ตำรวจเร่งพิสูจน์ยืนยันตัวบุคคลชาวต่างชาติที่ถูกขบวนการปลอมพาสปอร์ตฆ่าหั่นศพแช่แข็ง ขณะที่แม่บ้านชาวเมียนมายืนยันเห็นตู้แช่แข็งปิดล็อคนานเกือบปี
ตำรวจฝ่ายสืบสวนสถานีตำรวจนครบาลพระโขนง ลงพื้นที่หาข้อมูลเพิ่มเติมหลังจากเมื่อวานนี้ได้จับกุมขบวนการชาวต่างชาติค้าพาสปอร์ตปลอมในซอยสุขุมวิท 56 ซึ่งกลุ่มได้ผู้ต้องหายิงตำรวจได้รับบาดเจ็บ และในที่เกิดเหตุยังพบศพชาวต่างชาติถูกตัดแยกชิ้นส่วนซุกซ่อนในตู้แช่แข็ง
เพื่อนบ้านใกล้ที่เกิดเหตุเล่าว่า อาคารพาณิชย์ดังกล่าวมีเจ้าของเป็นคนไทยซึ่งปล่อยให้เช่า ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ล่าสุดคือกลุ่มผู้ต้องหา มี นายกาเบียล อารอน โทมัส และ นายเจมส์ ดักลาส เอ็กเกอร์ ชาวอเมริกัน มาเช่าอยู่ก่อนแล้วเกือบปี ก่อนที่นายปีเตอร์ แอนดริว คอลเตอร์ ชาวอังกฤษ หัวหน้าแก๊ง และเป็นคนที่ยิงปืนใส่ตำรวจจะย้ายตามมาพร้อมขนตู้แช่แข็งขนาดใหญ่มาด้วย
สอดคล้องกับที่พลตำรวจโทศานิตย์ มหถาวร ผู้บัญชาการตำรวจนครบาลระบุว่า การสอบปากคำแม่บ้านชาวเมียนมาซึ่งตำรวจกันตัวไว้เป็นพยานระบุว่า เห็นตู้แช่สเตนเลสขนาดใหญ่ปิดล็อคแน่นหนามานานเกือบปีแล้ว ซึ่งเดิม นายปีเตอร์ เก็บไว้ที่บ้านเช่าในซอยเอกมัย ก่อนจะย้ายมาในซอยสุขุมวิท 56 ขณะที่การสอบปากคำนายปีเตอร์ ยังให้การปฏิเสธ โดยอ้างว่าตู้แช่เย็นเป็นของเพื่อนที่ติดต่อไม่ได้มานานกว่า 3 เดือน
เบื้องต้นตำรวจสันนิษฐานว่าศพที่ถูกฆ่าหั่นชิ้นส่วนอาจเป็นเพื่อนในขบวนการแต่เกิดความขัดแย้งกันจนถึงชีวิต
ขณะที่เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาตำรวจได้ควบคุมตัวผู้ต้องหาที่เป็นชาวอเมริกัน 2 คนไปฝากขังไปขออำนาจศาลจังหวัดพระโขนงฝากขังเป็นผัดแรก พร้อมแจ้งข้อหาพยายามฆ่าเจ้าพนักงาน ขัดขวางต่อสู้เจ้าพนักงาน และซ่อนเร้นอำพรางศพ
ขณะนายปีเตอร์ หนึ่งในผู้ต้องหา ถูกส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลตำรวจ เนื่องจากขณะสอบปากคำนายปีเตอร์พยายามทำร้ายตัวเองโดยการบิดข้อมือให้กุญแจมือบาดข้อมือตัวเอง
ด้านพลตำรวจตรีสุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บังคับการตำรวจท่องเที่ยว เปิดเผยว่า นายปีเตอร์ เป็นหัวหน้าแก๊งทำพาสปอร์ตปลอมข้ามชาติรายใหญ่ อาศัยอยู่ในประเทศไทยนาน 8-9 ปี มีการเดินทางเข้าออกประเทศไทยหลายครั้ง ด้วยหนังสือเดินทางจริง และปลอมในการเดินทางเข้าออก ตำรวจอยู่ระหว่างขยายผลขบวนการว่าส่งพาสปอร์ตไปขายที่ใด และมีคนไทยร่วมขบวนการด้วยหรือไม่