กรณี เมื่อเวลา 08.00 น.ของ วันที่ 7 พ.ค. ตำรวจ สภ.แกลง ระยอง ได้รับแจ้งเกิดเหตุเด็กถูกฆาตกรรมโยนบ่อกุ้งเสียชีวิต ภายในบ่อกุ้ง ม.9 ต.เนินฆ้อ อ.แกลง จ.ระยอง ที่เกิดเหตุซึ่งเป็นฟาร์มเลี้ยงกุ้ง เข้าไปตรวจสอบ ภายในบ้านพักคนงานเลี้ยงกุ้ง ได้ยินเสียงร้องไห้ดังออกมา พบกับภาพพ่อเด็กกำลังร่ำไห้กอดศพเด็กผู้ชาย วัย 1 ขวบ สภาพศพเปียกปอนไปทั้งตัว เสียชีวิตเพราะจมน้ำมาประมาณ 1 ชั่วโมง ทราบชื่อเด็กคนตายคือ เด็กชายพอท หรือ พีรพัฒน์ อายุ 1 ขวบ พ่อเด็กที่กอดศพร้องไห้คือ นายทองพิพัฒน์ หรือเจี๊ยบ อายุ 26 ปี ส่วนคนก่อเหตุ คือ นายณัฐพงศ์ หรือนัท อายุ 36 ปี เพื่อนร่วมงาน ที่เพิ่งเข้ามาทำงานได้เพียง 3 วัน นั้น

วันนี้ (8 พ.ค.) ทีมข่าวช่องแปดเดินทางไปที่สภ. แกลง จังหวัดระยอง ซึ่งในวันนี้พบว่าตัวของนายณัฐพงศ์หรือนัท เริ่มมีท่าทีที่ผ่อนคลายมากขึ้นหลังจากที่มีอาการคลุ้มคลั่งตลอดทั้งวันเมื่อวานนี้หลังถูกจับ แต่ก็ยังให้การวกไปมา และสื่อสารไม่ค่อยได้ใจความ ซึ่งหลังจากที่พนักงานสอบสวนได้มีการเบิกตัวไปสอบปากคำเสร็จแล้ว ได้มีการนำไปคุมขังต่อภายในห้องขัง โดยระหว่างนั้นทีมข่าวสังเกตว่า ตัวของนายณัฐพงศ์ถูกขัง ลักษณะยังคงมีความขยันเป็นพิเศษ โดยมีการหยิบเอาเสื้อผ้ามาเช็ดถูพื้นในห้องขัง และมีบางช่วงช่วงนั่งจับลูกกรงเหม่อลอย

นายณัฐพงศ์ คนก่อเหตุ เปิดใจผ่านห้องขังกับทีมข่าวช่องแปดว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตัวเองไม่รู้ว่ามาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ใครเป็นคนพามา และเมื่อวานนี้ตนเองก็อยู่ที่นี่ไม่ได้ไปก่อเหตุที่ไหน ตื่นขึ้นมาก็อยู่ในห้องขังแล้ว

และเมื่อถามถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตัวของนายณัฐพงศ์อ้างว่าไม่รู้ แต่ตอนที่ลงไปในน้ำถอดเสื้อผ้าเปลือยกาย เพราะต้องการลงไปหาปลา และตอนที่โดดลงไปก็ไม่ได้เอาพระพุทธรูปลงไปด้วย ส่วนเรื่องพฤติกรรมที่ถูกกล่าวหาว่ามีการโยนน้องพอท ลงไปในบ่อนั้น ตนเองเห็นว่าเด็กเป็นตุ๊กตา แต่ไม่รู้ว่าเกิดเกิดอะไรขึ้น

สำหรับเรื่องของการทำลายกล้องวงจรปิดก่อนเกิดเหตุนั้น ยอมรับว่าตนเองเป็นคนทำจริง ไม่ได้ใช้ไม้ฟาด แต่เอาเสื้อคลุมกระชากลงมา ซึ่งไม่ได้ทำลายหลักฐาน แต่ไม่รู้เหตุผลว่าทำไมต้องทำลายกล้อง และในคืนนั้นตนเองเอาเหล้าผสมกับยาบ้าครึ่งเม็ด แต่ตนเองเป็นคนกินคนเดียว แล้วไม่รู้ว่าวางขวดไว้แล้วมีคนมากระดกกินด้วยหรือไม่ เพราะตัวเองไม่รู้ รู้แต่ว่ากินคนเดียว

อย่างไรก็ตาม ทีมข่าวได้มีการถามเพิ่มเติมว่า ในที่เกิดเหตุบริเวณหน้าห้องของพ่อเด็กทำไมถึงมีลักษณะรอยเลือดติดอยู่บนพื้น ตัวของนายณัฐพงศ์ตอบว่า สงสัยเป็นเพราะประจำเดือนของผู้หญิง ซึ่งทีมข่าวถามว่าคืนนั้นมีผู้หญิงมาด้วยหรือไม่ นายณัฐพงศ์ตอบว่าไม่รู้ไม่มี และประจำเดือนมาได้ยังไง

ด้าน นายทองพิพัฒน์ หรือเจี๊ยบ พ่อของเด็ก ซึ่งในวันนี้ก็มีการเดินทางมาสอบปากคำกับพนักงานสอบสวนอีกครั้ง เพื่อคลายประเด็นข้อสงสัยและพิรุธ เกี่ยวกับการทำลายกล้องวงจรปิดหรือการใช้ถุงดำคลุมกล้อง และไทม์ไลน์ที่มีส่วนรู้เห็นหรือรู้เห็นเกี่ยวกับการตายของลูก โดยเจ้าตัวได้มีการเดินทางมาให้ปากคำตั้งแต่เวลา 11:00 น. และมีการพักเที่ยงช่วงเวลาประมาณ 12:00 น. ก่อนเริ่มสอบใหม่อีกครั้งเวลา 14:00 น. และสิ้นสุดเวลา 15:00 น. รวมระยะเวลาในการสอบปากคำพ่อในวันนี้ 2 ชั่วโมง ซึ่งตัวของพ่อเด็กได้มีการยืนยันไทม์ไลน์หลังจากที่พบศพลูกได้มีการพาลูกออกไปปั๊มหัวใจที่บ้านย่า และช่วงเวลาที่ไม่ทราบว่าเหตุเกิดขึ้น เจ้าตัวมีการเข้าห้องน้ำเวลาประมาณ 30 นาที และได้ยินแต่เสียงของตก “ตู้ม” ก่อนที่จะทราบว่าลูกอยู่ในน้ำและมีการช่วยเหลือพร้อมกับพาไปปั๊มหัวใจ

ส่วนประเด็นเรื่องของกล้องวงจรปิดนั้น ก่อนหน้าตนเองก็ไม่ได้มีความกังวลหรือเครียด เพราะมีการให้การอย่างตรงไปตรงมา โดยมีการยอมรับว่าทุกครั้งที่ญาติ หรือเพื่อนมาที่บอกกุ้งช่วงกลางวัน ตนเองจะใช้ถุงหรือผ้าไปคลุมกล้องเอาไว้ เพื่อป้องกันไม่ให้มีการเตือนสัญญาณไฟกรณีที่มีคนเดินผ่าน เพราะเนื่องจากกล้องส่งเสียงดัง และหลังจากที่ญาติหรือเพื่อนกลับไปแล้วก็จะเปิดกล้องเหมือนเดิม , แต่ส่วนเรื่องของการทำลายกล้องวงจรปิดนั้นเป็นฝีมือของไอ้นัท ซึ่งตนเองมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทำลายกล้อง แล้วตัวเองได้มีการให้การยืนยันว่า ไม่ได้มีเหตุผลอะไรที่ต้องทำลายกล้องเพื่อทำลายหลักฐาน เพราะตนเองเป็นคนชี้เป้าบอกกับตำรวจหลังเกิดเหตุที่ลูกจมน้ำตายว่า ที่บ่อกุ้งมีกล้อง เพื่อให้ชุดสืบสวนไปเอากล้องดังกล่าวมาตรวจสอบ

และสำหรับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ตนเองยืนยันว่ายังคงโกรธแค้น และให้อภัย ไม่อโหสิกรรมให้กับไอ้นัท ที่ทำกับดวงใจของตนเองแบบนี้ โดยขอให้ได้ชดใช้เวรกรรมตามกระบวนการของกฎหมาย และแม้ว่าในอนาคตหากได้รับการพักโทษหรือหลุดโทษออกมา ก็จะไม่ให้โอกาสและไม่ให้อภัย เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ตนเองรับไม่ได้ ทำลูกตนเองตาย , ส่วนประเด็นที่อ้างว่าเห็นลูกเป็นตุ๊กตาและโยนลงน้ำนั้นตนเองไม่เชื่อ เพราะก่อนหน้านี้มีการพูดกับญาติ และยังบอกกับตำรวจทำนองว่า เห็นเด็กหิวน้ำจึงโยนลงไปในน้ำ ฉะนั้นคำให้การจึงวกไปวนมาและ ไม่น่าเชื่อถือ ตนเองจึงไม่เชื่อคำให้การ แต่เชื่อในการกระทำที่ทำกับลูกตนเองด้วยความหลอนยา