จากเหตุการณ์รับแจ้งมีเหตุฆ่ากันตายในพื้นที่หมู่ 4 ต.โนนสะอาด อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ลงพื้นที่ตรวจสอบ ทราบชื่อผู้เสียชีวิตในเวลาต่อมาคือนายสมบูรณ์ อายุ 36 ปี อยู่บ้านโนนหัวนา ม.14 ต.โนนสะอาด อ.ศรีบุญเรือง จ.หนองบัวลำภู สวมเสื้อกีฬาลายแขนสั้น กางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน ถูกแทงด้วยของมีคม ตรงใต้ซี่โครงข้างขวา และโดนฟันที่ศีรษะ เสียเลือดมากเสียชีวิตในที่เกิดเหตุ

 

วงจรปิดพบรถต้องสงสัยสามคันขี่ตามหลังกลุ่มผู้ตายมุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุหลังจากที่กลุ่มผู้ตายขี่ออกจากหมู่บ้านไปได้ไม่นาน

 

ต่อมาทีมข่าวได้รับหลักฐานจากกล้องวงจรปิดในหมู่บ้าน ซึ่งอยู่ละแวกบ้านนายอ๊อฟ ในวันเกิดเหตุ พบว่า ช่วงเวลา 20.03น.ของวันที่ 29 เมษายน นายสมบูรณ์ (คนตาย) ขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านนายอธิชา หลังจากที่ชักชวนกันจะไปหาเขียด โดยจะเห็นว่านายสมบูรณ์มีไฟสองกบติดอยู่บนหัว

 

ถัดมาประมาณ 3 นาที เวลา 20.06 น. จะเห็นรถจักรยานยนต์ของนายแสงทองน้องชายของผู้ตายขี่ตามไป จากนั้นก็จะเห็นรถจักรยานยนต์ของนายอธิชาเพื่อนบ้านขับตามหลังนายแสงทองไปหาเขียด

 

จากนั้นเวลาประมาณ 20.22น. หลังจากที่กลุ่มผู้ตายขี่ออกจากหมู่บ้านไปหาเขียดที่เกิดเหตุ จะเห็นรถจักรยานยนต์ต้องสงสัย 3 คันขี่ผ่านหน้ากล้องวงจรปิดไป มุ่งหน้าไปทางที่เกิดเหตุ

 

ต่อมาเวลา 21.38น. หลังเกิดเหตุ จะเห็นนายแสงทอง น้องชายผู้ตายขี่รถจักรยานยนต์ย้อนกลับมาที่หมู่บ้านอย่างรวดเร็วเพื่อมาแจ้งข่าวให้กับทางบ้านได้ทราบว่าคนร้ายบุกไปแทงนายสมบูรณ์พี่ชายจนเสียชีวิต

 

ก่อนที่ในช่วงเวลา 21.49 น.จะเห็นรถกระบะของพ่อนายอธิชา พร้อมด้วยภรรยาและญาติ ขับออกจากบ้าน มุ่งหน้าไปที่เกิดเหตุ

 

ขณะที่ สภ.ศรีบุญเรือง หลังเจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัวนายแสงทอง หรือรุจ อายุ 32 ปีน้องชายคนตายและนายอธิชา หรือ อ๊อฟ อายุ 25 ปี เพื่อนคนตายมาสอบปากคำและปล่อยตัวไปตรวจร่างกายที่โรงพยาบาล หลังถูกคนร้ายทำร้าย จนได้รับบาดเจ็บ ที่บริเวณตาด้านซ้าย

 

ทีมข่าวจึงได้เข้าไปพูดคุยกับนายแสงทอง หรือ รุจ น้องชายคนตาย แต่นายรุจปฏิเสธให้สัมภาษณ์ พร้อมกับทำท่าทางไม่พอใจ ก่อนจะพยายามเดินหนีทีมข่าวอยู่สักพัก แต่ทีมข่าวก็พยายามเดินตามเพื่อสอบถามเหตุการณ์ทั้งหมด จนท้ายที่สุดจึงได้ยอมให้สัมภาษณ์

 

นายแสงทอง เล่าว่า ช่วงเกิดเหตุที่คนร้ายเดินลงมาถามว่า “ใครไปขโมยไก่” ตนจึงได้ตอบกลับว่า“ไม่ได้มาขโมย มาหาแค่เขียด” จากนั้นคนร้ายได้ถามแต่ละคนว่าชื่ออะไร ซึ่งตนบอกว่าชื่อ “รุจ” ส่วนเพื่อนอีกบอกชื่อ “อ๊อฟ” จากนั้นคนร้ายบางส่วนได้บังคับให้ตนเองนอนหมอบลงกับพื้น และใช้ปืนจี้นายอ๊อฟ ส่วนคนร้ายที่เหลือได้เข้ารุมทำร้ายพี่ชาย ทันทีที่ตนเห็นคนร้ายกำลังรุมทำร้ายพี่ชาย จึงได้รีบลุกขึ้นไปจะไปช่วยเหลือแต่ก็ถูกคนร้ายใช้เท้าเตะเข้าที่ใบหน้า 1 ครั้ง และใช้เท้ากระทืบตนเอง จนได้รับบาดเจ็บ

 

นายแสงทอง บอกว่า ช่วงจังหวะที่คนร้ายจับตัวตนเองไว้ ตนเองไม่เห็นคนร้ายแทงพี่ชาย ได้ยินเพียงเสียงร้องเฮือกสุดท้ายของพี่ชายอยู่ 2 ครั้ง ก่อนจะสิ้นใจตาย หลังจากคนร้ายแทงพี่ชายจนเสียชีวิต ก็ได้พากันหลบหนี ตนจึงได้รีบวิ่งไปดูพี่ชาย จากนั้นได้สั่งให้นายอ๊อฟอยู่เฝ้าพี่ชาย ส่วนตนได้ขี่รถจักรยานยนต์กลับเข้าไปหาน้าในหมู่บ้าน เพื่อให้แจ้งผู้ใหญ่บ้าน

 

ต่อมานักข่าวได้สอบถามเรื่องเงินจำนวน 400 บาทที่คาดว่าจะเป็นปมเหตุที่ทำให้คนร้ายบุกมาแทงนายสมบูรณ์จนเสียชีวิต ซึ่งนายแสงทอง ได้อธิบายว่า ตนได้เอาเงิน จำนวน 400 บาทกับนายอี๊ดจริง แต่ได้ใช้คืนไปแล้ว อีกทั้งที่พี่สะใภ้กล่าวหาตนว่าเอาชื่อพี่ชายไปแอบอ้าง จนเป็นต้นเหตุที่ทำให้คนร้ายมาแทงพี่ชายตาย ตนปฏิเสธไม่เป็นความจริง ตนไม่เคยใช้ชื่อของพี่ชายแอบอ้างในการไปยืมเงินเลยสักครั้ง และที่พี่สะใภ้กล่าวหาว่าตนแอบอ้างเอาชื่อพี่ชายไปยืมเงินนายอี๊ดสาเหตุเพราะตนเองเพิ่งจะกลับมาอยู่ที่บ้านกับพี่ชายได้ไม่กี่สัปดาห์ ก็มักจะมีปัญหาไม่ลงรอยกับพี่สะใภ้ประจำ

 

ซึ่งยืนยันว่าตนไม่ใช่ต้นเหตุที่ทำให้พี่ชายถูกแทงเสียชีวิต ส่วนสาเหตุที่ทำให้พี่ชายถูกแทงเสียชีวิตตนเชื่อว่าพี่สะใภ้รู้ดีที่สุด เพราะทั้งคู่เป็นผัวเมียกันอีกทั้งตนก็เพิ่งจะมาอยู่ที่บ้านได้ไม่นาน

 

ซึ่งในระหว่างที่นายแสงทอง กำลังให้สัมภาษณ์กับนักข่าวช่อง8 ภรรยาผู้ตายก็กำลังให้สัมภาษณ์กับอีกช่อง ทำให้ทั้งคู่เกือบจะมีปากเสียงกัน เพราะต่างคนต่างโยนความผิดกัน

 

ขณะเดียวกันเราได้คุยกับนส.พรพิมล อายุ 38 ปี ภรรยาคนตาย ที่มาให้ปากคำเพิ่มเติมกับตำรวจ เล่าว่า ตนเองอยู่กินกับสามีมา 18 ปีและมีลูกสาวด้วยกัน 1 คนโดยตลอดเวลาอยู่กินกับสามีเป็นคนคนรักครอบครัว ขยันทำมาหากิน จนบางครั้งตนต้องคอยห้ามปรามไม่ให้สามีทำงานหนัก เพราะร่างกายไม่แข็งแรง สามีก็จะคอยขัดตนเองอยู่ตลอดเพราะสามีสามีอยากออกไปทำงานหาเงิน อีกทั้งสามีของตนเองไม่เคยมีปัญหาหรือมีศัตรูที่ไหน แต่พอน้องชายสามีย้ายมาอยู่ด้วย เริ่มมีปัญหาเข้ามาไม่หยุดหย่อน และมีปากเสียง ทะเลาะกันกับตนเป็นประจำ

 

ต่อมาทีมข่าวได้สอบถามภรรยาผู้ตาย เรื่องเงิน 400 บาท ที่นายรุจ อ้างชื่อพี่ชายไปยืมเงินนายอี๊ด จนต้องไปปรึกษาแฟนนายอ๊อฟ ซึ่งตนเองก็ยังคงสงสัยว่าเรื่องนี้มีส่วนเกี่ยวข้องที่ทำให้สามีของตนเองเสียชีวิตหรือไม่เพราะก่อนเกิดเหตุประมาณ 2 วันก่อนนายอี๊ดได้โทรศัพท์เข้ามาที่เบอร์ของตนเองและอ้างว่าสามีตนเองไปยืมเงินนายอี๊ด 400 บาท ตนจึงให้สามีคุยโทรศัพท์กับนายอี๊ดซึ่งสามีก็ปฏิเสธว่าไม่ใช่ตนเอง จากนั้นถัดมาวันช่วงประมาณ 6 โมงเย็นนายอี๊ดได้โทรศัพท์มาทวงเงินอีกครั้ง เป็นครั้งที่สอง ซึ่งในตอนนั้นตนเองอยู่กับสามีและน้องสามี และสามีตนเองได้ปฏิเสธไปว่าไม่ใช่คนที่ไปยืมเงิน แต่เป็นนายรุจ หลังจากนั้นนายอี๊ดก็ได้ขอโทษก่อนวางสายไป ต่อมาตนเองก็ได้หันไปต่อว่านายรุจน้องชายสามี “ว่าเอาชื่อพี่ชายไปอ้างยืมเงินนายอี๊ดหรอ ทำไมเขาถึงได้โทรมาหา 2 ครั้งแล้ว ทำแบบนี้มันไม่ถูกต้องนะ ถ้าเกิดเขามาฆ่าสามีพี่จะไม่ตายฟรีหรอ” หลังจากนั้นน้องสามีก็บอกว่าถ้าเกิดว่าโง่นักก็ตายไปเหอะ ซึ่งตนมั่นใจว่า เหตุที่ทำให้สามีตนเองถูกแทงเสียชีวิตน่าจะมาจากเรื่องนี้ อีกทั้งตนเองก็สงสัยนายอี๊ดว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของสามี

 

ขณะที่เมื่อช่วงเย็นที่ผ่านมา ตำรวจได้เรียกเยาวชนชายทั้ง 3 คนมาสอบปากคำ หลังต้องสงสัยว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนายสมบูรณ์หลังจากที่นายแสงทองน้องชายผู้ตายให้การว่าหนึ่งในคนร้ายมีรูปร่างลักษณะผอมสูง

 

แต่พอถึงเขาเข้าไปสอบถามทั้งสามคนให้การปฏิเสธว่ามีส่วนเกี่ยวข้องและไม่รู้จักกับผู้ตายหรือนายรู้รวมไปถึงนายอ๊อฟแต่อย่างใด แต่ที่ตำรวจตรวจเรียกตนเองมาสอบปากคำเนื่องจากว่ามีลักษณะรูปร่างคล้ายกับผู้ต้องสงสัยที่ทำร้ายนายสมบูรณ์จนเสียชีวิต ส่วนวันเกิดเหตุตนเองอยู่ที่บ้านไม่ได้ออกไปไหนมานานแล้ว จึงยืนยันว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการตายของนายสมบูรณ์

 

ภายหลังจากที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบปากคำนานหลายชั่วโมงไม่พบพิรุธหรือความเชื่อมโยงกับผู้ตายจึงได้ปล่อยตัวทั้งสามคนกลับบ้านไป

 

นอกจากนี้ทีมข่าวยังเดินทางไปพูดคุยกับ “นายอี๊ด”อายุ 49 ปี บุคคลที่ “นายรุจ” ไปยืมเงิน 400 บาท เจ้าตัวยอมรับว่า นายรุจมายืมจริง แต่ตอนนั้นมายืมกับภรรยาของตน ไม่ได้บอกว่าจะเอาไปไหน ภรรยาก็เอาให้ไปเพราะตนกับ นายรุจ สนิทกัน ออกไปตัดอ้อยด้วยกันบ่อย ลูกของเขาก็มาเที่ยวเล่นเที่ยวนอนบ้านตนบ่อย

 

แต่พอถึงช่วงที่ภรรยาของตนจะทวงคืน ภรรยากับไม่แน่ใจว่าคนที่มายืมคือ ”นายรุจ หรือ นายต้อม กันแน่ เพราะเขาเป็นพี่น้องกัน แล้วภรรยาของตนไม่ได้สนิทกับ นายรุจ เท่าที่ตนสนิท บวกกับตนก็มีเพียงแค่เบอร์ของ นางสาวเปรี้ยว ภรรยาของ นายต้อม จึงโทรไปถามเรื่องเงิน 400 บาท ถึงได้รับการยืนยันว่าคนที่ไปยืมคืน “นายรุจ” แล้วหลังจากนั้น “นายรุจ” ก็เอาเงินมาคืนตนและก็ไม่ได้มีการติดต่อหรือมีปัญหาอะไรกัน

 

เจ้าตัวบอกว่ารู้สึกตกใจเหมือนกันที่มีการตั้งปมประเด็นนี้ขึ้นมา เพราะระหว่างตนกับ นายรุจ และคนตายไม่เคยมีปัญหาอะไรกันมาก่อน สนิทกันเหมือนพี่น้อง ดังนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่ตนจะเกี่ยวข้องกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ แล้วถ้าจะเป็นค่าล้างหนี้แค่ 400 บาท ก็คงเป็นไปได้ยาก

เปิดภาพลับล่ามือมีด แทงดับหนุ่มหาเขียด มือมีดถามชื่อก่อนแทง