"เศรษฐา" ย้ำยังไม่ส่งสัญญาณพรรคร่วมรัฐบาล ปรับ ครม. ลั่น "นายกฯ" มีอำนาจจรดปากกาคนเดียว

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงความชัดเจนในการปรับคณะรัฐมนตรี หลังพรรคร่วมรัฐบาลเงี่ยหูฟัง จะปิดประตูเรื่องนี้เลยหรือไม่ ว่า เรื่องการปรับคณะรัฐมนตรี สามารถถามตนได้ ตนก็ปิดประตูตลอดในเรื่องนี้ ไม่มีใครต้องมาเงี่ยหูฟัง และเมื่อสักครู่ได้พูดคุยส่วนตัวกับนางพิมพ์ภัทรา วิชัยกุล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ก็ไม่ได้มีการพูดจาอะไร ในเรื่องนี้ พร้อมย้ำว่า ไม่ต้องเงี่ยหูฟังหรอก ถามตนโดยตรงได้เลย

เมื่อถามว่า มีการมองกันว่าโควตาในส่วนของพรรคเพื่อไทย ยังเหลืออีกหนึ่งตำแหน่ง ฉะนั้นอาจจะมีการปรับ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เรายังมีอีกตำแหน่งที่เหลือเหลืออยู่ตรงนั้น เดี๋ยวค่อยไปว่ากันเมื่อถึงเวลา

ชมคลิป : "เศรษฐา" ลั่นผมคนเดียวจรดปากกา ยังไม่ส่งสัญญาณปรับ ครม.

เมื่อถามว่า พรรคพลังประชารัฐ ส่งชื่ออีกหนึ่งโควต้าที่เหลือเหลือ มาหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า ยังเลย และยังไม่ได้เจอ ยังไม่ได้พูดคุย ซึ่งพรุ่งนี้วันที่ 9 เมษายน จะมีการประชุมคณะรัฐมนตรี ตามปกติ หากเจอ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ ตนก็จะไม่ถาม แต่ถ้าท่านบอกมาก็จะรับทราบ พร้อมย้ำว่าอย่างที่ได้บอกว่าเป็นโควต้าของพรรคพลังประชารัฐ หากจะเสนอใครก็เสนอเข้ามา และผ่านไปที่คณะกรรมการตรวจสอบ

เมื่อถามว่า หากจะส่งสัญญาณไปยังพรรคร่วมรัฐบาล อยากจะส่งสัญญาณอะไร นายเศรษฐา กล่าวว่า สัญญาณที่ตนส่งมาโดยตลอด และให้ความสำคัญมาโดยตลอด คือ ปัญหาพี่น้องประชาชนในทุกปัญหา ฉะนั้นพวกท่านทราบกันดีอยู่แล้ว ท่านมีวุฒิภาวะที่สูงกันทุกคนแล้ว ก็ทราบว่าความต้องการของพี่น้องประชาชนในปัจจุบันคืออะไร และการที่ตนลงพื้นที่ในครั้งนี้ก็จะไปดูเรื่องยางพารา

เมื่อถามย้ำว่า โควตาพรรคเพื่อไทยที่ยังเหลืออยู่ได้มีการพิจารณากันหรือยัง นายเศรษฐา กล่าวว่า ภายในพรรคก็จะคงจะมีการพูดคุยกัน เดี๋ยวเขาก็คงเสนอขึ้นมา

เมื่อถามว่า ใจของนายกรัฐมนตรีหากมีการปรับ ครม. อยากจะปรับเล็กหรือปรับใหญ่ นายเศรษฐา กล่าวว่า คือถามเหมือนจะมีการปรับ และหลอกล่อให้ตนพูด

เมื่อถามอีกว่า มีการมองกันว่าหากปรับใหญ่แรงกระเพื่อมจะสูง อาจจะปรับเฉพาะตำแหน่งที่ว่างและจำเป็นจริงๆหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่า เหมือนกับคำพูดที่ว่าคนรวยคนจนตรงไหนคือคนรวย ตรงไหนคือคนจนใช่หรือไม่ ฉะนั้นถ้าตนบอกปรับเล็กแล้วปรับเล็กคืออะไร คือ 3 ตำแหน่งหรือ 6 ตำแหน่ง และ 6 ตำแหน่งก็อาจจะมองว่าก็ยังเล็กอยู่ ดังนั้น อย่าไปพูดว่าเล็กหรือใหญ่เลยดีกว่า ไว้ถึงเวลาเหมาะสมเกิดขึ้นแน่นอน

เมื่อถามว่า การตัดสินใจปรับ ครม. จะใช้อำนาจคนเดียวหรือปรึกษาใครหรือไม่ในพรรคร่วมรัฐบาล นายเศรษฐา กล่าวว่า

"การทำงานของตนตั้งแต่เป็นนักธุรกิจมา จนกระทั่งก้าวสู่เวทีการเมือง ตนให้เกียรติเพื่อนร่วมงานทุกคน ฉะนั้นการจะทำอะไรต้องมีการพูดคุยซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา แต่แน่นอนครับ ตนเป็นคนจรดปากกา" นายเศรษฐา กล่าว

เมื่อถามว่า มีการมองกันว่านายกรัฐมนตรี เป็นคนทำงานที่เด็ดขาดอย่าเอาอะไรมาขู่ เพราะอาจจะถูกปาดคอได้ นายเศรษฐา หัวเราะ พร้อมกับกล่าวว่า รัฐมนตรีจากทุกพรรคการเมืองที่ร่วมรัฐบาล รู้อยู่แล้วว่าการทำงานร่วมกันมันไม่มีการขู่ เรามีการพูดคุยกันดีๆอยู่แล้ว เพราะตนเป็นคนที่เข้าถึงได้อยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นทาง WhatsApp โทรศัพท์ หรือในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี มีอะไรก็พูดกันตรงๆ ตนไม่ได้มีอะไรเลย และตนก็ต่อสายตรงถึง นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.) เมื่อวานนี้ก็คุยเรื่องอื่น และก็ต่อสายตรงกันตลอด และท่านเองก็ไม่เคยขู่ตน ตนเองก็ไม่เคยขู่ท่าน อันนั้น ตนว่าเป็นวิธีเดิมๆโบราณๆจะเอาอะไรก็พูดกันตรงตรงดีกว่า และก็มีการปรับปรุงแก้ไขกันไประหว่างทางอย่างนี้เชื่อว่าผลประโยชน์สูงสุดก็จะจะตกอยู่ที่พี่น้องประชาชน

"ที่ตนมาวันนี้ทุกๆพรรคก็มา ซึ่งพรรคเพื่อไทย ไม่ได้มี สส.ที่นี่ มันก็เป็นปมทางใจของผมนิดหน่อย แต่ผมก็ไม่ได้มีอะไรและยังพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และนายชัยชนะ เดชเดโช สส.จังหวัดนครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ก็พูดคุยกันดี และยังได้เจอคุณแม่ท่าน และ สส.พรรคภูมิใจไทย ก็มาด้วยกัน 2 คน และ สส.พรรคพลังประชารัฐ ก็มาจากตรัง ซึ่งไม่ได้แยกพรรคแยกสีอะไรเลย แล้ววันนี้เมื่อเราเป็นรัฐบาลแล้ว ทุกท่านทราบดีอยู่ปัญหาของพี่น้องประชาชนเยอะเหลือเกิน งบประมาณก็เพิ่งผ่านมา 2 อาทิตย์ ซึ่งเราก็ต้องมานั่งพูดคุยกัน ขณะที่ สส.ตรัง ก็ได้นำโครงการมาเสนอ และตนได้ยื่นให้กับ มนพร รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม เพื่อให้ไปพิจารณาดูต่อซึ่งตรงนี้เป็นเรื่องที่เราให้ความสำคัญสูงสุดอยู่แล้ว" นายเศรษฐา ระบุ