จากกรณีที่ นายเสกสรรค์ อายุ 69 ปี คนขับรถแท็กซี่ กินน้ำยาฟอกขาว หรือไฮเตอร์ หวังฆ่าตัวตายตาม นางยุววีร์ อายุ 69 ปีภรรยา ที่เสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ แต่หลังกินไฮเตอร์เข้าไปกลับไม่เสียชีวิตเพราะอาเจียนออกมาจนสลบข้ามคืนไปไม่ต่ำกว่า 12 ชม. เมื่อฟื้นขึ้นมาก็นั่งเฝ้าศพภรรยา ก่อนโทรแจ้งเจ้าหน้าที่เรื่องการตายภรรยา ก่อนถูกส่งโรงพยาบาลบางบัวทอง เพื่อล้างท้อง เหตุเกิดที่บ้านเช่าไม่มีชื่อใกล้ต่างระดับไทรน้อย ต.บางบัวทอง อ.บางบัวทอง เมื่อเวลา 16.00 น.วันที่ 16 เม.ย. 67 ที่ผ่านมา

 

โดยเมื่อช่วงค่ำวานนี้ (24 เม.ย.) นายสราวุธ อายุ 46 ปี เจ้าของรถอีซุซุ ดีแมค สีบรอนเงิน อาชีพขับรับจ้างทั่วไป และน.ส.อารีรัตน์ อายุ 33 ปี เป็นครู ซึ่งพักอาศัยใกล้เคียงกับนายเสกสรรค์ ได้ขอความช่วยเหลือช่วยนายเสกสรรค์ ว่าหลังออกจากโรงพยาบาล แต่ไม่มีที่พัก เพราะเจ้าของห้องเช่าได้ขนข้าวของของลุงออกมาจากห้องเช่าแล้ว จึงจำเป็นต้องให้นอนที่ท้ายรถกระบะไปก่อน อยากให้สื่อช่วยประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาช่วยเหลือลุง

 

เจ้าหน้าที่พบลุงเสกสรรค์ นั่งอยู่ที่โต๊ะม้าหิน ใกล้กับข้าวของที่ถูกนำออกจากห้องพัก โดยสีหน้าของคุณลุงยังคงเศร้าหมอง และยังอยู่ในสภาพอิดโรย เจ้าหน้าที่พยายามพูดคุยให้ลุงเสกสรรค์ ไปอยู่ที่ศูนย์คุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง จ.นนทบุรี ก่อนเพื่อไปพักและรักษาตัวอาการที่ยังไม่หายดีจากผลกระทบที่กินไฮเตอร์เข้าไป พูดคุยกันนาน คุณลุงเสกสรรค์ ก็ยังไม่ยินยอมที่จะไปให้เหตุผลว่า ไม่พอใจกับเจ้าของห้องที่นำข้าวของออกมากองไว้ด้านนอก ทั้งที่ตกลงกันไว้ก่อนหน้าแล้ว รวมไปถึงมีสิ่งของซึ่งเป็นเอกสารและพระเครื่องเก่าแก่หายไปบางส่วน

 

ต่อมา นายสราวุธ ปลัดอำเภอบางบัวทอง ได้ร่วมเกลี้ยกล่อมพูดคุยกับลุงเสกสรรค์ โดยบอกว่า ทุกคนเป็นห่วงสภาพความเป็นอยู่ของคุณลุง จนกระทั่งมีข้อสรุปว่า ลุงเสกสรรค์ จะขออยู่ตรงนี้ก่อน 2-3 วัน เพื่อทำใจและขอพูดคุยกับเจ้าของห้องเช่าอีกครั้ง ถ้าทุกอย่างได้ข้อสรุปแล้วจะโทรศัพท์ติดต่อไปยัง เจ้าหน้าที่พม.อีกครั้ง เพื่อมาให้มารับตัว

 

นายสราวุธ ปลัดอำเภอบางบัวทอง เปิดเผยว่า เพิ่งทราบเรื่องเมื่อเช้า จึงรีบเข้ามาตรวจสอบ เนื่องจากเป็นเคสเร่งด่วน เบื้องต้นจะช่วยเรื่องถุงยังชีพ ซึ่งจะกลับไปรายงานนายอำเภอก่อน ในส่วนของคุณลุง ตนอยู่แถวนี้อยู่แล้ว ซึ่งจะดูแลคุณลุงให้ โดยได้ให้เบอร์โทรไว้แล้ว หากมีอะไรด่วนให้โทรหา

 

ทีมข่าวสอบถาม นาย สราวุธ อายุ 46 ปี เจ้าของรถกระบะ ที่ให้ลุงเสกสรรค์นอนท้ายกระบะ บอกว่า เมื่อวานนี้ตนเห็นว่ามืดแล้ว ยังไม่มีหน่วยงานไหนมาช่วยเหลือลุง ตนเลยต้องแก้ปัญหาด้วยการหาหมอน มุ้ง มากางให้ลุงเสกสรรค์ นอนอยู่ที่ท้ายรถกระบะของตนก่อน

 

โดยตนรู้จักกับลุงเสกสรรค์หลายเดือนแล้ว เพราะว่าเช่าห้องพักที่เดียวกัน แต่คุณลุง ไม่ค่อยได้ออกมาจากห้อง และอาจจะเป็นช่วงที่ตนออกไปทำงาน เลยไม่ค่อยเจอกัน แต่ลุงเสกสรรค์เป็นคนดี ไม่มีปัญหากับใคร ซึ่งหลังจากนั้นก็จะให้ลุงนอนที่ท้ายรถกระบะไปก่อน จนกว่าลุงเสกสรรค์จะยอมไปอยู่กับเจ้าหน้าที่

 

นายสราวุธ บอกด้วยว่า ตนเห็นว่าเป็นคนที่พักอยู่ที่เดียวกัน ผมให้อะไรได้ ผมก็ให้ ช่วยๆ กันหลาย ๆ คน ซึ่งก็ไม่ใช่ตนคนเดียวชาวบ้านบ้านใกล้เรือนเคียง ก็มาช่วย เอาข้าว เอานมมาให้แบ่งปันกันไป

 

ตนเข้าใจทั้งสองฝ่าย ทั้งลุงเสกสรรค์ และฝั่งเจ้าของบ้าน ซึ่งก็เป็นเรื่องของธุรกิจ แต่จริง ๆ แล้วคงต้องคุยกันก่อนว่าจะให้ย้ายออก ต้องให้เวลาเขาหน่อย แต่นี่ไม่ได้คุยกันแต่ย้ายของออกมาเลย แต่ก็เข้าใจเพราะมันก็เป็นเรื่องธุรกิจ

 

ด้านคุณลุงเสกสรรค์ อายุ 69 ปี ผู้เช่าบ้าน บอกกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ที่กลับมาที่ห้องเช่า เพราะยังมีเรื่องค้างคาอยู่ โดยก่อนหน้านี้เช่าห้องอยู่ที่นี่มาปีกว่า ไม่เคยค้างค่าเช่าห้องพักเลย แต่ช่วงหลังภรรยาป่วย จึงไปคุยกับเจ้าของบ้าน เขาก็บอกว่า ไม่เป็นไร พาภรรยาไปรักษาก่อน จากนั้นภรรยาก็ชัก และช็อก ตนก็พยายามช่วยปั๊มหัวใจ แต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตภรรยาได้ ตนเสียใจมาก เพราะเรามีกันอยู่แค่ 2 คน ไม่มีญาติที่ไหน

 

ตอนนั้นหมดหวังมาก จึงตัดสินใจจะตายไปพร้อมภรรยา กินยาพาราที่มีทั้งหมดและนอนกอดศพภรรยาจนหลับไป แต่ก็ไม่ตาย ตอนนั้นจึงกินไฮเตอร์ เพราะคิดว่าคงต้องตายแน่ ๆ แต่ก็ไม่ตาย อีก / ซึ่งตอนนี้รอดแล้ว ยังไงก็ต้องอยู่ เป็นลูกผู้ชายจะไม่ทำซ้ำ

 

ส่วนที่ตนไม่ไปกับเจ้าหน้าที่ พม. ก็อยากให้ดูสภาพ ข้าวของที่เอาออกมา มาทำแบบนี้ หมากฎหมายยังคุ้มครอง แล้วทำไมมาทำแบบนี้กับผม ซึ่งของที่หายไป คือ ของที่เอาไว้ประกอบอาชีพได้ เช่น เตาปิ้งย่าง เตาแก๊ส แท็ปเล็ตซัมซุง ที่ตนเอาไว้ทำงานเขียนเพลง เพราะคนเคยอยู่ในวงการเพลงมาก่อน กล่องพระกล่องใหญ่ เป็นพระที่มีคุณค่ากับตนมาก ตนก็อยากได้ของคืน

 

เมื่อวานนี้ได้สอบถามคนข้างบ้าน บอกว่า หลังจากตนถูกพาไป รพ. วันรุ่งขึ้น ก็มีการขนของในห้องออกมา ของเน่า ๆ เอาทิ้งไว้ตรงนี้ ของดี ๆ เอาไปตรงโน้น แต่ไม่ทราบว่าเอาไปไหน คุณหมอที่มาส่งตนเลยขับรถให้ตนไปหาเจ้าของบ้านเช่า คุณหมอพูดกับเจ้าของบ้านเช่าดี ๆ บอกว่า เขาสูญเสียเยอะแล้ว คืนของให้เขาเถอะ แต่เจ้าของบ้านเช่า บอกว่า ไม่ได้ ฉันก็ต้องหักไว้เป็นค่าเช่าบ้าน ที่ตนค้างไว้ประมาณ 3-4 เดือน

 

ซึ่งหากได้ของสำคัญของตนคืนมาแล้ว โดยเฉพาะเรื่องพระกับเรื่องงานเพลง ตนก็จะไปหาหมออีกครั้ง ถ้าหมอบอกให้รักษาตัวก่อนก็จะรักษาตัว แต่ถ้าหมอบอกว่าดีแล้วก็จะทำมาหากินต่อไป

 

สุดท้ายอยากบอกกับเจ้าของห้องเช่าว่า ตนได้สูญเสียเมียซึ่งเป็นที่รัก ตนอยากให้คุณเป็นคนดี คืนของสำคัญกับตนเถอะ ตอนนี้ตนยังให้เวลา ถ้ายังไม่คืนอีก ก็จะตัดสินใจไปแจ้งความ และตอนนี้ก็ยังจะอยู่ที่นี่ต่อไป

 

ทีมข่าวได้ไปพบกับ ป้าผ่องศรี อายุ 67 ปี เจ้าของบ้านเช่า บอกว่า ตนได้จ้างคนมาขนข้าวของในห้อง เพราะมีคนตาย ที่ใช้ไม่ได้เขาก็ทิ้ง ที่ใช้ได้เขาก็ขนมาให้ ตนเป็นคนให้เขาเอาข้าวของไปกองไว้ข้างนอกเอง โดยมีหมอที่ รพ.บอกกันตนว่า ให้ลุงเสกสรรค์ อยู่ต่อ แต่ตนก็ไม่ให้แล้ว เพราะจ้างคนมาทำห้องพัก ทาสี ทำความสะอาดหมดไปเป็นหมื่นแล้ว ในห้องก็เหม็น เมื่อทำความสะอาดแล้ว ก็ทำบุญไปให้คนตายทันที เรียกวิญญาณคนตาย ซื้อของ ทำสังฆทานให้ นิมนต์พระมาพิธีให้ด้วย

 

ส่วนของในห้องตนก็ให้คนขนออกมา อยากถามว่าลุงเสกสรรจะเอาไหม ถ้าไม่เอาตนจะยึดหมดเลยนะ เพราะค่าห้องก็ไม่จ่ายมา 3- 4 เดือนแล้ว ส่วนที่ว่ารื้อของหรืออะไรนั้น ตนก็ไม่ได้ดูของแก ลุงเสกสรรค์ บอกมีพระ มีอะไรตนก็ไม่รู้ แต่คนที่ตนจ้างเก็บของ ก็ยืนยันว่า เห็นของที่ใช้ได้ ก็เก็บมาให้ แล้วแกจะเอาอะไรกับเราอีก ส่วนแท็ปเล็ตที่ลุงบอก ถ้าคนขนของเห็น ก็คงเอาไปแล้ว เพราะตนก็ได้เข้าไปค้นเอง แถมปลวกกินบ้านตนด้วย ของไม่มีค่าเยอะแยะเลย ก็ต้องทิ้งหมดพวกลังกระดาษ เจ้าหน้าที่เขามารับแกก็ไม่ไป เมื่อวานแกล้ม ดีที่ไม่ตาย มีคนช่วยเหลือทัน ไม่งั้นแกก็ตายอีกแล้ว ยืนยันว่า คืนพระไปแล้ว แต่แท็ปเล็ตเราไม่รู้เพราะว่าจ้างเขาขน ค่าห้องค้างไว้ 4 เดือน ค่าน้ำค่าไฟค้างอยู่ เรายังไม่คิดเลย จะมาบอกว่า ลุงไม่โกง ๆ หรอก แล้วตนจะเอาที่ไหนล่ะ

 

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า จะไกล่เกลี่ยหรือช่วยเหลือได้ไหม ป้าผ่องศรี บอกว่า ไม่เอา ไม่ช่วยเหลือแล้ว ลูกของตนเป็นคนดูแลก็ไม่เอา ไม่อยากพูดอะไรแล้ว ไม่ให้อยู่ต่อจบ เพราะลุงไปพูดกับคนข้างห้องว่า แกไม่ไปหรอก แกอยู่นี่มีคนเอาของมาให้ แบบนี้ใครจะไปเป็นตนก็ไม่ไป จะไปอยู่ที่ไหนเราก็ไม่ยุ่ง แต่ก็จะไม่ให้อยู่ในห้องเช่าของตนต่อแน่นอน

ดราม่าหนัก! ลุงไฮเตอร์เฝ้าศพเมียถูกไล่นอนถนน เจ้าของตึกโต้ยับ "ฉันใจดีสุดแล้ว"