ทีมข่าวช่อง 8 ได้รับแจ้งว่ามีเรื่องน่าหดหู่ใจเกี่ยวกับความทุกข์ยากของครอบครัวหนึ่งที่บ้านหนองละลอก อำเภอบ้านค่าย จังหวัดระยอง กรณี น.ส.จิดาภา อายุ 34 ปี ป่วยเป็นโรคมะเร็งช่องปากระยะสุดท้าย ทีมข่าวจึงลงพื้นที่ไปพูดคุยกับนางสาวจิดาภา ซึ่งพบว่าตอนที่มาถึงนางสาวจิดาภากำลังกินข้าวอยู่ เมนูอาหารวันนี้ก็คือข้าวไข่เจียวและปลากระป๋อง โดยที่ปลากระป๋องเป็นเมนูที่ชื่นชอบของนางสาวจิดาภา ทีมข่าวก็ได้สังเกตว่าการกินข้าวของนางสาวจิดาภานั้นได้มีตัวช่วยคือกระจก โดยมีการใช้กระจกในการส่องช่องปากของตัวเองเพื่อให้ตักข้าวเข้าปากได้อย่างแม่นยำและไม่เลอะเทอะ ซึ่งข้าว 1 จาน ได้ใช้เวลาในการกินจนหมดประมาณ 25-30 นาที ภายหลังจากการกินเสร็จนางสาวจิดาภาก็จะใช้สำลีในการเช็ดทำความสะอาดช่องปากของตัวเอง
จากนั้นนางสาวจิดาภา หรือ “น้องแพน” ก็ได้ขอพูดคุยสัมภาษณ์ด้วยตัวเอง เนื่องจากอยากจะออกมาเล่าเรื่องราวของตัวเองให้ใครหลายคนได้ฟังเป็นแนวทางการใช้ชีวิต โดยนางสาวจิดาภาได้เล่าย้อนกลับไปเมื่อปี พ.ศ.2564 ตนนั้นได้ประกอบอาชีพเป็นแม่ค้าหาเลี้ยงปากเลี้ยงท้องของตัวเอง แล้วอยู่มาวันหนึ่งก็รู้สึกถึงความผิดปกติในช่องปาก ลักษณะเหมือนเป็นฝีเล็ก ๆ ภายในปากและเริ่มมีอาการปูดบวมขึ้นมา แต่ตอนนั้นตนก็คิดว่าเป็นอาการของเหงือกอักเสบจึงไม่ได้คิดอะไร จนกระทั่งเริ่มมีอาการปวดรุนแรงจึงได้ไปพบแพทย์ ผลสุดท้ายตึงตรวจเจอว่าก้อนเนื้อที่ปูดบวมอยู่นั้นคือมะเร็งระยะสุดท้าย โดยแพทย์แจ้งว่าโรคนี้พบเพียงหนึ่งในล้านของมนุษย์ นาทีที่ตนรู้อย่างนั้นก็เสียใจเป็นอย่างมาก เสียใจถึงขนาดที่อยากจะจบชีวิตของตัวเอง เพราะการป่วยเป็นมะเร็งช่องปากทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป งานก็ไม่ได้ทำ จะกินข้าว อาบน้ำ ก็ต้องหวังพึ่งพาคนอื่น แต่ท้ายที่สุดแล้วตนก็ล้มเลิกความคิดที่อยากจะทำร้ายตัวเองเพราะกำลังใจจากครอบครัว ที่ผ่านมาทุกคนคอยอยู่ข้าง ๆ ตนมาเสมอ ตนจึงปรับเปลี่ยนความคิดใหม่ ตนมองโรคชนิดนี้เป็นส่วนหนึ่งของร่างกายและตนจะไม่รู้สึกเสียใจหรือบั่นทอนจิตใจของตัวเองเพียงเพราะสิ่งเหล่านี้ ตนจึงหันกลับมาดูแลตัวเองและช่วยเหลือตัวเองให้ได้มากที่สุด ตอนนี้ตนก็สามารถกินข้าวเองได้ อาบน้ำเองได้ ขับถ่ายเองได้ ซึ่งตนก็รู้สึกมีความสุขในตอนนี้ และหากใครกำลังท้อแท้อยู่นั้น ตนก็อยากเป็นกำลังใจให้เพราะชีวิตนี้ยังมีอะไรให้สู้อีกเยอะแยะมากมาย ถ้าถามว่าตอนนี้อยากได้ความช่วยเหลือในด้านใด ตนเพียงอยากให้เจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเข้ามาช่วยเหลือในสิ่งที่จำเป็น อย่างเช่น การหางานรองรับให้สำหรับคนพิการ เพราะตนก็ยังคงอยากทำงานเลี้ยงดูตัวเอง
แต่สำหรับใครที่อยากช่วยเหลือค่าใช้จ่ายอื่น ๆ ก็สามารถบริจาคได้ผ่าน “บัญชีธนาคารกรุงไทย เลขที่บัญชี 6781666657 นางสาวจิดาภา วงค์กระโซ่”
จากนั้นทีมข่าวได้พูดคุยกับนางสาวสมจิต อายุ 46 ปี ซึ่งเป็นอาของนางสาวจิดาภา โดยนางสาวสมจิตก็ได้เล่าให้ฟังว่า ตนนั้นเลี้ยงดูหลานสาวคนนี้มาตั้งแต่ยังเล็กเนื่องจากแม่ของนางสาวจิดาภาได้เสียชีวิตตั้งแต่ลูกยังเล็ก ส่วนพ่อก็ได้ทอดทิ้งไปอยู่ที่อื่นและเพิ่งจะกลับมาดูแลในตอนที่ป่วยเป็นมะเร็ง โดยตัวของนางสาวจิดาภานั้นได้ป่วยเป็นโรคไตตั้งแต่อายุ 14 ปี จนเมื่ออายุ 31 ปี ก็มาตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งในช่องปาก ซึ่งในตอนแรกที่นางสาวจิดาภารู้ว่าตัวเองป่วยก็เหมือนกับว่าจะรับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้นจนแทบอยากจะจบชีวิตตัวเอง แต่ตนก็คอยอยู่เคียงข้างมาเสมอและคอยให้กำลังใจมาตลอดจนสภาพจิตใจของหลานสาวเริ่มดีขึ้น ทุกวันนี้ตนก็ยังคงยืนยันว่าจะอยู่ดูแลหลานสาวคนนี้ต่อไปและไม่มีความคิดที่จะเหนื่อยหรือท้อเข้ามาในหัวเลย ถ้าถามว่าอยากได้ความช่วยเหลือในด้านใดบ้าง นางสาวสมจิตก็ไม่เรียกร้องอะไรเลย ได้เพียงแค่บอกว่า “แล้วแต่ผู้คนจะกรุณา”