จากกรณีที่เจ้าหน้าที่ตำรวจสภ.หลังสวน รับแจ้งเมื่อเวลา 13.30 น. พบผู้เสียชีวิตในบ่อน้ำ 2 ราย ทราบชื่อต่อมาคือนายนายเจือ เจียมวิจิตร อายุ 89 ปี และนางล้วน เจียมวิจิตร อายุ 85 ปี บ้านหลังหนึ่ง ม.14 ต.นาพญา อ.หลังสวนจ.ชุมพร และเจ้าหน้าที่กู้ภัยสมาคมพุทธประทีปหลังสวน เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ คาดว่าเป็นการถูกฆาตกรรม

 

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังจุดเกิดเหตุที่บ้านหลังดังกล่าว และขณะที่ไปถึง ก็มีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจาก สภ.หลังสวน , เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และเจ้าหน้าที่กู้ภัยจากสมาคมพุทธะประทีปหลังสวน กำลังร่วมกันปฏิบัติหน้าที่อยู่ รวมไปถึงมีชาวบ้านจากละแวกใกล้เคียงได้เดินทางมาสังเกตการณ์เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นจำนวนมาก

 

ขณะเดียวกันก็มีรถแบคโฮ กำลังขุดบ่อบาดาลข้างบ้าน ซึ่งเป็นจุดที่พบศพของทั้งคู่นอนจมอยู่ใต้บ่อ ลึกกว่า 5 เมตรด้วยกัน และเมื่อขุดไปจนถึงความลึกที่ศพของทั้งคู่จมอยู่ใต้บ่อ เจ้าหน้าที่กู้ภัยจึงได้ลงไปและนำเชือกผูกร่างของทั้งคู่ไว้ แล้วให้รถแบคโฮนั้นดึงร่างขึ้นมา ซึ่งในขณะที่นำร่างของผู้เสียชีวิตขึ้นมาไว้บนพื้นดินแล้ว ก็สังเกตความผิดปกติได้ว่าศพของทั้งคู่อยู่ในลักษณะที่เปลือยกาย ไม่สวมเสื้อผ้าแม้แต่ชิ้นเดียว

 

และจากการตรวจสอบบริเวณบ้านพบว่า มีรอยเลือดอยู่ตามใต้ถุนบ้านจำนวนหลายจุดด้วยกัน จุดแรกที่พบก็คือเสาหน้าบ้าน จุดที่สองคือตรงเก้าอี้ ไม้เล็กๆตั้งอยู่ข้างบันได จุดที่สามบนแคร่และตามพื้นรอบๆ บริเวณแคร่ อีกทั้งตรงบริเวณพื้นทางเดิน พบรอยลากเป็นทางยาวจนไปถึงบ่อบาดาลจุดที่พบศพ แต่ไม่พบรอยเลือดตามทางแต่อย่างใด อีกทั้งรอบบ้านเองเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานก็ได้พบกับสิ่งของที่คาดว่าจะเป็นอาวุธที่ใช้ในการก่อเหตุฆาตกรรม คือจอบ 2 ด้าม มีดพร้า 2 ด้าม และขวาน 1 เล่ม อยู่บริเวณใต้ถุนบ้าน โดยพบว่าจอบ มีดพร้า และขวาน พบกับรอยเลือดที่คาดว่าเป็นของคนตาย จึงทำการตรวจสอบและเก็บเป็นพยานหลักฐานต่อไป

 

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางมะลิ อายุ 70 ปี เป็นหลานของผู้เสียชีวิตทั้งคู่ โดยนางมะลิบอกกับทีมข่าวช่อง 8 ว่าวันนี้ตนเองพร้อมกับญาติๆของนายเจือและนางล้วน ผู้เสียชีวิต ซึ่งทั้งคู่เป็นพี่น้องกัน และอยู่กันเพียงลำพัง 2 คน โดยทั้งหมดเดินทางมาจากอ.ท่าแซะ จ.ชุมพร และจากอำเภอต่างๆ ใน จ.สุราษฎร์ธานี มารวมตัวกันกว่า 16 คน และมาด้วยรถ 4 คัน เดินทางมายังบ้านของนายเจือและนางล้วน เพื่อมารดน้ำดำหัวทั้งคู่ หลังจากไม่ได้เจอกันมานานกว่า 10 ปีแล้ว

 

และเมื่อเดินทางมาถึงในช่วงเที่ยง กลับพบว่าทั้งคู่ไม่อยู่บ้าน และเมื่อเดินช่วยกันหารอบบริเวณบ้านที่มีแต่ต้นมะพร้าว ต้นปาล์ม ต้นหมาก ก็ไม่มีใครพบเจอ แต่ทว่าเมื่อตนลองสังเกตบริเวณรอบๆบ้านอีกที่ ก็พบว่ามีคราบเลือดอยู่ตามจุดต่างๆรอบบ้าน ขณะเดียวกันเมื่อหันไปมองบริเวณทางเดินไปบ่อน้ำบาดาล ก็พบว่ามีรอยลากวัตถุขนาดใหญ่ไปตามทาง และไปสิ้นสุดอยู่ภายในบ่อบาดาลดังกล่าว ซึ่งบ่อดาลก็มีกลิ่นเหม็นเน่าลอยโชยเตะจมูกแบบผิดสังเกต แต่บ่อบาดาลมีฝาปิดอยู่ตนไม่กล้าเปิดดู ประกอบกับญาติคนอื่นๆที่มาด้วยกันลองขึ้นไปตรวจบนบ้านของทั้งคู่ ก็พบว่าภายในบ้านมีร่องรอยของการรื้อค้น และเหมือนมีร่องรอยของการต่อสู้ เพราะข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ กระจัดกระจายไปทั่วบ้าน

 

ดังนั้นตนจึงเชื่อว่าน่าจะมีเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับทั้งคู่ จึงโทรประสานไปยังเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้เดินทางมาตรวจสอบทันที จึงพบว่าทั้งคู่นอนเสียชีวิต สภาพบวมอืดอยู่ภายในบ่อบาดาลดังกล่าว เมื่อทราบเช่นนี้ก็รู้สึกตกใจและเสียใจเสียใจเป็นอย่างมาก ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้นกับทั้งคู่ ส่วนสาเหตุของการเสียชีวิตของทั้งคู่ในครั้งนี้ตนไม่รู้เลยว่าเป็นเรื่องของการฆาตกรรมหรือเป็นเรื่องของการตัดสินใจจบชีวิตกันเองหรือไม่ เพราะไม่ได้ติดต่อกันมานานแล้ว

 

จากการสอบสวนทราบว่าผู้ตายทั้งสองเป็นพี่น้องและบ้านเดียวกันมานานแล้ว โดยนายเจือง หรือทอง เจียมวิจิตร อายุ 85 ปี ผู้เป็นน้องชายเคยมีภรรยาและลูกชายหญิง 2 คน แต่ได้เลิกรากันไปกว่า 20 ปีแล้ว โดยลูกชายหญิงฝ่ายอดีตภรรยานำไปเลี้ยงดูด้วย จนปัจจุบันอดีตภรรยาอายุ 78 ปี ลูกสาวอายุ 45 ปี และลูกชายอายุ 43 ปี ย้ายไปอยู่อีกตำบลและไม่เคยไปมาหาสู่กันเลย

 

นอกจากนั้นยังพบว่าเมื่อประมาณ 2 ปี ที่ผ่านมา นายเจืองได้ขายที่ดินไปกว่า 10 ไร่ ได้เงินมากว่า 2 ล้านบาท และนำเงินเข้าฝากไว้ในบัญชีในชื่อของ นางสาวล้วนน้องสาวที่ตายพร้อมกันในบ่อน้ำ และยังพบว่าที่ผ่านมาผู้ตายทั้ง 2 คน มักจะอยู่แบบไม่สนใจไม่สุงสิงกับใคร และมีปัญหากับเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้กันหลายคน จนกระทั้งก่อนพบศพผู้ตายทั้ง 2 คน ช่วงบ่ายได้มีญาติพี่น้อง ได้เดินทางมาจากต่างอำเภอและต่างจังหวัดกว่า 10 คน เพื่อแวะมาเยี่ยมเยือนในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์ และพบเป็นศพจึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว

 

สอบถาม นายจรัญ อายุ 57 ปี อ ทราบว่า วันนี้ ทางญาติๆหลายคน จากหลายพื้นที่ทั้งที่อยู่ ใน อ.หลังสวน อ.ละแม จ.ชุมพร และมาจาก จ.สุราษฎร์ธานี จ.กระบี กว่า 10 คน ได้นัดหมายกันว่าจะมาเยี่ยมและมาไหว้ขอพร น.ส.ล้วน เจียมวิจิตร และ นายเจือง หรือ ทอง เจียมวิจิตร ซึ่งทั้งสองมีศักดิ์เป็นน้าและเป็นอา ของทุกคน โดยได้ซื้อสิ่งของมาฝากทั้งสองอีกด้วย

 

นายจรัญ กล่าวว่า ตลอดระยะกว่า 10 ปี พวกตนไม่เคยได้มาเยี่ยมหาทั้งสองเลย แต่ไม่ทราบว่าอะไรดลจิตดลใจ ให้ทุกคนอยากมากราบไหว้ขอพร เนื่องในวันสงกรานต์ หรือวันปีใหม่ไทย ซึ่งทั้งสอง ถือว่าเป็นผู้อาวุโสของครอบครัว แต่เมื่อมาถึงก็พบว่า ประตูหน้าบ้านเปิดอ้าอยู่ จึงได้เรียกตะโกนหา นึกว่าทั้งสองอยู่ในสวน แต่พอมาสังเกตพบคราบเลือดติดอยู่ที่เสาบ้าน และเมื่อเดินไปบริเวณใต้ถุนบ้าน ก็พบรองเท้าแตะน่าจะเป็นของน้าสาว มีคราบเลือดติดเต็มทั้งสองข้าง นอกจากนี้ยังพบหยดเลือดบนเตียงนั่งอีกด้วย จึงเชื่อว่าต้องมีอะไรเกิดขึ้นกับทั้งสองเป็นแน่

 

นายจรัญ กล่าวต่อว่า เมื่อเป็นอย่างนั้น ญาติทุกคนที่มาด้วยต่างช่วยกันตามหาทั้งในสวนและข้างบ้าน จนกระทั่งมาถึงบริเวณบ่อน้ำข้างบ้าน ซึ่งมีฝาบ่อที่ทำได้ไม้ปิดอยู่ พบแมลงวันบินว่อนและยิ่งเข้าใกล้ก็ได้กลิ่นเหม็นคล้ายซากศพโชยมา จึงเชื่อว่าภายในบ่อ ต้องเป็น น้าสาวและน้าชายเป็นแน่ จึงกันไม่ให้ใครไปจับต้องแต่อย่างใด พร้อมได้โทรศัพท์แจ้งตำรวจมาตรวจสอบดังกล่าว

 

ในขณะที่ นางกษิษฐา ผู้ใหญ่บ้าน ม.10 เจ้าของพื้นที่ กล่าวว่า ทั้งสองคนอาศัยอยู่ที่นี้มานานแล้ว โดยที่ดินของตายาย มีประมาณ 10 กว่าไร่ และยังที่ดินอีกส่วนหนึ่งอยู่ต่างหมู่บ้าน แต่สำหรับที่ดินที่อยู่ปัจจุบัน เป็นที่ดินตาบอด ต้องอาศัยที่ดินของเพื่อนบ้านเข้าออก และที่สำคัญตายาย มักจะมีปัญหากับเจ้าของที่ดินรอบข้างบ่อย และมีเรื่องถึงโรงถึงศาลมาแล้ว ส่วนชนวนเหตุในครั้งนี้ แม้ตนเองจะเป็นผู้ใหญ่บ้านและที่ดินติดกัน ก็ยังไม่ทราบว่ามาจากสาเหตุใด

 

ต่อมาทีมข่าวช่อง 8 ได้สอบถามข้อมูลกับนายวัชราวุธ หัวหน้าหน่วยกู้ภัยสมาคมสมาคมพุทธะประทีปหลังสวน โดยนายวัชราวุธ กับทีมข่าวช่อง 8 ว่า ในตอนที่ตนได้ได้รับแจ้งมานั้นมีการแจ้งมาว่ามีคนตกบ่อน้ำเสียชีวิต จึงมีการเตรียมชุดประดาน้ำมา แต่เมื่อเดินทางมาถึงที่เกิดเหตุกลับพบว่าไม่เป็นอย่างนั้นเพราะผู้เสียชีวิตอยู่ภายในบ่อบาดาล จึงต้องทำการเปลี่ยนแผนกู้ร่างทั้งหมด โดยบ่อบาดาลดังกล่าวความลึกประมาณ 5 เมตร มีพื้นที่แคบ ประกอบกับร่างของผู้เสียชีวิตของทั้งคู่ เสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 4-5 วันแล้ว ทำให้เกิดแรงดันแก๊ส จึงต้องตัดสินใจใช้รถแบคโฮ ในการขุดบ่อบาดาลดังกล่าวเพื่อกู้ร่างของทั้งคู่ขึ้นมา โดยศพของนายเจือจะอยู่ด้านล่างและมีศพของนางล้วนทับอยู่ด้านบน และสภาพเริ่มเน่าเปื่อยทั้งคู่ และใช้เวลากว่า 4 ชั่วโมงในการนำร่างของทั้งคู่ขึ้นมาอย่างพื้นดิน

 

โดยเมื่อนำร่างของทั้งคู่ขึ้นมาแล้วนั้น ก็สังเกตว่าสภาพศพของนายเจือ มีบาดแผลบริเวณใบหน้าหลายจุด ลักษณะเหมือนถูกของมีคมบาด ที่บริเวณคิ้วด้านขวา บริเวณแก้ม และที่ศีรษะอีกหนึ่งจุด สวนนางล้วน ตามลำตัวไม่มีบาดแผลแต่ท่อนแขนซ้ายหักเป็นสองท่อน คล้ายกับถูกของแข็งตี

 

หลังจากนั้นทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับนางซุนดี อายุ 67 ปี เป็นเพื่อนบ้านที่มีบ้านอยู่ใกล้กันที่สุด โดยนางซุนดีเล่าให้กับทีมข่าวช่อง 8 ฟังว่า ถึงแม้ตนจะอยู่ใกล้เคียงกับผู้ตายทั้งคู่ แต่ก็ไม่เห็นทั้งคู่มาหลายเดือนแล้ว เนื่องจากทั้งคู่ไม่ค่อยชอบสุงสิงกับใครและบ้านของทั้งคู่ก็อยู่ห่างไกลจากบ้านของผู้อื่นพอสมควรจึงไม่ค่อยออกมาพบปะกับผู้คนบ่อยนัก

 

และโดยปกติทั้งคู่ก็เป็นคนอัธยาศัยดีไม่ค่อยมีปากมีเสียงกับใครเท่าไหร่ก็จะอยู่กันสองคนพี่น้องเท่านั้น ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นตนคิดว่าน่าจะเป็นในเรื่องของการฆาตกรรมแน่นอนส่วนสาเหตุจะมากสาเหตุใด ตนก็ไม่ทราบเช่นกัน แต่จะให้มองว่าเป็นคนในพื้นพื้นที่ที่เป็นคนก่อเหตุตนก็เชื่อว่าไม่น่าใช่ มีแต่คนที่เป็นผู้สูงอายุอยู่แล้วทั้งนั้น ไม่มีคนน่าสงสัยที่เป็นคนอันธพาลหรือเป็นคนติดยาเลยแม้แต่น้อย

ฆ่าเปลือย 2 เฒ่าลากศพโยนบ่อน้ำ ฟ้าดลใจลูกหลานกลับมาเจอศพ