จากกรณีการเสียชีวิตของ นายพิชิต หรือ เสี่ยต้น ที่ศพกลายเป็นสีดำ จนทางครอบครัวเชื่อว่าเป็นการวางยาฆ่า หลังก่อนหน้านี้ 8 เม.ย. เสี่ยต้นถูกลอบยิงแต่รอดมาได้ ก่อนจะถูกพบเป็นศพหน้าบ้านภรรยา ที่ จ.มหาสารคาม ในวันที่ 16 เม.ย. ซึ่งต่อมาตำรวจจับกุม มด ภรรยาของเสี่ยต้น ถูกตั้งข้อหาจ้างวานฆ่า รวมถึงแก๊งมือปืนที่ถูกจับได้ 2 ราย และยังหลบหนีอีก 1 ราย

 

ทีมข่าวช่องแปดได้เข้าไปพูดคุยกับนายถนอม อายุ 56 ปี โดยนายถนอมก็ได้อธิบายถึงลักษณะของแก้วเป๊กที่นายพิชิตได้ใช้ดื่มเหล้าในคืนวันที่ 15 เมษายน 2567 พร้อมกับนำตัวอย่างมาให้นักข่าวดู โดยยืนยันว่าเป็นแก้วประเภทเดียวกัน สีเหมือนกัน รูปทรงเหมือนกันเป๊ะ แต่เป็นแก้วคนละใบกัน ซึ่งลักษณะแก้วเป๊กจะเป็นแบบใส ขนาดปากกว้าง 4.6 เซนติเมตร , ความสูง 5.2 เซนติเมตร , บรรจุได้ 50 มิลลิลิตร จากนั้นนายถนอมก็ได้เล่าต่อว่า แก้วเป๊กใบนั้นน่าจะเป็นแก้วที่นางกล่ำ (แม่ของเจ๊มด) เคยใช้ดื่มยาดองเพราะตนเองก็มักจะเข้าไปดื่มยาดองกับนางกล่ำเป็นประจำอยู่แล้ว ซึ่งในคืนวันที่ 15 เม.ย. เสี่ยต้นก็ได้นำแก้วใบนั้นมาใช้ดื่มเหล้าแบบเพียวๆ จนกระทั่งเหล้าหมดไป 1 แบน จากนั้นน้องมิ้นท์ลูกสาวคนโตเข้ามาหยิบแก้วออกไปพร้อมกับขวดเหล้าแบนที่ 2 แล้วก็เดินออกห่างไปจากวงเหล้า ก่อนที่จะไปนั่งยอง ๆ อยู่บนลานหญ้าหน้าบ้าน แล้วได้นำรูปบรรพบุรุษมาวางไว้ที่พื้น (รูปพ่อของเจ๊มด) ก่อนจะจุดธูปไหว้ 1 ดอก แล้วรินเหล้าใส่แก้ว ซึ่งน้องมิ้นท์ก็ใช้เวลาอยู่ตรงนั้นครู่ใหญ่ ธูปไหม้ไปประมาณครึ่งหนึ่ง น้องมิ้นท์ก็ได้เดินกลับมาแล้วนำแก้วเหล้าที่ผ่านการไหว้บรรพบุรุษวางลงตรงหน้าเสี่ยต้น พร้อมกับบอกให้เสี่ยต้นกินจนหมดเพื่อขอขมากับตาที่ได้ทำผิดกับแม่ ซึ่งเหตุการณ์นั้นก็มีนางสาวมดที่นั่งดูอยู่ข้าง ๆ แต่นางสาวมดก็ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ ในตอนนั้นนายถนอมเองก็เห็นว่าน้องมิ้นท์รินเหล้าใส่มาจนเต็มแก้ว โดยที่สีของเหล้าก็ดูเป็นปกติดี ไม่ดีผิดเพี้ยนหรือมีคราบอื่น ๆ ที่ผิดปกติใด จากนั้นเสี่ยต้นก็หยิบแก้วเป๊กด้วยสองมือแล้วก็กระดกหมดในครั้งเดียวเลย ซึ่งหลังจากที่ดื่มไปสักพักเสี่ยต้นก็ดูง่วงซึมเหมือนจะควบคุมสติตัวเองไม่ได้ อีกทั้งเวลาพูดก็เริ่มมีน้ำลายไหลย้อยออกมาจากปาก ในตอนนั้นยอมรับว่าตนไม่ได้เอะใจอะไรและคิดว่าเสี่ยต้นคงจะเมา

 

ซึ่งนายถนอมยังบอกอีกว่า ตอนแรกที่ตนถูกเรียกเข้าไปสอบปากคำกับตำรวจ ตนไม่ได้ให้ข้อมูลที่ครบถ้วนหรือถูกต้อง 100% เพราะตนก็ไม่กล้าที่จะพูดในสิ่งที่ไม่มั่นใจ แต่พอตนกลับมาถึงบ้าน ตนหลับตานอนทีไรก็นึกถึงหน้าเสี่ยต้นขึ้นมาทุกทีและย้อนนึกถึงคำพูดที่เสี่ยต้นขอให้ตนช่วยอยู่เป็นเพื่อนเพราะความกลัวอะไรบางอย่าง แต่ตนกลับไม่ได้อยู่กับเสี่ยต้นตลอดเวลาและก็ไม่สามารถช่วยอะไรเสี่ยต้นได้เลย ทำให้ตนตัดสินใจเล่ารายละเอียดทุกอย่างให้กับตำรวจฟังทั้งหมด ยอมรับว่าหลังจากที่ตนให้ข้อมูลไปทั้งหมด ตนก็ถูกคนรอบข้างตำหนิและนินทาประมาณว่า “พูดความจริงมากเกินไป” ซึ่งตอนนี้สายตาของคนรอบข้างก็เริ่มมองตนเปลี่ยนไป เชื่อว่าคงมีคนไม่พอใจที่ตนให้ปากคำและให้สัมภาษณ์เกี่ยวกับเหตุการณ์คืนนั้น แต่นายถนอมก็ยืนยันว่าไม่รู้สึกกังวลและไม่อยากจะสนใจ เพราะคนที่ตำหนินินทาก็ไม่ได้หาข้าวหาน้ำให้ตนกิน อีกอย่างถ้าตนให้การเท็จก็คงหนีไม่พ้นคุก เพราะฉะนั้นตนจึงต้องบอกความจริงทั้งหมดในสิ่งที่ตนได้เห็นกับตาตัวเอง

 

ส่วนความคืบหน้าทางคดีที่ สภ.ยางสีสุราช พบว่า พันตำรวจเอกวัชรินทร์ สัตยาคุณ ผู้กำกับการ สภ.ยางสีสุราช ได้มีการเรียกพนักงานสืบสวน-สอบสวน ที่ดูแลรับผิดชอบคดีของเสี่ยต้น เข้าร่วมการประชุมที่ห้องประชุมใหญ่ของโรงพักเพื่อเร่งรัดสรุปสำนวนคดี โดยบรรยากาศนั้นเป็นไปด้วยความเคร่งครัดเข้มงวด ซึ่งพันตำรวจเอกวัชรินทร์ ก็ได้ให้ข้อมูลเพียงสั้น ๆ ว่าในวันนี้ทางชุดสอบสวนของภาค 4 ก็มีการประสานมาว่าจะเดินทางมายัง สภ.ยางสีสุราช เพื่อที่จะมาประชุมหารือกัน โดยในตอนแรกก็มีการนัดหมายกันไว้ว่าจะมีการเรียกพยานเข้ามาร่วมพูดคุยกันอีกครั้ง (ไม่ระบุว่าเป็นใคร) แต่ขณะนี้เหมือนว่าการเรียกพยานนั้นน่าจะต้องเลื่อนไปก่อน ซึ่งก็เป็นเหตุผลส่วนตัวของทางด้านชุดสอบสวนภาค 4 ส่วนจะมีการเรียกพยานมาอีกครั้งในวันไหน เมื่อไหร่ ก็คงต้องรอให้ชุดสอบสวนภาค 4 ทำการประสานติดต่อมาอีกครั้ง

 

นายณัฐพล หรือ ท็อป อายุ 25 ปี มือปืนยิงเสี่ยต้นที่ยังหลบหนี โดยมีรายงานว่านายณัฐพล มือปืนหลังก่อเหตุได้กลับมากบดานที่บ้านเกิดในจังหวัดขอนแก่น จากนั้นตำรวจไปสืบทราบว่า ในวันที่ 23 พฤษภาคม ที่ผ่านมา นายณัฐพล มีการเดินทางไปยังประเทศเพื่อนบ้านโดยใช้เส้นทางข้ามพรมแดนที่อำเภอแม่สอด จังหวัดตาก

 

ล่าสุดวันนี้ (10 มิ.ย.67) ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางย้อนกลับไปยังบ้านเกิดของนายณัฐพล ในพื้นที่หมู่บ้านโนนอุดม หมู่ที่ 6 ตำบลนาหว้า อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น

 

ซึ่งบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านของตากับยายนายณัฐพล โดยวันบ้านปิดเงียบ ไม่มีใครอยู่ในบ้าน โดยก่อนหน้านี้ ตามข้อมูลนายณัฐพล มือปืน ไม่ได้อยู่ประจำที่บ้านหลังนี้ แต่ไปทำงานอยู่ที่กรุงเทพฯ ซึ่งตามทราบว่าไปทำงานรับจ้างทำงานก่อสร้าง นานๆครั้งจึงจะกลับมาเยี่ยมตา-ยาย และลูกสาววัย 1 ขวบ 4 เดือนที่ทิ้งไว้ให้ตากับยายเลี้ยง

 

ขณะเดียวกันภาพจากกล้องวงจรปิดในหมู่บ้านโนนอุดม ตำบลนาหว้า อำเภอภูเวียง จังหวัดขอนแก่น ยืนยันว่า หลังก่อเหตุลอบยิงเสี่ยต้น เมื่อวันที่ 8 เมษายน มือปืน คือ นายณัฐพล หรือ ท็อป ได้หลบหนีมากบดานอยู่ที่บ้านในจังหวัดขอนแก่น จริง โดยครั้งสุดท้ายที่กบดานอยู่ที่นี่ คือ ช่วงเดือนพฤษภาคม ซึ่งกล้องวงจรปิด บันทึกภาพเมื่อวันที่ 15 พฤษภาคม เวลา 09.59 น. นายณัฐพล หรือ ท็อป มือปืน สวมเสื้อแขนยาวสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำ เดินมาซื้อบุหรี่ที่ร้านค้า 2 ซอง โดยสังเกตเห็นว่า จะถือโทรศัพท์และเล่นโทรศัพท์อยู่ตลอดเวลา

 

ขณะที่ต่อมา กล้องวงจรปิดบันทึกภาพเมื่อเวลา 18.18 น. วันที่ 20 พฤษภาคม นายณัฐพล หรือ ท็อป มือปืน สวมเสื้อยืดแขนสั้นสีดำ กางเกงขาสั้นสีดำ เดินจากบ้านมาที่ร้านค้าชุมชน ก่อนเข้าไปหาซื้อถุงตาข่ายไนล่อน ใส่ปลาใส่กบ ซึ่งก็จะสังเกตได้ว่า ในมือของนายณัฐพล หรือ ท็อป มือปืน ถือโทรศัพท์มือถืออยู่ในมือตลอดเวลา พร้อมกับมีการใส่หูฟังด้วย

 

จากนั้นวันที่ 21 พฤษภาคม เวลา 21.29 น. นายณัฐพล หรือ ท็อป มือปืน ได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์มาที่ร้านค้าชุมชน ก่อนจะไปเคาะเรียกเจ้าของร้าน เพื่อขอซื้อของบางอย่าง แต่เนื่องจากร้านปิดแล้ว เจ้าของร้านจึงไม่ได้มาเปิดประตูเพื่อขายของให้นายณัฐพล หรือ ท็อป จากนั้นเจ้าตัว ก็ได้เดินกลับไปขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ขี่ออกไป

 

ซึ่งนี่เป็นภาพสุดท้ายที่นายณัฐพล หรือ ท็อป มือปืนปรากฏตัวในชุมชน ก่อนที่วันรุ่งขึ้นจะหอบลูกสาววัย 1 ขวบเศษ หลบหนีไปที่จังหวัดตาก และออกนอกประเทศไป

 

ทีมข่าวได้มีโอกาสไปพูดคุยกับนายยุทธ (นามสมมติ) อายุ 46 ปี เป็นเจ้าของร้านค้า เปิดเผยว่า หลังมีข่าวเรื่องของเสี่ยต้น ตนเองเห็นนายณัฐพล มือปืน เดินทางกลับมาที่บ้านตาและยาย สองรอบด้วยกัน โดยรอบแรกเห็นเดินทางกลับมาในวันที่ 14 พฤษภาคม และวันที่ 15 พฤษภาคม นายณัฐพล ก็เข้ามาซื้อของที่ร้านและใช้ชีวิตตามปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งในขณะที่นายณัฐพล เข้ามาซื้อของเขาก็ไม่มีพิรุธ แต่ตนเองสังเกตเห็นว่าเขาเดินถือโทรศัพท์ในลักษณะพูดคุยกับใครสักคนตลอดเวลา

 

จากนั้นเช้าวันที่ 16 พฤษภาคม จู่ๆ นายณัฐพล ก็หายออกไปจากบ้าน และกลับมารอบที่ 2 ในวันที่ 20 พฤษภาคม ซึ่งทุกครั้งที่นายณัฐพล หายออกไปจากบ้าน เท่าที่เห็นจะมีผู้หญิงขับรถเก๋งสีดำเข้ามารับออกจากบ้านในช่วงกลางคืนและหากกลับมาผู้หญิงคนนั้นก็จะมาส่งที่บ้านในช่วงกลางคืนเช่นกัน

 

ส่วนคืนวันที่ 21 พฤษภาคม ตามภาพวงจรปิดก่อนนายณัฐพล หายออกไปจากหมู่บ้าน คืนนั้นเท่าที่จำได้ นายณัฐพล เข้ามาเคาะประตูเรียกเพื่อจะขอซื้อบุหรี่ แต่ตนเองไม่ได้เปิดประตูออกไปขายของให้ จากนั้นเช้าวันรุ่งขึ้น นายณัฐพล ก็หายออกไปจากหมู่บ้าน ซึ่งตนเองไม่รู้ว่าคืนวันที่ 21 พฤษภาคม มีผู้หญิงที่ขับรถสีดำมารับออกไปหรือไม่

 

ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้น ส่วนตัวยอมรับว่ารู้สึกตกใจที่นายณัฐพล เป็นมือปืนที่หลบหนีมา เพราะเท่าที่รู้จักกันมา ตัวนายณัฐพล เป็นคนเงียบๆ ไม่ค่อยพูดกับใครจึงไม่คิดว่ามือปืนในภาพข่าวจะเป็นเขา

 

ทีมข่าวได้หลักฐานจากชาวบ้านในพื้นที่ ซึ่งได้เข้าไปดูเฟซบุ๊กส่วนตัวของนายณัฐพล หรือ ท็อป มือปืน หลังจากที่ตำรวจมีการออกหมายจับ ซึ่งสามารถบันทึกภาพในเฟซบุ๊กของนายณัฐพล หรือ ท็อป ไว้ได้ส่วนหนึ่ง เป็นภาพที่นายณัฐพล หรือ ท็อป ถ่ายเซลฟี่ตัวเอง ที่สถานที่ราชการแห่งหนึ่ง และภาพถ่ายเซลฟี่ขณะกำลังไปปักเบ็ดหาปลา ส่วนภาพที่สำคัญคือภาพปืนพร้อมกระสุน ที่เจ้าตัวได้โพสต์ไว้ช่วงกลางเดือนพฤษภาคม ขณะที่ชาวบ้านบอกว่า พอเริ่มมีข่าวคดีเสี่ยต้น มากขึ้นเรื่อยๆ นายณัฐพล หรือ ท็อป ก็ได้ไล่ลบภาพทั้งหมดออก ก่อนจะปิดเฟซบุ๊กทำให้ไม่สามารถเข้าไปดูได้อีก

จ่อออกหมายจับ! มือวางยา "เสี่ยต้น" "เจ๊มด" ผวา หวั่นคนในตระกูลถูกจับเพิ่ม