"พิธา" ฝาก 5 ข้อเรียกร้อง ถอนฟืนออกจากกองไฟการเมืองไทย หลัง "บุ้ง" เสียชีวิต ปัด "ก้าวไกล" ฉกฉวยผลประโยชน์​การเมือง แจงออกมาโหม เพราะแค่ยึดหลักนิติรัฐนิติธรรม ย้ำคุยมาตลอดไม่ให้อดอาหาร ขอนึกถึงชีวิตตัวเองก่อน

วันที่ 19 พ.. 2567 นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่ทนายของนางสาวเนติพร เสน่ห์สังคม หรือบุ้ง ระบุว่า สาเหตุของการเสียชีวิตเนื่องจากมีการใส่ท่อช่วยหายใจผิดว่า อยากให้รอฟังความชัดเจนจากแพทย์ผู้ให้การรักษา และพลตำรวจเอกทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็บอกว่า วันจันทร์นี้จะให้ข้อมูลกับครอบครัวในเรื่องนี้ ขอให้สังคมตั้งสติและรอฟังข้อมูลจากกรมราชทัณฑ์ว่า สรุปแล้วเป็นการเสียบเครื่องช่วยหายใจผิดจริงหรือไม่

ส่วนกรณีการเสียชีวิตของ นส.เนติพร ที่ถูกนำไปโยงกับคดีมาตรา 112 นั้นนายพิธา กล่าวว่าเรื่องนี้ต้องแยกกัน โดยแก้ไขมาตรา 112 กับการปฏิรูปสถาบันเป็นสิ่งที่ "บุ้ง"เรียกร้อง แต่การที่ต้องอดอาหารเป็นเวลานาน เป็นการเรียกร้องสิทธิการประกันตัว เพราะเขายังถือเป็นผู้บริสุทธิ์ เขาจึงได้ตัดสินใจอดอาหารประท้วง

เมื่อถามว่า "บุ้ง" เคยได้รับสิทธิ์การประกันตัวแล้ว แต่กระทำผิดซ้ำ ในคดีทำร้ายเจ้าหน้าที่ศาล จึงถูกถอดสิทธิ์การประกันตัว นายพิธา กล่าวว่า ตนไม่สามารถตอบแทนได้ เพราะบุ้งเสียชีวิตไปแล้ว แต่ถ้าจะให้เดาเชื่อว่า บุ้งไม่ได้ต่อสู้เพื่อตนเองเพียงคนเดียว แต่ต่อสู้เพื่อเพื่อนและเสรีชนที่มีความคิดแบบเดียวกัน ว่า ทุกคนเสมอภาคตามกฏหมาย และการขังคน 2-3 เดือน โดยที่เขาไม่มีความผิดเป็นเรื่องที่เขาติดใจและเรียกร้อง ไม่ใช่เพื่อตัวเองคนเดียวแต่เพื่อคนไทยทุกคน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เหตุใด สส.พรรคก้าวไกล ไม่ออกมาเคลื่อนไหวในช่วงที่บุ้งออกมาเรียกร้อง แต่กลับมาแสดงความเห็นในช่วงที่บุ้งเสียชีวิตไปแล้ว ถือเป็นการฉกฉวยหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ไม่ใช่การฉกฉวยแน่นอน เพราะการเคลื่อนไหวของเยาวชนมีอิสระเป็นของตัวเองไม่ได้ยึดโยงพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง แต่พรรคก้าวไกลเชื่อในหลักนิติรัฐนิติธรรม เชื่อในสิทธิ์การประกันตัว และสิทธิ์การเข้าถึงทนาย จึงออกมาแสดงจุดยืน แต่ไม่ได้หมายความว่าพรรคก้าวไกลกับกลุ่มเยาวชนเห็นไปในทิศทางเดียวกันทุกเรื่อง พร้อมกล่าวว่า หากฝั่งตรงข้ามถูกฝากขังเราก็จะออกมาพูดเรื่องนี้เช่นเดียวกัน ไม่ใช่การฉกฉวยผลประโยชน์ทางการเมืองแต่อย่างใด ไม่มีเรื่องนั้นอยู่ในหัว เป็นการให้เกียรติครอบครัวผู้เสียชีวิตมากกว่า

นายพิธา ยังกล่าวว่า สำหรับเรื่องนี้ ตนมี 5 ข้อเรียกร้อง คือ ความโปร่งใสชัดเจนจากทางราชทัณฑ์ / กระบวนการยุติธรรมต้นน้ำ อย่างอัยการและตำรวจ รัฐบาลสามารถมอบนโยบาย ไม่เอาผิดผู้เห็นต่างทางการเมืองได้ / ประมุข 3 เสาหลังของประเทศ น่าจะพูดคุยกันเพื่อหาทางออกในเรื่องนี้ / และสุดท้ายการนิรโทษกรรม ต้องรีบผลักดันให้ออกมาเร็ว และไม่ควรแยกกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง ไม่ควรผลักอนาคตของชาติออกไป จนไม่มีพื้นที่เหลือและต้องเอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงแบบนี้

ตนหวังว่า เหตุการณ์นี้จะเป็นครั้งสุดท้าย เพราะเชื่อว่าหากต้นทางถึงปลายทางเห็นตรงกัน เราจะหยิบฟืนออกจากกองไฟทางการเมืองได้

ผู้สื่อข่าวถามว่า พรรคก้าวไกลจะเข้าไปพูดคุยกับบุคคลที่ยังอดอาหารหรือไม่ หลังสูญเสียบุ้งไปแล้วหนึ่งคน นายพิธา ระบุว่า เราพยายามพูดคุยมาโดยตลอด 3 ปีที่ผ่านมา ว่าเราไม่อยากให้เอาชีวิตไปเสี่ยง

"แต่เราไม่สามารถก้าวก่าย ความมุ่งมั่นและความเด็ดเดี่ยว และจิตใจของเขาได้ เพราะตนไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัวแต่หากมีโอกาสได้เข้าไปเยี่ยม ให้เอาชีวิตตัวเองก็จะบอกว่าให้เอาชีวิตตัวเองมาก่อนการต่อสู้ เพราะยังอีกยาวนาน แต่เค้าจะฟังหรือไม่ถือเป็นสิทธิ์ของเขา เพราะบางครั้งการเลือกทำแบบนี้อาจจะเพื่อให้สังคมได้รับรู้ข้อเรียกร้อง"

ส่วนอีกคนที่น่าเป็นห่วงคือ นางสาวทานตะวันนั้น จำเป็นจะต้องพูดคุยหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า เท่าที่ทราบ ขณะนี้ถูกย้ายตัวมาที่โรงพยาบาลธรรมศาสตร์ฯ แล้ว ซึ่งอยากให้ทานตะวันคิดถึงภาพรวมซึ่งตนทราบดีว่าตอนนี้เสียใจกับการสูญเสีย แต่ชีวิตของตัวเองเป็นเรื่องสำคัญ ฝากถึงคุณพ่อคุณแม่ทานตะวันไว้ด้วย