กรณีเมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 16 ก.ค. 2567 ตำรวจ สภ.เมืองพัทยา รับแจ้งเหตุฆ่ากันตายภายในร้านอาหารอิหร่าน พื้นที่ พัทยาใต้ หมู่ 10 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี ที่เกิดเหตุเป็นตึกอาคารพาณิชย์สูง 3 ชั้น ด้านล่างเปิดเป็นร้านอาหารอิหร่าน ตรวจสอบภายในห้องนอนชั้น 2 พบผู้เสียชีวิตจำนวน 2 ราย คือ นายมอจตาบา อายุ 64 ปี ชาวอิหร่าน และ เป็นเจ้าของร้านที่เกิดเหตุ อีกรายชื่อ นางสาวธนาภรณ์ อายุ 49 ปี ชาวจังหวัดบุรีรัมย์ เป็นภรรยาของชาวอิหร่าน โดยทั้งสองยังไม่ทราบว่าเสียชีวิตจากการถูกฆาตกรรมด้วยอาวุธชนิดใด เนื่องจากศพเสียชีวิตมาแล้ว 4 - 5 วัน สภาพศพขึ้นอืด เลือดไหลลงพื้น นั้น
วันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ลงพื้นที่ติดตามความคืบหน้า พบว่าร้านที่เกิดเหตุเจ้าหน้าที่ยังคงปิดล็อกไม่อนุญาตให้บุคคลภายนอกเข้าไป และมีการนำโซฟามาวางขวางประตูเอาไว้ ส่วนภายในร้านมีการเปิดไฟส่องสว่าง ไม่ได้มีการปิดไฟ พร้อมกับมีการเปิดพัดลมเพื่อระบายกลิ่น
ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดไทม์ไลน์ในวันที่คาดว่าเป็นวันเกิดเหตุ คือวันที่ 11 ก.ค. เวลา 21.42 น. นายมอจตาบา เดินมาขึ้นรถมอเตอร์ไซค์เพื่อที่จะขี่ไปดูกิจการอีกร้าน แต่เนื่องด้วยอยู่ในอาการมึนเมาจึงขี่รถเซไปขี่ไม่ได้เกือบชนบ้านตรงข้าม แล้วตอนที่นายมอจตาบา กำลังขึ้นคร่อมรถมอเตอร์ไซค์กำลังจะขี่ออก ได้มีพนักงานชายของร้านซึ่งคาดว่าเป็นคนก่อเหตุและตกเป็นผู้ต้องสงสัย ยืนอยู่ข้างรถ และหลังจากที่ตัวของนายมอจตาบา คนตาย ขี่รถต่อไปไม่ได้จึงจอดรถทิ้งเอาไว้ แล้วคนงาน ชายต้องสงสัย เป็นคนเดินจูงไปส่ง ก่อนจะขี่รถมอเตอร์ไซค์ตามหลังไป
จากนั้นจะมีความเคลื่อนไหวบริเวณหน้าร้านที่เกิดเหตุ จับภาพในวันเดียวกัน 11 ก.ค. เวลาประมาณ 21.54 - 23.18 น. เห็นพนักงานชาย ซึ่งเป็นผู้ต้องสงสัยเดินเข้าออกร้านและขี่รถกลับร้าน โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดจับภาพเอาไว้ได้ทั้งหมด และในเช้าวันเดียวกัน 12 ก.ค. กล้องวงจรปิดบริเวณหน้าร้านจับภาพเวลาประมาณ 06.18 น. เห็นว่า พนักงานชายและหญิงมีการถือสัมภาระพะรุงพะรัง ลักษณะเป็นกระเป๋าเดินทางเดินออกจากร้าน ก่อนที่จะขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งเป็นรถของเจ้าของร้าน คนตาย มีการขี่หนีออกไปตามเส้นทางพัทยา และมุ่งหน้าออกถนนใหญ่ โดยมีภาพจากกล้องวงจรปิดหลายมุมจากภาพเอาไว้ได้
จนกระทั่งวันนี้ 16 ก.ค. ช่วงบ่าย หลังรับแจ้งว่าได้กลิ่นเหม็นเน่าโชยออกมาจากตัวบ้าน ประกอบกับญาติของคนตายและเพื่อนของคนตายติดต่อไม่ได้ จึงได้มีการตรวจสอบและพบว่าทั้งสองเสียชีวิตอยู่บริเวณชั้น 3 ซึ่งมีภาพจากกล้องวงจรปิดเห็นรถกู้ภัยเข้ามาในที่เกิดเหตุ
ขณะเดียวกันทีมข่าวช่อง 8 ได้คุยกับ นางสาวแมว (นามสมมติ) เพื่อนบ้าน ในฐานะคนที่รู้จักกับชายชาวอิหร่านคนตาย เผยว่า เหตุการณ์วันที่ 11 ก.ค. ตัวของชายชาวอิหร่านอยู่ในอาการเมามาก ซึ่งมีช่วงหนึ่งขี่รถมอเตอร์ไซค์ไปดูกิจการอีกร้าน แต่เกือบพุ่งชนบ้านฝั่งตรงข้าม และตัวเองก็เห็นว่าตอนนั้นพนักงานชายซึ่งตกเป็นผู้ต้องสงสัยก็วิ่งมาดู และพาเดินไปจนถึงร้าน ก่อนที่จะขี่รถมอเตอร์ไซค์เข้า-ออก
จนกระทั่งช่วง 5 ทุ่ม จะเห็นภรรยาชาวไทย มีการเดินประคองสามีกลับมาที่ร้าน ซึ่งทั้งคู่มีการทะเลาะกันมีปากเสียงกันมาตลอดทาง ก่อนที่จะควงแขนสามีเข้าไปในร้าน จากนั้นก็ไม่พบความเคลื่อนไหวอีก ซึ่งในวันนั้นจำได้ว่ามีแต่ผัวเมียที่ทะเลาะกัน ซึ่งไม่ใช่แรงงานกับนายจ้าง จึงค่อนข้างแปลกใจว่าทำไมถึงถูกฆ่าตาย แต่สิ่งที่ผิดปกติคือลูกจ้าง ทำไมถึงขโมยรถมอเตอร์ไซค์และพากันหนี ถ้าหากเรื่องนี้ทั้งคู่ทะเลาะและฆ่ากันตายเอง ดังนั้นมันก็ยังมีพิรุธเกี่ยวกับทำไมต้องหนีและขโมยมอเตอร์ไซค์นายจ้างไปด้วย และหลังจากที่พบศพตำรวจมีการตรวจสอบเซฟภายในบ้านก็พบว่าทองและทรัพย์สินภายในหายไป มีลักษณะถูกงัด ฉะนั้นจึงเชื่อว่าเป็นผู้ต้องสงสัยอันดับต้น
และหลังจากนั้นก็ไม่พบความผิดปกติอะไร จนกระทั่งเมื่อวานนี้มีลูกสาวของคนตายเดินทางมาจากจังหวัดบุรีรัมย์ มาปรึกษากับตนเองว่าติดต่อแม่ไม่ได้ ซึ่งตนเองก็ไม่รู้จะแนะนำอย่างไร จึงบอกไปแจ้งความ และหลังจากแจ้งความปรากฏว่าวันนี้จึงตัดสินใจพากันมาเปิดบ้านก็พบและรวมถึงเจอศพ
อย่างไรก็ตาม สำหรับตัวของลูกจ้างแรงงานชาย ซึ่งเป็นลูกจ้างที่กินนอนประจำอยู่ที่นั่น แต่ส่วนผู้หญิงที่ซ้อนท้ายไม่ใช่ลูกจ้างของคนตาย แต่เป็นภรรยาของพนักงานชายซึ่งพามาอยู่ด้วย และส่วนตัวก็ไม่เคยคุยกับแรงงานเหล่านั้น เนื่องจากสื่อสารภาษาไทยกันไม่ค่อยรู้เรื่อง จึงไม่ค่อยได้คุยอะไรกัน ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะก่อเหตุแบบนี้ ส่วนปมที่อ้างว่าไม่ได้ได้รับเงินเดือนนั้น ก็เข้าใจว่าช่วงหลังมีปัญหาเกี่ยวกับเศรษฐกิจ และเป็นช่วงโลว์ซีซั่นจึงทำให้รายได้มีน้อย ก็อาจจะขาดจ่ายให้กับลูกน้องหรือไม่
และนอกจากนี้ ทีมข่าวยังมีภาพจากกล้องวงจรปิดในเขตพื้นที่ถนนพัทยา จับภาพพนักงานชายและหญิง มีการขี่รถหนีไปตามเส้นทางถนนในเมืองพัทยา และใช้ทางลัดเข้าซอยบัวขาว ก่อนที่จะขับออกจากพื้นที่
ล่าสุดทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุ และได้สอบถามนางสาวเมย์ อายุ 27 ปี เพื่อนบ้านที่อยู่ตรงข้ามกัน เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 11 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ช่วงเวลา 4-5 ทุ่ม เจ้าของร้านชาวอิหร่าน กลับจากการไปดื่มเหล้าอีกร้านหนึ่งและอยู่ในอาการเมา และขับขี่รถจักรยานยนต์มาเพื่อจะกลับมาที่ร้านของผู้ตาย ก่อนจะมีปัญหากับลูกจ้างที่หน้าร้านของผู้ตายซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีปัญหากับลูกจ้างมาตลอด ทั้งเรื่องไม่จ่ายเงินเดือน และยังเคยทำร้ายร่างกายพนักงานที่เป็นลูกจ้างมาโดยตลอด
กระทั่งภรรยาที่เป็นชาวไทยได้นำสามีชาวอิหร่านเข้าไปในร้าน และช่วงประมาณ 03.00 น. ต่อเนื่องวันที่ 12 กรกฎาคม ตนเองยังเห็นผู้ตายเดินอยู่ในบ้าน หลังจากนั้นก็เงียบไป ต่อมาช่วงเช้าของวันที่ 12 กรกฎาคม เวลาประมาณ 06.30 น. ถึง 07.00 น. ตนเองได้เห็นพนักงานและแฟนสาวขับขี่รถจักรยานยนต์ของผู้เสียชีวิตออกจากหน้าร้านไป และหลังจากนั้นตนเองก็ไม่เห็นผู้ตายและภรรยาอีกเลย ซึ่งคาดว่าจะถูกทำร้ายเสียชีวิตในช่วงเช้าวันนั้นไปแล้ว
โดยก่อนที่จะพบร่างของทั้งสองคน ตนเองพบสิ่งที่แปลกคือช่วง วันที่ 13 กรกฎาคม ซึ่งคาดว่าทั้งคู่จะเสียชีวิตแล้ว ตนเองได้มองเข้าไปในร้านเห็นผู้ชายชาวอิหร่านเดินอยู่ในร้าน ซึ่งก็ไม่ได้เอะใจอะไร และยังมีเรื่องแปลกเกิดขึ้นอีกคือเมื่อวานนี้ระหว่างช่างข้างบ้านของผู้ตายได้มาทำงานอยู่ แล้วเกิดขับรถไปชนรถจักรยานยนต์ที่หน้าร้านของผู้ตาย พร้อมกับป้ายร้านของผู้ตายล้มลง ซึ่งหลังจากนั้นก็พยายามจะติดต่อเจ้าของร้านแต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งวันนี้มีคนงัดเข้าไปได้กลิ่นและพบศพสองผัวเมียถูกฆ่าเสียชีวิตแล้ว
นอกจากนี้ยังมีสิ่งลี้ลับที่ตนเองรับรู้จากเพื่อนบ้านว่า หลังจากที่มีการขับรถชนป้ายของบ้านผู้เสียหายแล้วได้มีการโทรศัพท์ไปที่เบอร์ของผู้ตายที่เป็นผู้ชาย แต่มีปลายสายรับโทรศัพท์แล้วบอกว่าเดี๋ยววันนี้จะปิดร้านให้ แต่หลังที่มาพบศพทำให้ทุกคนรู้สึกตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเป็นอย่างมาก เพราะผู้ตายทั้งคู่เสียชีวิตแล้วแต่มีคนรับโทรศัพท์ได้อย่างไร