จากกรณีที่เด็กหญิง อลิส วัย 3 ขวบ หายไปจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กบ้านค้อ ตำบลคอนกาม อำเภอยางชุมน้อย จังหวัดศรีสะเกษ ก่อนพบจมน้ำเสียชีวิตอยู่ในสระน้ำกลางทุ่งนา ระยะห่างจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ไปประมาณ 800 เมตร เมื่อเวลา 12.40 น.ของวันที่ 14 มิ.ย. 67 ซึ่งพ่อแม่ยัน ไม่ปักใจเชื่อลูกตนเองเดินไปยังจุดเกิดเหตุ

 

ล่าสุดวันนี้ (20 มิ.ย.67) ทีมข่าวช่อง 8 ยังคงไปติดตามความคืบหน้ากรณีดังกล่าว โดยบรรยากาศที่บริเวณหน้าห้องสืบสวน สภ.ยางชุมน้อย จ.ศรีสะเกษ ตำรวจมีการเชิญตัวพนักงานของ อบต.คอมกาม เข้าไปสอบปากคำ ซึ่งจากการสังเกตของทีมข่าว ตำรวจมีการแยกสอบคนบางส่วนภายในห้องสืบสวน และบางส่วนถูกแยกสอบอยู่บริเวณศาลาหน้าห้องสืบสวน โดยตำรวจยังไม่ให้ข้อมูลว่าเรียกคนเหล่านี้มาสอบปากคำในเรื่องอะไรบ้าง

 

วันนี้ทีมข่าวได้เดินทางไปหาผู้ปกครองของเด็กตามข้อมูล โดยเริ่มจากนางมณี (นามสมมติ) อายุ 37 ปี ซึ่งเป็นแม่ของน้องทับทิม และน้องทับทิม ก็เป็นเด็กใน 6 คนที่ตำรวจพาไปเดินจำลองเหตุการณ์ เปิดเผยว่า เมื่อวานนี้ก่อนที่ตำรวจจะพาลูกไปจำลองเหตุการณ์ ทางตำรวจได้เชิญตนเองกับลูก ไปพูดคุยกันที่โรงพักก่อน ซึ่งในห้องประชุม มีเด็ก 6 คนและผู้ปกครองของเด็กแต่ละคน อยู่ในห้องเพื่อพูดคุยกับนักจิตวิทยา โดยการพูดคุยดังกล่าว เท่าที่ตนเองนั่งรับฟังอยู่ด้วย ได้ยินนักจิตวิทยาถามกับเด็กทั้ง 6 คนว่าวันเกิดเหตุเห็นใครเดินไปเล่นน้ำบ้างไหม ซึ่งเด็กบางคนส่ายหัวบอกว่าไม่ได้ไป แต่ก็มีเด็กบางคนพยักหน้าบอกว่าไป และไม่ได้ถามว่าใครอยู่กับน้องอลิส ก่อนเกิดเหตุ

 

จากนั้นเมื่อนักจิตวิทยาพูดคุยกับเด็กเสร็จ ก็ได้พาไปจำลองเหตุการณ์ในที่เกิดเหตุ แต่ไม่ได้จำลองเหตุการณ์ว่าใครนั่งอยู่ตรงชิงช้าหรือใครนั่งอยู่กับน้องอลิส ก่อนจะเกิดเหตุ ส่วนการจำลองเหตุการณ์เดินผ่านด่านต่างๆ ซึ่งน้องทับทิม เดินผ่านไปยังที่เกิดเหตุได้เองโดยไม่ได้แวะนั่งพักตรงด่านไหนเลย 

 

ส่วนความสัมพันธ์ของน้องทับทิมกับน้องอลิส ถึงบ้านจะอยู่ใกล้กัน ยืนยันว่าทั้งคู่ไม่เคยเล่นด้วยกันเพราะน้องทับทิม โตกว่าน้องอลิส (น้องทับทิมเกือบ 4 ขวบ) และส่วนมากน้องทับทิม จะสนิทกับเพื่อนผู้ชายมากกว่าเพื่อนผู้หญิง ซึ่งหลังเกิดเหตุเท่าที่ถามกับน้องทับทิม ไม่ได้เล่าอะไรให้ฟัง แต่พูดให้แม่ฟังว่าน้องอลิส ตกน้ำ และพูดคำเดียวแบบนี้วนไปวนมาทุกวัน 

 

ส่วนประเด็นที่พูดกันว่า น้องอลิส เคยพูดว่าอยากตายและอยากเป็นผี เรื่องดังกล่าวน้องทับทิม ไม่เคยมาพูดให้ฟัง ขณะเดียวกันเรื่องของศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่จะกลับมาเปิดหลังตำรวจอนุญาต กรณีดังกล่าวบอกตรงๆว่าหากเปิด ก็ยังไม่กล้าส่งลูกไปเรียน เนื่องจากไม่มีอะไรยืนยันว่าหากส่งลูกกลับไปจะปลอดภัยหรือไม่ ที่สำคัญตั้งแต่เกิดเรื่อง ทางครูที่บอกจะรับผิดชอบทุกอย่างยังไม่มีใครส่งข้อความหรือโทรมาหาผู้ปกครองเด็กแม้แต่คนเดียว

 

ขณะเดียวกันในวันเกิดเหตุก็คือวันที่ 14 มิถุนายน กล้องวงจรปิดอีกเส้นทางซึ่งมุ่งหน้ามาจากตัวอำเภอยางชุมน้อย ในเวลา 13.10 น. หลังจากพบศพของน้องอลิส จะเห็นว่ารถพยาบาลของโรงพยาบาลยางชุมน้อย ได้มีการขับเข้าไปยังจุดเกิดเหตุ 

 

จากนั้นผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที เวลา 14.39 น. ก็จะเห็นรถพยาบาลขับออกมาจากที่เกิดเหตุเพื่อนำศพของน้องอลิส กลับไปที่โรงพยาบาลยางชุมน้อย 

 

จากนั้นเวลา 14.47 น. ก็จะเห็นรถตำรวจขับตามไปเส้นทางเดียวกันกับรถพยาบาล ซึ่งเส้นทางดังกล่าวสามารถไปที่ สภ.ยางชุมน้อย ได้เช่นเดียวกัน 

 

จนกระทั่งเวลา 15.03 น. ก็จะเห็นรถกระบะสีดำของครูหนุ่ย ขับตามหลังรถตำรวจและรถพยาบาลไปในเส้นทางเดียวกัน

 

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับครูหนุ่ย จากคำบอกเล่าของครูหนุ่ย1 ใน 3 ครูศูนย์เด็ก ออกมาระบุว่า ครูปูเป้ โทรมาบอกว่า ลูกสาว 3 ขวบ ที่เป็นเพื่อนเล่นของน้องอลิส บอกว่า ขณะที่น้องอลิส จะเอาร้องเท้าของเพื่อออกไปทิ้งน้ำ ได้มีชายรูปร่างผอมผิวดำ ปั่นรถจักรยานมาจอด ก่อนอุ้มน้องอลิส ไป ผู้สื่อข่าวไปตามไปที่บ้านของครูปูเป้ แต่ไม่ยอมที่จะออกมาหน้าบ้าน ไม่ขอออกมาพบ แม้จะขอร้องให้คุณแม่ไปแจ้งว่าขอทราบเรื่องที่ครูหนุ่ยพูดบอกว่าครูปูเป้บอกมาลูกสาวบอกมีคนอุ้มน้องอลิสไป แต่ได้ยินเสียงดังออกมาว่า ได้ให้การกับเจ้าหน้าที่ตำรวจไปหมดแล้ว 

 

ด้านแม่กับพ่อของน้องอลิส บอกว่า ในเรื่องของคดีถึงแม้จะมีครูบางคนยังไม่ไปรับทราบข้อกล่าวหา ก็คงปล่อยให้ตำรวจทำหน้าที่ไปก่อน ส่วนคดีจะไปต่อในทิศทางไหน ทางครอบครัวขอรอตำรวจแจ้งความคืบหน้ามาก่อน ซึ่งยอมรับว่ายังกังวลว่าลูกจะไม่ได้รับความเป็นธรรมกับเรื่องที่เกิดขึ้น 

 

ส่วนกระแสข่าวที่มีบางสื่อนำเสนอไปว่ามีคนเห็นชายแปลกหน้าปั่นจักรยานเข้ามาในพื้นที่ เรื่องดังกล่าวทางครอบครัวยังไม่มีข้อมูล และกลัวว่าประเด็นดังกล่าวจะถูกปั่นขึ้นมามากกว่า ยืนยันจะยังไงก็แล้วแต่ ทางครอบครัวยืนยันว่าติดใจครูทั้งสามคนอยู่เหมือนเดิม 

 

ส่วนเรื่องน้องอลิส ถามว่าคนแปลกหน้าอุ้มได้ไหมหรือน้องอลิส จะไปกับคนแปลกหน้าได้ไหม ยืนยันน้องอลิส ไม่มีทางให้คนแปลกหน้าอุ้มและก็ไม่มีทางไปกับคนแปลกหน้า ซึ่งก็จะมีแต่คนในศูนย์พัฒนาเท่านั้นที่อุ้มได้และน้องอลิส จะยอมเดินตามไปด้วย 

 

ส่วนประเด็นเรื่องรองเท้า ยืนยันน้องอลิส ไม่เคยมีพฤติกรรมที่ไปเอารองเท้าคนอื่นมาใส่อย่างแน่นอน และก็ขอยืนยันว่าน้องอลิส ไม่เคยยอกว่าชอบรองเท้าของน้องพริกแกง 

 

ขณะเดียวกันกรณีการถอดผ้าอ้อมสำเร็จรูป ยอมรับว่าน้องอลิส ถอดเองได้ แต่ไม่เคยถอดวางเป็นระเบียบเรียบร้อยอย่างที่เจอในจุดเกิดเหตุ 

 

อย่างไรก็ตาม สุดท้ายหากผลชันสูตรจากโรงพยาบาลตำรวจ ยืนยันว่าลูกจมน้ำตายเอง ยืนยันว่าทางครอบครัวรับได้ แต่ก็ยังคาใจที่เด็ก 3 ขวบเดินไปยังจุดเกิดเหตุได้ยังไง และถ้าตำรวจปิดคดีว่าลูกเดินไปตายเอง ทางครอบครัวยืนยันว่ายังไงก็ต้องเดินหน้าสู้คดีกันต่อจนกว่าลูกจะได้รับความเป็นธรรม ส่วนศพยืนยันว่าจะไม่เผาและจะนำไปฝังที่อุโมงค์วัดป่า ตามที่แจ้งกับสื่อไปก่อนหน้านี้

"ครู" เผยชายปริศนาโผล่อุ้ม "น้องอลิส" ก่อนจมน้ำตายที่บ่อน้ำ