จากกรณีที่ญาติของ น.ส.เบญจรัตน์ หรือน้องครีม อายุ 21 ปี ชาว จ.หนองคาย โพสต์ประกาศตามหาหลังขาดการติดต่อนาน 1 สัปดาห์ก่อนนอนเสียชีวิตปริศนาอยู่ในพงหญ้าบริเวณริมถนนเพชรเกษม ฝั่งขาล่องใต้ หลัก กม.ที่ 144 อ.เขาย้อย จังหวัดเพชรบุรี
ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมายังรีสอร์ต ที่นายอนุวัฒน์ ชายต้องสงสัย มาเข้าพักอีกครั้ง โดยได้คุยกับนางอ้วนและนางจิ๋ว (นามสมมติ) 2 พนักงานของรีสอร์ตดังกล่าว โดยทั้งคู่เผยว่า นายอนุวัฒน์ มีการจองรีสอร์ตผ่านแอปจองโรงแรม โดยจองเข้ามาประมาณ 20.46 นาที ซึ่งทางรีสอร์ตก็รับจองไว้ ก่อนเวลาประมาณ 21.00 น. นายอนุวัฒน์โทรเข้ามาบอกว่ากำลังทางเข้าโรงแรมอยู่ แต่หาไม่เจอ
และทางพนักงานก็บอกไป จนนายอนุวัฒน์ก็เข้ามาโรงแรมประมาณ 21.00 น.โดยประมาณ และเรื่องที่นายอนุวัฒน์เดินทางมาอย่างไรนั้น ไม่มีใครทราบเนื่องจากเวลาดังกล่าวมีแต่เพียงพนักงานเมียนมาเป็นคนไปถ่ายบัตรและให้คีย์การด์กับทางนายอนุวัฒน์เท่านั้น และเรื่องของน้องครีม คนตาย ขับรถเข้ามารับนายอนุวัฒน์หรือไม่นั้น พวกตนก็ไม่ทราบเช่นกันเพราะช่วงเวลานั้นมีคนเข้ามาใช้บริการที่รีสอร์ตเยอะ
ส่วนเมื่อวานนี้ทางชุดสืบสวนของสภ.เขาย้อย ได้มีการเดินทางมาที่รีสอร์ต ช่วงเย็นโดยมีการสอบถามว่ามีคนหน้าตาเช่นนี้ เดินทางมาเข้าพักที่รีสอร์ตหรือไม่ พร้อมยื่นรูปภาพให้ดู ซึ่งพวกตนพอเห็นรูปแล้วก็ตกใจ เนื่องจากรูปดังกล่าวคือคนที่มีหน้าตาเหมือนกับนายอนุวัฒน์
ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ในคืนวันที่ 1 มิ.ย.67
ภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อเวลา 21.06.10 น. จะสามารถจับภาพของรถแท็กซี่ ที่มาส่งอนุวัฒน์ จากสนามบิน ขับมาตามเส้นทางต่างๆ
ภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อเวลา 21.06.13 จะสามารถจับภาพของรถแท็กซี่ ที่มาส่งอนุวัฒน์ จากสนามบิน ขับมาตามเส้นทางต่างๆ
ภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อเวลา 21.07.08 น. จะสามารถจับภาพของรถแท็กซี่ ที่มาส่งอนุวัฒน์ จากสนามบิน ขับมาตามเส้นทางต่างๆ
ภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อเวลา 21.08.04 น. จะสามารถจับภาพของรถแท็กซี่ ที่มาส่งอนุวัฒน์ จากสนามบิน ขับมาตามเส้นทางต่างๆ
ภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อเวลา 21.10.28 น. จะสามารถจับภาพของรถแท็กซี่ ที่มาส่งอนุวัฒน์ จากสนามบิน ขับมาตามเส้นทางต่างๆ
ภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อเวลา 21.13.34 น. จะสามารถจับภาพของรถแท็กซี่ ที่มาส่งอนุวัฒน์ จากสนามบิน ขับมาตามเส้นทางต่างๆ
ภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อเวลา 21.14.19 น. จะสามารถจับภาพของรถแท็กซี่ที่มาส่งอนุวัฒน์ จากสนามบิน ขับมาตามเส้นทางต่างๆ
ภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อเวลา 21.15.10 น. จะสามารถจับภาพของรถแท็กซี่ ที่มาส่งอนุวัฒน์ จากสนามบิน ขับมาตามเส้นทางต่างๆ จนมาถึงซอยทางเข้ารีสอร์ต ซึ่งจากเวลาดังกล่าวที่นายอนุวัฒน์ เดินทางเข้ามารีสอร์ต จะสอดคล้องกับข้อมูลพนักงานรีสอร์ตในเรื่องของการที่นายอนุวัฒน์โทรเข้ามาสอบถามเส้นทางในเวลาประมาณ 3 ทุ่มกว่าๆ
ทีมข่าวได้พูดคุยกับนายสมพงษ์ (นามสมมติ) คนขับรถแท็กซี่ที่ไปรับชายมีหนวด ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 1 มิถุนายนที่ผ่านมา ชายมีหนวด ได้เรียกแท็กซี่ตัวเอง ทางแอปพลิเคชันโบลท์ ในเวลา 20.49 น. จากนั้นเวลาประมาณ 20.56 น. ตัวเองได้ขับรถมารับชายคนดังกล่าวที่ซอยตาเอียด อำเภอฉลองจังหวัดภูเก็ต แล้วตัวเองก็ได้ขับรถไปส่งชายคนดังกล่าวที่รีสอร์ตแห่งหนึ่งตามที่เป็นข่าว
โดยใช้เวลาขับรถประมาณ 20 นาที ตัวเองก็ได้ไปส่งชายคนดังกล่าวที่รีสอร์ตแห่งหนึ่ง ซึ่งตอนที่อยู่บนรถชายคนดังกล่าวเขาก็ไม่พูดจาอะไรมีสีหน้าปกติ ตัวเองจำได้ว่าชายคนนั้นจะมีหนวด มีกระเป๋าเป้สะพายหลัง เมื่อตอนที่ตัวเองส่งเขาถึงที่รีสอร์ตแล้วก็เห็นเขาพูดกับพนักงานของรีสอร์ตเป็นภาษาอังกฤษซึ่งตอนนั้นตัวเองก็เข้าใจว่าเค้าเป็นชาวต่างชาติ
โดยตอนที่เขานั่งอยู่อยู่บนรถเขาก็ไม่ได้บอกว่าจะไปหาแฟนสาว หรือว่าจะไปหาญาติแต่อย่างใด เอาแต่นั่งเงียบๆ ในรถ
นายสมพงษ์ยังได้ส่งประวัติการรับลูกค้าในวันดังกล่าวซึ่งพบว่า ชายคนดังกล่าวได้เรียกใช้บริการตอน 20.49 น. และนายสมพงษ์เดินทางไปถึงจุดที่รับชายคนนั้นดังกล่าวเวลา 20.56 น. กระทั่งมาส่งชายคนนั้นกล่าวถึงรีสอร์ตเวลา 21:16 น.
ทีมข่าวช่องแปดจึงเดินทางมาพบกับปู่และย่า ที่เลี้ยงดูนายนุ อนุวัฒน์ พบว่ามาขายผักที่ตลาดนัด โดยนางเทพ อายุ 56 ปีเป็นย่าของนายนุ เปิดเผย ว่านายนุมาที่บ้านเมื่อสี่ถึงห้าเดือนที่ผ่านมา มาส่งปู่กับย่าไปงานรับปริญญาของหลาน และไม่ได้กลับมาอีก จนถึงปัจจุบัน โดยนายนุทำงานขายของที่กรุงเทพมหานครและมีแฟนอยู่ที่อำเภอปราณบุรี
กรณีข่าวที่เกิดขึ้นจากการได้ดูรูปภาพที่มีการนำเสนอข่าวก็มองว่าคล้ายกับนายนุแต่ยังไม่แน่ชัดว่าใช่หรือไม่ เมื่อสอบถามถึงพฤติกรรมนิสัยของนายนุคุณย่าบอกว่านายนุเป็นคนดี นิสัยดี จิตใจอ่อนโยน ไม่เคยทำร้ายใคร
และพฤติกรรมขับรถก็ขับรถดีเวลาสั่งให้เบรกหรือชะลอตัวไม่ให้ขับรถเร็วก็ทำตามคำสั่ง ไม่เคยหัวร้อนใส่ หรือโกรธ ส่วนกรณีน้องครีมซึ่งอยู่จังหวัดภูเก็ตคุณย่าบอกว่านายนุไม่เคยเดินทางไปจังหวัดภูเก็ตและก็ไม่ได้รู้จักกับ น้องครีมเป็นการส่วนตัว เช่นเดียวกับนายเคก็ไม่รู้จักเช่นกัน
“ดังนั้นจึงเชื่อว่านายนุไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของน้องครีมแน่นอน”
ทางด้านนายกำเนิด อายุ 65 ปี ซึ่งมีศักดิ์เป็นปู่ของนายนุชายต้องสงสัยระบุว่าตอนแรกที่ดูข่าวเห็นภาพชายขับรถกระบะที่สื่อนำเสนอ
“ก็เริ่มสงสัยว่าทำไมหน้าคล้ายกับหลานชาย”
แต่ก็ก็คงคิดว่าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับคดีแค่หน้าคล้ายกันโดยส่วนตัวเชื่อว่าหากนายนุเป็นคนทำน้องครีมเสียชีวิตจริงจะเข้ามอบตัวเองเพราะรู้นิสัยหลานดีแต่ถ้านายนุไม่ได้ทำก็อยากให้ไปให้ข้อมูลกับตำรวจเพราะหน้าตาคล้าย กับชายในรูปที่ออกสื่อมาก
เมื่อพูดถึงนิสัยของนายนุปู่บอกว่านายนุเป็นคนดีคนหนึ่ง ตั้งใจทำงานและไม่เคยสร้างความเดือดร้อนมาให้ที่บ้าน และไม่ได้กลับบ้านมานานแล้วแต่ถ้ากลับมาก็จะช่วยงานบ้านทุกอย่างเรื่องที่เกิดขึ้นกับน้องครีมนั้นเป็นเรื่องน่าเสียใจและหากนายนุฟัง อยู่อยาก บอกว่าถ้าทำก็ให้ไปมอบตัวซะ ตำรวจเขาเก่งนะ แต่ถ้าไม่ทำก็ไปแสดงความบริสุทธิ์ใจบอกกับตำรวจว่าแค่หน้าคล้ายกัน
ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้หลักฐานเป็นภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าร้านนวดที่น้องครีม ผู้ตายทำงานอยู่
ภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อเวลา 10.50.13 น.จะเห็นน้องครีม ผู้ตาย เดินเข้ามาที่ร้านนวดที่ตนเองทำงานอยู่
ภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อเวลา 11.47.29 น.จะเห็นน้องครีม ผู้ตาย เดินออกมาที่ร้านนวดที่ตนเองทำงานอยู่ เพื่อไปเอารถกระบะแล้วออกไปจากร้านนวด แล้วอาจจะไปรับชายปริศนา
ภาพจากกล้องวงจรปิดเมื่อเวลา 11.10.20 น.จะเห็นน้องครีม ผู้ตาย ขับรถกระบะของตัวเองผ่านหน้าร้านนวดที่ตัวเองทำงานอยู่ โดยมีการบีบแตร 2 ครั้ง พร้อมกับรถกระจกข้างลง และพูดว่า “ไปแล้วนะ”
ล่าสุดทีมข่าวช่อง8 เดินทางมายังร้านนวดที่ทำงานของน้องครีม ผู้ตายอีกครั้ง ซึ่งวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้มีการพูดคุยกับนางแบม (นามสมมติ) เจ้าของร้านนวดที่น้องครีม ผู้ตายทำงานอยู่ โดยนางแบมเปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่าน้องครีม ผู้ตายนั้น มาทำงานอยู่ที่ร้านของตนเมื่อช่วงเดือนเม.ย.ที่ผ่านมา โดยทางตนติดต่อน้องครีม ผู้ตาย ไปเนื่องจากเห็นว่าโพสต์หางานอยู่ จึงได้ชวนมาทำงาน ซึ่งน้องครีมด้วยล่ะว่าตัวเองนั้ นร้อนเงินพอมีปัญหาเรื่องเงิน ที่ค่าใช้จ่ายไม่ค่อยพอใช้เท่าไหร่ในช่วงนี้
โดยช่วงที่มาทำงานที่ร้านนวดของตนช่วงแรกๆนั้น น้องครีม ผู้ตายเคยเล่าให้ตนฟังว่าตัวเองนั้นมีปัญหากับนายเค แฟนเก่า เรื่องของรถกระบะ ที่เป็นชื่อของแฟนเก่า แต่ตนเอามาใช้ และแฟนเก่าก็ต้องการรถคืน ซึ่งทางน้องครีม ผู้ตาย ก็ได้หาวันคืนรถก็คือวันที่ 2 มิ.ย. โดยก่อนวันที่จะไปขึ้นรถ 1 วัน น้องครีมได้มาแจ้งกับตนว่า จะมีญาติห่างๆพาไปเอารถเก๋งที่ จ.ประจวบฯ และรถเก๋งคันดังกล่าวก็คือของญาติห่างๆ คนนั้น ซึ่งจะให้น้องครีม ผู้ตายเอามาใช้เลยถาวร หลังจากที่รถกระบะที่ใช้อยู่เป็นประจำเอาไปคืนกับแฟนเก่าแล้ว ส่วนเมื่อคืนรถเสร็จแล้ว ก็กลับมาที่ จ.ภูเก็ต พร้อมกับทางญาติห่างๆก็จะมาหาซื้อคันใหม่ที่ จ.ภูเก็ต ด้วยกันอีกด้วย
และเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ที่ทางตนได้เจอหน้ากับน้องครีม ผู้ตาย เป็นครั้งสุดท้าย ตนก็ เห็นเพียงว่าน้องครีม ผู้ตาย ได้ขับรถกระบะมาพร้อมกับชายคนหนึ่ง ซึ่งคนที่นั่งไปด้วย ก็คาดว่าน่าจะเป็นทางญาติห่างๆ ที่น้องครีม ผู้ตาย เคยเล่าให้ฟังก่อนหน้านี้ และเมื่อขับผ่านที่หน้าร้านของตน ทางน้องครีม ผู้ตาย ก็ได้มีการบีบแตร 2 ที พร้อมกับโบกมือบ๊ายบายให้ตนพร้อมกับเพื่อนร่วมงานที่นั่งอยู่หน้าร้านนวด และก็ไม่คิดว่าครั้งนั้นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่ทางตน จะได้เจอกับน้องครีม ผู้ตาย
ส่วนญาติห่างๆ ที่ไปกับน้องครีม ผู้ตาย ตนไม่เคย รู้จักหรือเห็นหน้ามาก่อน เพราะน้องครีม ผู้ตาย ไม่เคยเล่าให้ฟังเลย อีกทั้งญาติห่างๆดังกล่าว ตนก็ไม่รู้ว่าน้องครีมนั้น บอกเรื่องจริงหรือไม่ เพราะตนยอมรับว่าน้องครีม ผู้ตายนั้น เป็นคนที่ชอบดึงแอปหาคู่ และมักจะคุยกับผู้ชายหลายคน จนบางทีตนถึงกับแซวเล่นๆ ว่าสรุปตอนนี้ได้คุยกับผู้ชายทั้งภูเก็ตแล้วแล้วใช่ไหม ดังนั้นจึงไม่รู้ว่าญาติห่างๆ อาจจะเป็นคนคุยของน้องครีม ผู้ตายก็เป็นได้ สุดท้ายตอนนี้ก็อยากให้ทางตำรวจช่วยรีบติดตามคดีและนำตัวคนผิดมาดำเนินคดีให้ได้ในเร็ววันนี้
นายเค แฟนเก่าของผู้เสียชีวิต อัดวิดีโอเพื่อยืนยันความบริสุทธิ์ ชี้แจงว่าไม่มีส่วนรู้เห็นและเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของ “ ครีม” แฟนเก่า โดยอัดคลิปขณะนั่งกับเพื่อนร่วมงานภายในฟาร์มหมู และระบุพิกัดชัดเจน อัดคลิปเวลา 18.23 น. ของวันนี้ (9 มิ.ย.) ที่ อ.ดงเจริญ จ.พิจิตร
โดยนายกอล์ฟ (นามสมมติ) เพื่อนร่วมงานของเค บอกกว่า “ ผมขอยืนยันครับว่าน้องเคไม่ได้ออกจากฟาร์มหมูตั้งแต่วันที่ 31 พฤษภาคม จนถึงวันที่ 6 มิถุนายน เพราะว่าผมอยู่ด้วยกันตลอดเวลา ผมทำงานด้วยกัน ทุกคนเขาก็ยืนยัน” จากนั้นเพื่อนร่วมงานของนายเคที่นั่งด้วยกันก็พูดทีละคนว่า “ผมก็ยืนยัน ยืนยันว่าน้องไม่ได้ออกนอกฟาร์ม” ซึ่งในคลิปจะเห็นในเคนั่งอยู่ตรงกลาง โดยเจ้าตัวมีสีหน้าที่เรียบเฉย ขณะที่เพื่อนร่วมงานช่วยกันพูดยืนยันในคลิป
นอกจากนั้นนายเคยังได้ส่งพิกัดรถกระบะของตนเองที่อยู่กับครีม ก่อนครีมหายตัวไป ซึ่งเจ้าตัวเช็กพิกัดรถกระบะของตนเองตลอดเนื่องจากครีมยังไม่คืนรถให้กับตัวเอง วันที่ 4 มิถุนายน รถกระบะพิกัดอยู่ที่ ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี วันที่ 5 มิถุนายน รถกระบะพิกัดอยู่ที่ ต.คลองสาม อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี และวันที่ 6 มิถุนายน รถกระบะพิกัดอยู่ที่ ถนนรังสิต -นครนายก และพิกัดล่าสุดอยู่ที่ ถนนรังสิต –นครนายก
พบภาพวงจรปิดรถคนร้ายทิ้งศพน้องครีมก่อนกลับรถมุ่งหน้าเข้ากทม.
ทีมข่าวตรวจสอบกล้องวงจรปิดหลังจากก่อเหตุทิ้งศพน้องครีมอายุ 22 ปีภายในพงหญ้าริมถนนเพชรเกษมช่วงหลักกิโลเมตรที่ 114 โดยคาดว่าใช้เวลาในการทิ้งศพประมาณ 10 นาทีกล้องวงจรปิด ของร้านค้าแห่งหนึ่ง
บันทึกภาพตอนที่รถวิ่งออกจากจุดทิ้งศพบริเวณพงหญ้าเวลา 04.02.01 โดยรถวิ่ง ออกจาก พงหญ้าที่ทิ้งศพและเลี้ยวซ้ายเพื่อจะไปกลับรถที่อุโมงค์ กลับรถ
จากนั้นรถกระบะโตโยต้า ลิโว่ สีเทาดำ ของผู้ก่อเหตุ ขับออกจากจุดเกิดเหตุมาถึงทางลงอุโมงค์กลับรถ และเวลา 04.03.17 ก็ขับรถยูเทิร์นไปยังถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้ากทม.
จากนั้นพบว่าเวลา 04.03.45 ผู้ก่อเหตุ ได้ กลับรถเรียบร้อยแล้วและโผล่ที่ถนนเพชรเกษมฝั่งขาเข้าเตรียมที่จะเข้า
กรุงเทพมหานคร
เวลา 04.03.56 รถวิ่งผ่านและลงไปยังอุโมงค์กลับรถสอดรับกับกล้องอีกตัวที่เห็นขึ้นมาจากอุโมงค์กลับรถ เวลา 04.04.00
โดยจากการสังเกตลักษณะการขับรถหลังจากทิ้งศพแล้วจะขับช้าไม่ได้ขับรถเร็ว ทำให้กล้องวงจรปิดสามารถจับภาพได้
วันนี้ทีมข่าวช่องแปดเดินทางมายัง จ.พังงา ซึ่งทีมข่าวได้กล้องวงจรปิด มา 2 มุม เวลาประมาณ 14.30 น. วันที่ 2 มิถุนายน 2567 กล้องวงจรปิด 2 มุม จับภาพรถกระบะของนางสาวเบญจรัตน์ ขับมาจาก จ.ภูเก็ต มาถึง จ.พังงา เพื่อ มุ่งหน้าจังหวัดสุราษฎร์ธานี และ จ.ชุมพรต่อไป
ดูในกล้องวงจรปิดทั้งสองมุมจะไม่เห็นตัวบุคคลภายในรถเนื่องจากฟิล์มกระจกด้านหน้าค่อนข้างมืด
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้ติดตามไปยังจุดที่กล้อง License Plate Recognition (ไลเซนเพท ตรวจจับป้ายทะเบียน) จับภาพรถของนายเคครั้งสุดท้ายได้เมื่อวันที่ 3 มิถุนายน 2567 ซึ่งอยู่บริเวณถนนพระราม 2 มุ่งหน้าขาออก มุ่งหน้าลงใต้ ย่านนิคมอุตสาหกรรมสมุทรสาคร
ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนายทองเลิศ (นามสมมุติ) ชาวบ้านแถวจุดนี้ เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า จากรูปบุคคลที่ทีมข่าวนำมาให้ดูนั้น ตนไม่เคยเห็นมาก่อน และไม่คุ้นหน้าเลย แต่หากมาทางนี้จริง ก็สามารถที่จะเดินทางไปได้หลายทาง เช่น ลงไปทางเพชรบุรี ประจวบ ลงใต้ได้ หรือจะไปลงเรือที่ทะเลใกล้ๆนี้ก็ได้เช่นกัน และต่อเรือประมงเพื่อลงไปใต้ก็ได้อีกด้วย หรือจะวกกลับเข้ากรุงเทพก็ได้อีก
ทั้งนี้ทีมข่าวได้รับคลิปวิดีโอซึ่งเป็นความยาว 3 วินาทีเป็นลักษณะคลิปอยู่ในรถยนต์คันเกิดเหตุถ่ายเห็นคอนโซลด้านหน้ารถและบริเวณพวงมาลัยแต่ไม่เห็นคนขับซึ่งคลิปนี้ทางทีมข่าวได้รับจาก น้าของน้องครีมส่งให้ซึ่งทางครอบครัวสงสัยว่าอาจจะมีเหตุการณ์ไม่ดีอะไรบางอย่างน้องครีมจึงอัดคลิปนี้แต่อัด ได้ไม่นาน ซึ่งทางครอบครัวเชื่อว่าคลิปนี้อาจจะส่งผลทำให้น้องครีมเกิดอันตรายก็เป็นได้และได้ส่งรายละเอียดคลิปนี้ให้กับตำรวจไปตรวจสอบแล้ว
ล่าสุดวันนี้ (9 มิ.ย.67) เวลา 09.00 น. นางสาวพรพรรณ อายุ 41 ปี แม่ผู้เสียชีวิต เดินทางนำเอกสารมาติดต่อขอรับศพที่สถาบันนิติเวชวิทยา โรงพยาบาลตำรวจ เปิดเผยว่า วันนี้มารับศพลูกและจะนำร่างกลับไปประกอบพิธีทางศาสนาที่ วัดมงคลนิมิตร (พระร่วง) จ.สุโขทัย ที่บ้านเกิดโดยกำหนดการจะทำการสวด 3 คืน
โดยนางสาวพรพรรณ แม่ผู้เสียชีวิต ได้เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า วันนี้ตนก็มารับร่างลูกสาว สิ่งที่นำมาด้วยก็เป็นเพียงเสื้อผ้าของลูกสาวเท่านั้น เพราะไม่รู้ว่าพวกของกินหรืออย่างอื่นโรงพยาบาลเขาจะให้นำเข้าหรือไม่ หลังจากนี้ก็จะนำร่างลูกสาวกลับไปทำพิธีทางศาสนาที่จังหวัดสุโขทัย ซึ่งเป็นบ้านเกิด และจะไปทำพิธีเชิญดวงวิญญาณน้องที่จุดพบศพด้วยในวันนี้ จะเอาพระไปเรียกน้องกลับบ้าน
ตนเองได้คุยกับลูกสาวเป็นครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 2 มิถุนายน ที่ผ่านมา คุยกันเรื่องรถ ว่าให้ลูกเอารถไปคืนแฟนเก่า ไม่อย่างนั้นเขาจะเอาตำรวจมาจับลูก ซึ่งตนไม่รู้ว่าลูกเลิกกับนายเคตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่หลังจากจบสงกรานต์ได้ 1 อาทิตย์ ลูกก็โทรมาหาตนบอกตนว่า เลิกกับนายเคแล้ว และมาทำงานอยู่ที่ภูเก็ต ตนก็ไม่ได้ว่าอะไรเขา พอตอนเย็นก็ถามเขาว่าเอารถไปจอดคืนนายเคหรือยัง เพราะตนแนะนำให้เขาเอาไปจอดที่ สภ.ใกล้ๆที่ลูกสาวอยู่ที่ภูเก็ต ถ้ายังก็ให้เอาไปเลย เดี๋ยวเขาแจ้งตำรวจจับ เพราะลูกอยู่นั่นคนเดียว ไม่มีใครช่วยนะ ลูกก็ตอบตนมาว่า จ้ะแม่ และก็ไม่มีอะไร
พอมาวันที่ 2 มิถุนายน ตนก็ได้มีการถามลูกสาวอีกว่าเอารถไปคืนเขาหรือยัง แต่ลูกก็ไม่ได้ตอบ โทรไปก็ไม่รับ ติดต่อเขาไม่ได้เลย เขาหายไปเลย
ตนไม่ทราบเลยว่าลูกสาวตนนั้นหลังเลิกกับนายเค ลูกไปมีไปคุยกับชายคนอื่นหรือไม่ ตนก็ดูข่าวอยู่ไปเจอว่าลูกขับรถไปที่พักแห่งหนึ่ง ตนก็อยากรู้ว่าชายคนนั้นที่ห้องพักคือใคร เขาทำลูกตนหรือไม่
หลังจากที่เห็นภาพในข่าว แม่ไม่รู้เลยชายที่ขับรถคันนั่นเป็นใคร แต่ตอนนี้แม่ไม่มีข้อสงสัยในตัวนายเคแล้ว แต่แม่โมโหที่นายเคไม่ให้ข้อมูลแม่แต่แรก หลังจากนี้ให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้เร่งติดตามตัวคนร้ายมาดำเนินคดี อยากเห็นหน้าตัวคนร้ายเหมือนกันว่าทำไม ทำกับลูกแม่ได้ทำกับผู้หญิงตัวเล็กๆ ถ้าเป็นไปได้อยากให้ประหารชีวิตไปเลย
จากนั้นในเวลา 12.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ได้นำร่างของผู้ตายออกมา เผื่อให้ญาติรับกลับไปทำพิธีทางศาสนา โดยคุณแม่หลังจากได้เห็นร่างลูกก็ร้องไห้ออกมา ญาติต้องคอยปลอบ
ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะนำร่างยกใส่โลงศพที่ญาติเลือกไว้ก่อนจะนำขึ้นรถ เผื่อไปทำพิธีตามศาสนาที่จังหวัดสุโขทัยต่อไป
ต่อมาเวลา 18.00 น. อาสาสมัครกู้ภัยได้นำร่างของครีมมาส่งที่บ้านพักของยายผู้เสียชีวิตเพื่อประกอบพิธีทางศาสนา ที่ อ.สวรรคโลก จ.สุโขทัย ระหว่างที่รถกู้ภัยจอดที่หน้าบ้านพักที่จัดงานศพ ปรากฏว่า นางดอกรัง อายุ 62 ปี ยายผู้เสียชีวิต ได้ปล่อยโฮขึ้นมาทันที ร่ำไห้ด้วยความเสียใจจากการสูญเสียหลานรัก พร้อมตะโกนสาปแช่งฆาตกร บรรยากาศในงานศพค่อนข้างชุลมุน เพราะหลังจากยายของน้องครีมร้องไห้ขึ้นมาเสียงดัง ก็ปรากฏว่าญาติคนอื่นก็ร้องไห้ตามและตะโกนถามฆาตกรว่าฆ่าครีมทำไม
ด้านลูกพี่ลูกน้องของครีมก็ร้องไห้หนักเช่นเดียวกัน และตะโกนเรียกครีม ซึ่งตอนนี้ครีมเสียชีวิตและร่างอยู่ในโลงศพแล้ว ส่วนญาติคนอื่นก็ร้องไห้ บรรยากาศน่าสลดมาก
ในขณะที่ทางอาสาสมัครกู้ภัยและญาติเปิดโลงศพของครีมซึ่งสภาพศพถูกห่อด้วยผ้าสีขาว จากนั้นก็ปิดโลงศพและยกขึ้นโลงเย็น โดยทางครอบครัวไม่ได้ประกอบพิธีรดน้ำศพเนื่องจากสภาพศพเสียชีวิตมาหลายวันแล้วเนื่องจากถูกฆาตกรฆ่าแล้วทิ้งศพที่ จ.เพชรบุรี
ทางครอบครัวยังไม่ได้มีการประชุมอะไรว่าจะสวดอภิธรรมศพกี่วันและฌาปนกิจศพวันไหน เนื่องจากตอนที่ศพมาญาติทุกคนยังอยู่ในอาการสะเทือนใจอย่างหนัก อีกทั้งแม่ของครีมก็ยังอยู่ที่จังหวัดเพชรบุรี เนื่องจากไปเชิญดวงวิญญาณของลูกยังเดินทางมาไม่ถึง จ.สุโขทัยซึ่งเป็นบ้านพักของยายผู้เสียชีวิตที่จัดงานศพ
ในขณะที่นางสาววรรณิษา ลูกพี่ลูกน้องของครีมที่ฝันเห็นครีมก่อนพบศพ ที่ในฝันครีมบอกว่าอยากกินข้าวมันไก่ ได้ยกสำรับอาหารไปตั้งไว้ที่ข้างโลง โดยมีข้าวแกงทางภาคเหนือและของหวานพร้อมน้ำเปล่า จากนั้นเคาะโลงเรียกครีมมากินข้าว ขณะที่เคาะโลงปรากฏว่าร้องไห้ออกมาด้วยความสะเทือนใจ
นางดอกรัง อายุ 62 ปี ยายของน้องครีม เล่าว่า ตนเลี้ยงดูน้องครีมมาตั้งแต่น้องยังแบเบาะอายุได้เพียง 2 เดือนเท่านั้น ตอนนั้นแม่กับพ่อน้องครีมแยกทางกันจึงฝากตนเลี้ยง แล้วแม่ก็ไปทำงานที่ต่างจังหวัด และส่งเงินให้ตนเลี้ยงดูน้องครีมทุกเดือน ยืนยันน้องครีมเป็นเด็กดีและกตัญญู
โดยน้องครีมไปทำงานที่ฟาร์มหมูซึ่งเป็นสถานที่เดียวกันกับที่นายเค แฟนเก่าทำงานอยู่ ตอนนั้นทั้งคู่พบกันแล้วก็ใช้ชีวิตด้วยกันที่ฟาร์มดังกล่าว และมีแพลนที่จะใช้ชีวิตคู่ด้วยกัน จากนั้นไม่นาน ทั้งคู่ก็ออกรถกระบะด้วยกันเป็นรถกระบะคันที่ภาพจากกล้องวงจรปิดใน จ.ภูเก็ตจับภาพนาทีที่น้องครีมมากับชายแปลกหน้า ขณะที่มีพยานเห็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะออกจาก จ.ภูเก็ต โดยรถกระบะคันนั้นเป็นชื่อของนายเค แฟนเก่า แต่ทั้งเคและครีมช่วยกันก่อน ราคาผ่อนต่อเดือน 11,000 บาท ก็ออกกันคนละ 5,500 บาท ผ่อนรถกระบะคันดังกล่าวมาได้ 7 เดือนแล้ว
ตนเพิ่งทราบไม่นานจากปากของครีม ที่ครีมบอกว่าได้เลิกกันกับเคแล้ว และลาออกจากงานที่ฟาร์มหมูไปทำงานที่ต่างจังหวัดแต่ตอนแรกครีมยังไม่บอกตนว่าทำงานที่ภูเก็ต ซึ่งครีมก็ยังสารภาพกับตนอีกว่าได้เอารถกระบะของเคไปที่ภูเก็ตด้วย โดยตนก็เตือนครีมด้วยความเป็นห่วงว่าทำแบบนั้นไม่ดีให้เอารถคืนแฟนเก่าซะ แล้วจากนั้นไม่นานก่อนที่จะหายตัวหลานก็เหมาะกับตนว่าเดี๋ยวจะนัดเคคืนรถกระบะ
จากนั้นตนได้คุยกับครีมเป็นครั้งสุดท้ายช่วง 11.00 น. ของวันที่ 2 มิถุนายน พูดคุยกันผ่านโทรศัพท์ ซึ่งครีมบอกกับตนว่ากำลังแต่งตัวไปทำงาน เป็นคำพูดสุดท้ายที่ได้คุยกับหลาน หลังจากนั้นติดต่อหลานทางโทรศัพท์แล้วหลานไม่รับสายอีก ชี้พฤติกรรมของครีมจะรับสายตนซึ่งเป็นยายทุกครั้ง มีตั้งแต่ครีมหายตัวไปไม่รับโทรศัพท์ตนเอง ตนคิดในแง่ดีตลอดว่าหลานคงเหนื่อยจากการทำงานจึงไม่รับสายแล้วนอนหลับ ไม่คาดคิดว่าจะได้รับสายจากญาติ ว่าหลานถูกฆาตกรรมและทิ้งศพที่เพชรบุรี ใจคอคนทำทำไมถึงโหดเหี้ยม
ปมที่หลานทุกฆาตกรรมครั้งนี้ ตนคิดว่าฆาตกรอาจต้องการรถกระบะ ก่อนที่ครีมจะเสียชีวิตมีเรื่องขัดแย้งแค่เรื่องเดียวคือรถกระบะของเค ที่ฝ่ายเคบอกให้เอารถมาคืน ก็สงสัยนายเค แฟนเก่าของครีมว่าเกี่ยวข้องการเสียชีวิตหรือไม่ และเชื่อว่าฆาตกรไม่ได้มีคนเดียว เพราะคนเดียวคงทำไม่ได้
แต่ตนขอยืนยันหลานว่าหลานไม่เคยบ่ายเบี่ยงที่จะคืนรถแต่แค่บอกเคให้ไปเอารถคืนเองที่ จ.ภูเก็ตเท่านั้น แล้วยืนยันว่านายอนุวัฒน์ที่เป็นชายที่อยู่ในรถกระบะกับหลานก่อนที่หลานจะหายตัวไป ตนเองไม่รู้จัก และหลานไม่เคยเล่าเรื่องผู้ชายคนนี้ให้ฟัง และนายอนุวัฒน์ไม่ญาติของตน ทั้งเชื่อว่าตอนที่หลานอยู่ภูเก็ตไม่มีการพัวพันกับผู้ชายคนอื่น เพราะตอนเชื่อใจหลานมาก
ถ้าจับฆาตกรได้อยากจะถามมันว่า “มันทำทำไม มันฆ่าน้องทำไม อยากจะลงหน้ามัน อยากภาวนาขอให้เจอ ทำไมถึงทำโหดเหี้ยมแบบนี้ “ในส่วนความฝันของครีมครั้งสุดท้ายก่อนที่เจ้าตัวจะเสียชีวิต ครีมตั้งใจที่จะเก็บเงินเพื่อต่อเติมบ้านหลังนี้ให้กับตนเอง บ้านหลังนี้ค่อนข้างทรุดโทรม ยืนยันครีมเป็นเด็กที่กตัญญูมากและครีมรักยายคนนี้มาก โดยยายยังทำใจไม่ได้ที่หลานเสียชีวิต เล่าไปให้ทีมข่าวฟังทั้งน้ำตา
ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้แชตที่ “ครีม” ผู้เสียชีวิตได้พูดคุยกันกับนายเค แฟนเก่า และนางสุดใจ แม่ของแฟนเก่า โดยทะเลาะกันเรื่องรถกระบะของเค หลังจากที่ครีมเอารถกระบะของเคขับไปที่ภูเก็ตเพื่อทำงานที่ใหม่
แชตหน้าแรก ครีมพูดคุยกับเค แฟนเก่า ช่วงก่อนวันที่ 31 พฤษภาคม ทั้งสองทะเลาะกันเรื่องรถ เคพิมข้อความว่า “ ไหนบอกมีปัญญา มีแค่นี้หรอ มึงพูดเองไม่ใช่หรอมีปัญญามากกว่ากูหรือว่าที่พูดมาน้ำลายทั้งนั้น” ด้านครีมก็ตอบกลับว่า “ เก่งเนาะมึง มึงรวยนักก็มาเอาไป อ้าวรถมึงฮัลโหลสมองกลับหรอ”
แชตหน้าสองทั้งคู่ทะเลาะกันต่อ เคพิมข้อความว่า “ กูถามมึงดิ กูให้คืนดีๆมึงไม่เอา ต้องให้สน. ใกล้มึงไปเอาใช่ไหม” ด้านครีมก็พิมกลับว่า “ มึงเอาค่าน้ำมันมา กูจะเอาไปคืน มึงแจ้งไปกูก็พูดได้เพราะตอนเอามายังไม่ได้เลิกกัน”
แชตหน้าสาม เคพิมว่า “ แล้วตอนมึงไปอยู่มึงอยู่ฟรีหรอกูถามมึงดิ แล้วทำไมกูต้องให้ไฟแนนซ์ไปเอา มึงหรือเปล่าที่สมองกลับ” ครีมก็ตอบโต้ว่า “ อยู่บ้านมึงเงินกินก็เงินกู เวลาไม่มีกินจริงๆเคยคิดไหม เอ้าสมองกลับกูว่า เอาชื่อกูออก แล้วกูคืน กูไม่เอาหรอกแค่รถ”
และแชตหน้าที่สี่ ครีมพิมว่า “ ตอนมีไม่มีปัญหา พอเลิกกันมีปัญหาขึ้นมา กูไม่เอาหรอกรถน่ะ ถามกูรักรถไหมกูก็รัก เดี๋ยวกูคืนให้ เอาชื่อกูออกแค่นั้น กูไม่เอาหรอกของอะไรที่ไม่ใช่ของกู”