จากกรณีสุนัขพันธุ์ไซบีเรียน ที่กำลังท้อง ถูกราดน้ำร้อนจัดใส่ โดยฝีมือเจ้าของหมา ซึ่งให้เหตุผลว่าแอบกินขนม ขณะที่มูลนิธิวอชด็อกไทยแลนด์ ได้เข้าไปช่วยดูแลและหาบ้านใหม่ให้
ล่าสุด เจ้าของเก่าของเจ้าไซบีเรียน โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่าเป็นบิวจริงๆค่ะ ก่อนอื่นต้องขอโทษสังคมก่อนที่ได้รับภาพความรุนแรงที่เกิดขึ้น ความรู้สึกผิดหรือรู้สำนึกว่ามันไม่ดี มันเกิดขึ้นตั้งแต่อารมณ์ขาดสติหมดลงแล้วค่ะ
เหตุการณ์เดือนนึงแล้ว บิวไม่ได้มีไทม์แมชชีนย้อนกลับไปแก้ไขข้อผิดพลาดทางอารมณ์ที่มันเกิดขึ้น ณ จุดฟีลขาด บิวขอพูดในมุมของบิวในพื้นที่ของบิวที่จะเปิดเป็นสาธารณะเพราะวันนี้มันไม่ใช่เรื่องส่วนตัว แต่เป็นเรื่องของสังคม ที่ได้รับภาพความรุนแรง
ก่อนหน้านี้ไม่ทราบมาก่อนค่ะ ว่าน้องหมาตั้งท้อง
หมวยเล็กเป็นเป็นหมาที่บิวเลี้ยงมาเองตั้งแต่มัน 45 วัน
กัดข้าวของและก่อการร้ายในบ้านเรื่อยๆตามประสา
ถ้าบิวตีเพราะพฤติกรรมแย่งขนม น้องคงไม่ได้เป็นที่รักของทุกคนใน โซเชียลจากการเผยแพร่ของบิว บิวอยากใช้พื้นที่ส่วนตัวอธิบายให้สังคมรับรู้ว่าทุกๆคน มีแรงกดดัน มีสภาพแวดล้อม มีวิธีจัดการกับอารมณ์เมื่อจนมุมต่างกัน และบิวผิดพลาดที่จัดการอารมณ์ไม่ดี เรารับรู้และไม่เคยกดดูคลิปวิดิโอนั้น แม้แต่ 1 ครั้งเพราะใช่ มันรุนแรง เรารู้สึกผิดตั้งแต่วันที่มันเกิดเหตุแล้ว ว่ามันเกินกว่าเหตุ แต่เราไม่ได้มานั่งอธิบายแต่แรกเพราะ เราคิดว่ามันไม่มีใครเข้าใจ pressure environment ของแต่ละคนในเหตุการณ์นั้นๆ ทุกคนเห็นและตัดสินจากการกระทำเลย เราแมนพอรับว่าเราตั้งใจทำ เราทำจริง และเรารับทุกคำด่าได้เป็นผลจากการกระทำของเราเอง ขอความอนุเคราะห์ด่าในพื้นที่ ที่วางขอบเขตไว้โดยไม่รบกวนต่อบุคคลที่ 3-4-5-6 หรือคนในครอบครัว ตลอดจนเพื่อนร่วมสถานะ friends ใน Facebook ขอบคุณและขอโทษอีกครั้งค่ะ
ส่วนของการดำเนินคดีตามกฏหมาย ให้เป็นไปตามขั้นตอนได้เลยค่ะ
***ไม่มีใครราดน้ำร้อน เพราะหมาขโมยขนมหลอกค่ะ***
มันมีหลายปัจจัย ที่กดดันให้ทำเพื่อให้หมาไปหาบ้านใหม่ที่พร้อมดูแลค่ะ
โดย หลังจากมีการโพสต์ข้อความดังกล่าว ทีมข่าวได้พูดคุยเปิดใจกับ นางสาวบิว อายุ 26 ปี ได้เผยถึง สาเหตุ พร้อมยอมรับ ว่าทำน้องหมาจริง แต่ด้วยภาวะ ความเครียด และการตัดสินใจ ที่อยากให้สามี หาบ้านให้น้อง พร้อมยังมีอีกหลายปัจจัยในการตัดสินใจ เอาน้ำร้อน ราดน้องหมา อย่าคลิปที่ปรากฏออกสู่ประชาชน
ซึ่งจากการโพสต์บรรทัดสุดท้ายก่อนจบโพสต์ คำชี้แจง แค่อยากให้ทุกคนที่เข้ามาอ่านว่า ในวันที่ 17 พ.ค. ณ วันเกิดเหตุนั้น มันมีอีกหลายอย่าง ตามที่โพสต์ว่า ***ไม่มีใครราดน้ำร้อน เพราะหมาขโมยขนมหลอกค่ะ***
โดยเล่าแบบหมดเปลือกว่า ตนเป็นคนที่เลี้ยงน้องหมา แบบสปอยมาก อาหารการกินต้องดี ชีวิตความเป็นอยู่ต้องดี ทำงานหาเงิน เพื่อให้น้องได้สุขสบาย แต่ช่วงนี้ ด้วยตัวเองท้อง 3 เดือน และมีภาวะแท้ง ซึ่งต้องออกจากงาน ทำให้รายได้ไม่มี แต่รายจ่ายยังมีเท่าเดิม ปัญหา มันเกิดขึ้นมาสักพัก เคยพูดคุยกับสามี ว่าอยากหาบ้านให้น้องหมา เพราะด้วยภาวะ การเงิน ความเป็นอยู่ และสุขภาพ ไม่ได้เอื้อ ที่จะแบกรับค่าใช้จ่าย น้องหมา 4 ตัว ตกเดือนละ 20,000 บาท และค่ายาเห็บหมัด ทำหมัน ที่ต้องเกิดขึ้น และไหนจะค่าดูแลลูกที่กำลังเรียน และที่จะเกิดมา แต่ด้านสามีกลับนิ่งเฉย รับปากเฉยๆ แต่ก็ยังไม่หา จนถึงขั้นทะเลาะกันบ่อยๆ ตนเคยขู่ว่า ถ้าไม่นำหมาออกจากบ้านไป ตนจะเอาน้ำร้อนราดนะ ก็ยังนิ่งเฉย
ยอมรับว่า ภาวะอารมณ์ในตอนที่ทำ มันไม่สามารถ คิดอะไรได้มากกว่านั้น แต่สิ่งที่ตนต้องการ คือ การเอาน้องหมา ทั้งหมดออกจากบ้าน และหาบ้านใหม่ ให้น้องอย่างเร็ว เพราะ 4 ตัว มีครบ หมาแก่ หมาหนุ่ม หมาตัวเมีย และน้องหมาเด็ก
ซึ่งตอนนี้ บ้านตนรับไม่ไหว จัดการปัญหา และค่าใช้จ่ายไม่ได้ ตนรักน้องหมาทั้ง 4 ตัว ตนเลี้ยงตั้งแต่ 45 วันแรกที่เขาเกิด ซื้อเขามา ทั้งหมด หาเงินซื้อของดีๆให้ตลอด เมื่อก่อนทำงานได้ทุ่มให้หมด แต่ตอนนี้ มันไม่ใช่ ก็ต้องยอมรับความจริง แต่สามียังรั้น จะเลี้ยงต่อ มันเลยต้องทำ ตามที่พูดขู่และภาวะอารมณ์ด้วย หลังทำไปแล้ว ยอมรับว่า เสียใจ เพราะน้องเจ็บ แต่สบายใจ ที่วันนี้ สามี หาบ้านให้น้องๆ ได้หมดแล้ว เพื่อไปอยู่ ในครอบครัว ที่จะเลี้ยงเขาให้ดีเหมือนเดิมได้ เขาจะได้ออกไปวิ่งเล่น กินอาหารดีๆ มีชีวิตที่ดี แบบที่ตนเคยเลี้ยง ตนสบายใจแล้ว แต่ไม่ได้คิดว่า มันเป็นสิ่งที่ถูกต้องในการเอาน้ำร้อนราดน้อง
สำหรับเรื่องน้องหมาท้อง ตนไม่ทราบจริงๆ ตนมาทราบหลังเขาเอาน้องไป แต่ถามเอาน้องไปทับกันจริงไหม ต้องถามสามี เพราะสามีแอบทำ โดยการเอาน้องไปทับกับน้อง 1 ขวบ ตนเคยบอกแล้ว ว่าไม่อยากทำแบบนั้น เพราะตนเลี้ยงเหมือนลูก จะมาทำแบบนี้ไม่ได้ แต่กลายเป็นว่า หลังๆ น้องก่อนเกิดเหตุ น้องหมวยเล็ก ตัวโดนน้ำร้อนมีพฤติกรรมก้าวร้าว มีพฤติกรรม แย่งข้าวลูกกิน มันเลยเป็นปัญหาที่กระตุ้นตน ให้ทำแบบนั้น
ตนโอเค ถ้าคนจะว่าตน เพราะมันไม่ถูกต้อง แต่อย่าลามไปหาใคร ตนน้อมรับการกระทำที่เกิดขึ้น ละถ้าตำรวจเรียกก็จะไปพบแน่นอน