ยายวัย 83 เล่าถูกพระและน้าร่างทรงหลอกให้กินกระดูกพ่อตัวเอง รับตกใจแต่ไม่โกรธเพราะดีใจที่ได้เจอพ่อ เผยพ่อมาเขย่าขาปลุกให้ลุกหุงข้าวทุกวัน ล่าสุดอยากปลดปล่อยให้พ่อไปเกิดเพราะกวนทุกคืนจนไม่ได้นอน เผยเมื่อคืนพ่อไม่มาหา คาดคงจะไปดีแล้ว

 

วันนี้ 2 เมษายน 2567 ทีมข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปยัง บ้านคลองป่าไม้ ต.กระแสบน อ.แกลง จ.ระยอง เพื่อไปพูดคุยกับ นางถวิล (ผู้ร้องทุกข์) โดยนางถวิลได้เล่าย้อนไปในเหตุการณ์เมื่อ 50 ปีที่แล้ว ตอนนั้นนางถวิลอายุประมาณ 30 ปี ตนได้สูญเสียผู้เป็นพ่อชื่อว่า “นายจ้อย” โดยที่จู่ ๆ พ่อก็ได้เป็นลมหมดสติและเสียชีวิตไปอย่างไม่ทราบสาเหตุ ในตอนนั้นตนรู้สึกเสียใจมากเพราะตนกับพ่อนั้นค่อนข้างสนิทกัน ซึ่งนายจ้อยก็รักและเป็นห่วงนางถวิลที่เป็นลูกสาวคนเล็กเป็นอย่างมาก

 

ในช่วงที่มีการฌาปนกิจผู้เป็นพ่อที่วัดแห่งหนึ่งในพื้นที่อำเภอบางน้ำเปรี้ยว จังหวัดฉะเชิงเทรา ก็ได้มีพระอาจารย์ที่วัดเรียกตนเข้าไปหาพร้อมกับยื่นก้อนอะไรบางอย่างขนาดเท่าหัวแม่โป้งมาให้ตนและบอกให้นางถวิลกินเข้าไป แต่ตอนนั้นนางถวิลก็ไม่กล้ากินเพราะไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไร ทำให้น้าของนางถวิลที่เป็นร่างทรงเข้ามาบอกให้นางถวิลกินเข้าไปแล้วจะบอกหลังจากกินเสร็จว่าคืออะไร ตอนนั้นนางถวิลก็ยังไม่กล้ากินอยู่ดี จนกระทั่งคนรอบข้างเริ่มพูดว่านางถวิลขี้ขลาดตาขาว พอได้ยินแบบนั้นนางถวิลจึงตัดสินใจกินก้อนดังกล่าวโดยที่ไม่รู้ว่าคืออะไร โดยนางถวิลบอกว่าเมื่อใส่ก้อนดังกล่าวเข้าไปในปากก้อนนั้นก็แตกละเอียดกลายเป็นผงแป้ง ไม่มีรสชาติอะไร จะจืดและฝืดคอเท่านั้น หลังจากที่ได้กลืนลงไปทางด้านน้าที่เป็นร่างทรงก็ได้เฉลยว่า “เป็นกระดูกของนายจ้อย” ซึ่งตอนนั้นตนก็รู้สึกตกใจและถามผู้เป็นน้าว่าทำไมถึงหลอกให้ตนกินกระดูกของพ่อตัวเอง ซึ่งน้าร่างทรงก็อ้างว่าวิธีนี้จะทำให้นางถวิลได้เจอพ่อ พ่อจะยังคงวนเวียนอยู่ใกล้ ๆ เมื่อนางถวิลได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกดีใจที่รู้ว่าจะยังได้เจอพ่ออยู่ และหลังจากนั้นนางถวิลก็เริ่มเจอเหตุการณ์แปลก ๆ คือตกดึกของทุกวันจะมีชายปริศนาเข้ามาหาตนในลักษณะที่ส่งเสียงไอแห้ง ๆ ให้ได้ยิน นานไปก็เริ่มมีการเข้ามาหาตอนหลับในลักษณะของการดึงกระตุกปลายเท้าพร้อมกับบอกว่า “ลุกขึ้นได้แล้ว ไปหุงข้าว พระจะมาแล้ว” ในตอนแรกตนก็ไม่รู้ว่าสิ่งนั้นคืออะไรหรือเป็นใคร จนมาพักหลัง ๆ ตนเริ่มคุ้นเสียงและคิดว่าน่าจะเป็นนายจ้อยที่เป็นพ่อของตัวเอง วันหนึ่งนางถวิลจึงตัดสินใจตะโกนถามไปว่า “นั่นพ่อใช่ไหม” ชายที่อยู่ปลายเท้าก็ตอบว่า “อือ” หลังจากนั้นตนจึงเชื่อมาตลอดว่าวิญญาณของพ่อนั้นเป็นคนมาเรียก ซึ่งช่วงแรก ๆ ทุกอย่างก็เหมือนจะดีที่ตนได้เจอพ่อตัวเอง รู้สึกเหมือนว่าพ่อยังคงคอยเฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่าง แต่ตอนนี้เวลาก็ล่วงเลยมากว่า 50 ปีแล้ว วิญญาณของพ่อยังคงอยู่ที่บ้านและเอาแต่ปลุกให้ตนตื่นนอนในเวลา ตี 1-2 ของทุกวันทำให้นางถวิลรู้สึกพักผ่อนไม่เพียงพอเนื่องจากตนก็อายุเยอะแล้ว ในวันนี้ตนจึงอยากให้วิญญาณของพ่อนั้นไปสู่สุขคติและไม่อยากให้วนเวียนอยู่ใกล้ตัวเองอีกแล้ว

 

ซึ่งเมื่อ 2-3 วันก่อนลูกสาวของตนก็ได้ไปหาร่างทรงที่จังหวัดชลบุรี โดยมีการบอกให้ร่างทรงทำพิธีส่งวิญญาณของนายจ้อยผู้เป็นพ่อไปสู่สุขคติ และก็ดูเหมือนว่าทุกอย่างจะได้ผลเนื่องจากเมื่อคืนที่ผ่านมา กลายเป็นคืนแรกที่พ่อไม่ได้มาดึงขาเพื่อปลุกให้ไปหุงข้าว ตนก็คิดว่าร่างทรงน่าจะทำพิธีส่งดวงวิญญาณของพ่อไปแล้ว ลึก ๆ ก็รู้สึกดีใจที่พ่อจะได้ไปสบายไม่ต้องมีห่วงอะไรอีก แต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกคิดถึงและเหงาที่รู้ว่าพ่อจะไม่ได้อยู่กับตนอีกแล้ว แต่ตนก็ต้องใจแข็งและปล่อยให้ผู้เป็นพ่อไปตามทางที่ควรจะเป็น

 

โดยนางถวิลก็ได้พาทีมข่าวขึ้นไปบนบ้านเพื่อนำรูปของนายจ้อยผู้เป็นพ่อออกมาให้ดู นอกจากนั้นก็ได้อธิบายลักษณะการนอนและการถูกดึงขา โดยบอกว่าวิญญาณของพ่อนั้นจะนั่งอยู่นอกมุ้งบริเวณปลายเท้า ซึ่งพ่อไม่เคยเข้ามาภายในมุ้งเลย และนางถวิลยืนยันว่าสิ่งที่มาดึงขานั้นเป็นพ่อจริง ๆ ไม่ใช่ลูกหลานที่ไหน เนื่องจากตนอาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้เพียงลำพัง ลูกหลานก็ไม่กล้าเข้ามาหาที่บ้านเพราะพวกเขากลัวผีนายจ้อย ตนก็ไม่เข้าใจว่าทำไมทุกคนต้องกลัว ในเมื่อนายจ้อยก็เป็นบรรพบุรุษในครอบครัว

 

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสุมนตรี อายุ 58 ปี ซึ่งเป็นลูกสาวของนางถวิล โดยนางสุมนตรีเผยว่าก่อนหน้านี้แม่ของตนก็เป็นปกติดี ไม่ได้มีอาการผิดแปลกอะไร แต่เมื่อ 2-3 เดือนที่ผ่านมา นางถวิลเริ่มแสดงอาการผิดปกติ เช่น พูดคนเดียว พูดหลายเสียงบางครั้งก็จะพูดเลียนเสียงเด็ก บางครั้งก็โวยวายออกมาไม่ทราบสาเหตุ ตนจึงพานางถวิลไปพบแพทย์เพื่อตรวจดูสุขภาพทั้งหมดรวมไปถึงอาการทางจิต แต่ก็ไม่พบความผิดปกติอะไร หลังจากนั้นตนก็ได้เปิดใจถามผู้เป็นแม่ว่าเกิดอะไรขึ้น จู่ ๆ นางถวิลก็เล่าว่าตัวเองเจอวิญญาณของนายจ้อยเพราะตอนนางถวิลอยู่ในช่วงวัยรุ่นก็ได้เผลอกินกระดูกของนายจ้อยเข้าไป ซึ่งแม่ของตนก็เล่าเป็นตุเป็นตะ ถ้าหากถามความรู้สึกส่วนตัวตนก็ไม่ได้ถึงขนาดว่าจะเชื่อกับสิ่งที่นางถวิลเล่าให้ฟัง แต่ตนก็ไม่อยากจะลบหลู่หรือขัดใจอะไรผู้เป็นแม่ คนจึงปล่อยให้แม่คิดตามที่อยากจะคิดแล้วก็ค่อยหาวิธีช่วยเหลือภายหลัง โดยตอนนี้ยอมรับว่าปล่อยให้นางถวิลอยู่ที่บ้านเพียงลำพัง แต่ต้องขอบอกก่อนว่าตนนั้นไม่ได้รู้สึกว่ากลัวผีหรือกลัววิญญาณของผู้เป็นตาตามที่แม่เข้าใจผิด ซึ่งการที่ลูกหลานไม่เข้าไปหาหรือไปอยู่ด้วยนั้นเป็นเพราะนางถวิลมักจะโมโหร้าย ชอบดุด่าว่าลูกหลานอย่างไม่มีเหตุผล ลูกหลานจึงปล่อยให้นางถวิลอยู่ที่บ้านลำพังและจะแวะเวียนผลัดเปลี่ยนกันเข้าไปดูแล เนื่องจากบ้านของตนและนางถวิลก็อยู่ไม่ไกลกันสักเท่าไหร่

ยายกินกระดูกพ่อตัวเอง ญาติผวาอาถรรพ์ วอน "หมอปลา" ช่วย