไปส่งที่สาธุประดิษฐ์ซอย 49/1 ซึ่งตลอดระยะเวลาการเดินทางเกือบ 2 ชั่วโมง ทั้งคู่ก็นั่งรถกันตามปกติมีพูดคุยกันบ้างเป็นภาษาเมียนมาซึ่งตนฟังไม่ออก แต่ดูแล้วทั้งคู่ก็ไม่ได้มีความเดือดร้อนหรือกระวนกระวายใจแต่อย่างใด นั่งรถไปได้ไม่นานทั้งคู่ก็หลับ แต่ตนสังเกตว่าในช่วงที่มีการจ่ายเงินค่าทางด่วนฝ่ายหญิงจะเป็นคนหยิบเงินออกจากกระเป๋ามาให้ตนจ่ายซึ่งเป็นแบงค์พันใหม่ ๆ ทั้งนั้น แต่ตนก็ไม่ได้สังเกตว่ามีมากน้อยแค่ไหน
จนกระทั่งช่วงเวลาประมาณ 08.00 น. ตนขับรถมาส่งทั้งคู่ถึงบริเวณหน้าปากซอยสาธุประดิษฐ์ 49/1 ก็คิดเงินจำนวน 1,700 บาท ซึ่งทั้งคู่ก็ไม่มีการต่อรองราคาเเต่อย่างใด ยอมหยิบแบงค์พันใหม่ จำนวน 2 ใบออกจากกะเป๋ามาจ่าย ก่อนที่ตนจะถอนเงินไป 300 บาท โดยตอนนัันตนก็ยังรอดูลูกค้าอีกสักพักว่าเขาจะไปยังไงต่อ ท่าทางเหมือนรอคนมารับ เเต่ดูอยู่นานกว่า 5 นาที ยังไม่ไปไหน ตนจึงขับรถออกไป
จนกระทั่งเมื่อวานนี้ตนเพิ่งจะมาทราบข่าวภายหลังว่าผู้โดยสารที่ตนขับรถไปส่งเมื่อวันนั้นคือฆาตกรฆ่านายจ้างที่พัทยา ยอมรับว่าตนรู้สึกตกใจและเสียใจมากที่ไม่รู้ข่าวมาก่อนหน้านี้ เพราะถ้าหากตนรู้ข่าวตั้งแต่ตอนแรกก็จะขับรถพาทั้งคู่ไปส่งตำรวจที่โรงพัก ยอมรับว่าหลังจากที่ทราบข่าวตนเองก็รู้สึกตกใจเหมือนกัน ถ้าหากวันนั้นอีกฝ่ายทำร้ายตนขึ้นมา ตนคงจะบาดเจ็บหนักแน่นอน
ทีมข่าวได้ข้อมูลเกี่ยวกับ ผู้ก่อเหตุเพิ่มเติม คือ นาย จอมินอู คนก่อเหตุ อายุ 23 ปี ไม่มีใบอนุญาต เเละเข้ามาทำงานในไทยได้ประมาณ 7 เดือน ส่วนฝ่ายหญิง นางสาวอิดิเซมเบอ อายุ 19 ปี ผ่านเข้าไทยจาก ใบบอเดอร์พาส ข้ามได้เฉพาะเเม่สาย จริงๆ ไม่สามารถข้ามมายังจังหวัดอื่นๆ ในไทยได้ เเต่หลบหนีเข้าเมืองมาทำงานในไทยได้ประมาณ 2 เดือน
ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับ พล.ต.ต.ธวัชเกียรติ จินดาควรสนอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี เปิดเผยความคืบหน้าคดีว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมออกหมายจับลูกจ้างชาวเมียนมาร์ คือ นายจอ มิน อู และแฟนสาว ในข้อหาร่วมกันฆ่าผู้อื่นโดยเจตนา เนื่องจากทั้งสองอยู่กับผู้เสียชีวิตทั้งสองเป็นคนสุดท้ายก่อนที่จะขี่รถจักรยานยนต์หนีออกจากที่เกิดเหตุ
เบื้องต้นพบพิกัดหลบหนีโดยหนีออกจากนอกประเทศไปอยู่ที่ประเทศพม่าแล้ว โดยทั้งสองหนีจาก จ.ชลบุรี แล้วเดินทางไปที่ อ.แม่สอด จ.ตาก ไปมอบตัวกับ ตม.จ.ตาก ว่าหลบหนีเข้าทำงานที่ประเทศไทยโดยผิดกฎหมาย ทำให้ทาง ตม. ส่งคืนกลับประเทศ หลังออกหมายจับจะทำหนังสือขอส่งผู้ร้ายข้ามแดนมายังประเทศไทย สันนิษฐานที่ผู้ก่อเหตุใช้คาดว่าเป็นค้อนที่ตกอยู่ในที่เกิดเหตุ อยู่ห่างจากศพของนายมอจตาบา ชาวอิหร่าน ประมาณ 1 เมตร คาดทำร้ายจนเสียชีวิต และในส่วนปมก่อเหตุเชื่อว่าหวังชิงทรัพย์ ในส่วนทรัพย์สินยังไม่สามารถระบุได้ว่าคนร้ายได้ทรัพย์สินส่วนใดของผู้เสียชีวิตไปบ้าง อยู่ระหว่างสอบปากคำลูกสาวผู้เสียชีวิตเพิ่ม ว่าทั้งแม่และพ่อเลี้ยงมีทรัพย์สินใดบ้างที่เก็บไว้ที่บ้าน