จากกรณีคนร้ายบุกเข้าบ้าน นายวงเดือน ริมคลองลำลูกกา ต.บึงคำพร้อย อ.ลำลูกกา จ.ปทุมธานี แล้วใช้ของมีคมฟันเข้าที่บริเวณศีรษะนับ 10 แผล และฟันที่บริเวณท้ายทอยจนคอเกือบขาด ที่นิ้วมือด้านซ้ายขาด นอนจมกองเลือด บริข้างบ้านใต้ต้นกระท่อม จากการตรวจสอบพบว่าผู้เสียชีวิตคือ นายวงเดือน อายุ 61 ปี อาชีพขับรถตู้รับ-ส่งนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่ง
โดยทางญาติ เผยว่า ผู้ตายมีอาชีพขับรถตู้รับ-ส่งนักเรียน โดยช่วงเช้าผู้ตายต้องไปเอารถตู้ที่บ้านของตนเองเป็นประจำทุกวันเพื่อนำไปรับเด็กนักเรียน แต่วันนี้เห็นว่ามันสายแล้วยังไม่มาจึงให้ภรรยาโทร. มาหาผู้ตาย แต่ไม่มีผู้รับสายจึงให้น้องชายอีกคนเข้ามาตรวจสอบก็พบว่าเป็นศพถูกฆ่าตาย จึงรีบโทร. แจ้งตำรวจ
จนล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วันนี้ 17 กรกฎาคม 2567 ที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ และกองกำกับการสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ภายใต้การบังบัญชาของ พ.ต.อ.วัฒนชัย มณฑีรรัตน์ ผกก.สืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดชัยภูมิ ได้มอบหมายให้ พ.ต.ท.สุอารีย์ สาแก้ว รอง ผกก.สืบสวน ภ.จว.ชัยภูมิ เร่งหาเบาะแสผู้ก่อเหตุหลังสืบทราบมาว่ านายปัญญา อายุ 58 ปี อาศัยบ้านที่จังหวัดชัยภูมิ ซึ่งเป็นผู้ก่อเหตุ เดินทางมาเยี่ยมพี่ชายที่ล้มป่วยที่โรงพยาบาลในพื้นที่ จ.ชัยภูมิ นำกำลังชุดสืบสวนลงพื้นที่เพื่อหาเบาะแสและเร่งติดตามตัวผู้ก่อเหตุ
กระทั่งตำรวจสืบทราบมาว่า เจ้าตัวได้เข้ามาที่โรงพยาบาลชัยภูมิ ทางตำรวจชุดสืบสวนจังหวัดชัยภูมิ จึงสอบถามกับทางโรงพยาบาลว่า มีผู้ป่วยซึ่งเป็นพี่ชายของผู้ก่อเหตุนั้นพักอยู่ที่ห้องใด ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะเข้าไปติดตามและทำการจับกุมตัวไว้ได้อย่างรวดเร็วในครั้งนี้ จากการสอบสวนและสอบถามในเบื้องต้นจากตัวผู้ก่อเหตุให้การรับสารภาพว่า เป็นลงมือก่อก่อเหตุใช้มีดฟันนายวงเดือนจริง เบื้องต้นหลังจากที่ทำการสอบสวนเสร็จ เจ้าหน้าที่จะส่งตัวกลับไปในท้องที่ที่เกิดเหตุ ที่ จ.ปทุมธานี เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
โดยนายปัญญา ให้การว่า สาเหตุเพราะทะเลาะกันเรื่องสุนัข แต่ผู้เสียชีวิตก็ได้ถือมีดวิ่งเข้ามาจะทำร้ายตนก่อน แต่ในมือของตนก็มีมีดเหมือนกัน ก่อนที่จะใช้มีดในมือฟันไปที่ผู้เสียชีวิตจำนวนหลายครั้ง หลังจากที่ผู้เสียชีวิตแน่นิ่งไป ตนจึงหลบหนีมาที่หาญาติที่ จ.ชัยภูมิ แต่ตนนั้นไม่คิดว่าผู้เสียชีวิตจะเสียชีวิตด้วยซ้ำ ส่วนมีดที่ใช้ก่อเหตุนั้นตนได้ทิ้งไว้ที่ จ.ปทุมธานี ก่อนที่ตนจะหลบหนีมาและมาถูกจับกุมในครั้งนี้
ทีมข่าวตรวจสอบพบว่า ช่วงเวลานายปัญญาก่อเหตุฆ่าลุงเดือนประมาณ 2 ทุ่ม โดยพบว่ากล้องวงจรปิดที่ปั๊มแก๊สแห่งหนึ่ง ถนนพหลโยธิน-ลำลูกกา สามารถบันทึกภาพรถกระบะแคป ขับผ่านไปอย่างช้า ๆ โดยออกจากซอยแล้วเลี้ยวเข้าถนนใหญ่ เวลา 20.34.06 น. จากนั้นรถกระบะคันดังกล่าวก็ขับผ่านไปอย่างช้า ๆ ก่อนจะเร่งเครื่องหลบหนีไป
ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่บ้านของนายปัญญา ผู้ต้องหา และพบกับนางสาวบุญยืน ภรรยาของนายปัญญา ผู้ก่อเหตุ เปิดเผยกับทีมข่าวว่า ตนเองไม่เคยรู้มาก่อนว่าสามีจะไปฆ่าลุงเดือนเพิ่งมารู้ตอนเป็นข่าวและไม่ได้คุยกัน ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้น ก็ไม่รู้ว่าเกิดขึ้นช่วงเวลาใดช่วงย็นตนเองกำลังพาลูกกินอาหารและจะพาเข้าบ้านส่วนสามีก็จะทำงานช่างที่รับจ้างมาอยู่หน้าบ้านในทุกวัน ช่วงเย็นลุงเดือนจะเดินผ่านหน้าบ้านทุกวัน หากวันใดที่ลุงเดือนเมาก็จะด่าหยาบคายซึ่งสามีตนเองนั่งอยู่หน้าบ้าน เมื่อถามว่าลุงด่าใคร “ลุงเดือนก็จะตอบว่าด่าหมา เพราะหมามันเห่า อยากมีปัญหาหรอเดียว จะฟันคอขาด”
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นไม่รู้ว่ามาจากสาเหตุอะไร และไม่รู้ว่าสามีไปก่อเหตุช่วงไหน เพราะตนพาลูกเข้านอนและก็นอนยาวจนมารู้อีกครั้งตอนเช้าที่น้องชายลุงเดินมาบอก ส่วนปัญหาเรื่องหม้อไฟฟ้าที่เคยมีปัญหากันนั้นยอมรับว่าเคยมีปัญหากันจริง แต่เป็นเรื่องปัญหาการซ่อมหม้อไฟที่บ้านของตนเอง ต่อไฟมาจากบ้านของลุงเดือน และจะคอยซ่อมแซมดูแลหม้อไฟ อุปกรณ์ไฟฟ้า สายไฟให้เป็นประจำ หากไม่เมาก็จะมีการพูดคุยกันปกติและดูแลอุปกรณ์สายไฟที่ชำรุดให้ทุกครั้ง ประเด็นเรื่องต่อหม้อไฟคงไม่ใช่สาเหตุที่ทำให้สามีตนเองลงมือฆ่าลุงเดือนได้ คาดว่าน่าจะมีเรื่องอื่น
ส่วนหลังก่อเหตุแล้วนั้นคาดว่าสามีจะออกจากบ้านประมาณสองทุ่ม โดยครั้งแรกชวนตนเองว่าปวดฟันจะไปหาหมอฟันแต่ก็หายไปคนเดียว โดยบอกไว้ล่วงหน้าว่าวันนี้จะไปเยี่ยมญาติที่โรงพยาบาลชัยภูมิ จนกระทั่งตำรวจไปจับกุมได้ซึ่งยืนยันว่าสามีไม่ได้ ตั้งใจหนีแต่เป็นเหตุบังเอิญที่จะต้องไปจังหวัดชัยภูมิอยู่แล้ว ทั้งนี้ถ้าตำรวจนำตัวมาที่ สภ.ลำลูกกา แล้วตนเองก็ไม่มีปัญญาไปยื่นประกันตัวก็ขอให้รับผลกรรมที่ทำไว้