หนุ่มวัย 49 ปี ร้องสายไหมต้องรอด ขี่ จยย. ชนไม้ค้ำต้นไม้ที่ยื่นล้ำถนน กระแทกหน้าอกซี่โครงหัก ไร้เยียวยา

วันที่ 3 มี.ค. 67 ที่ทำการสายใหม่ต้องรอด มีนายสุรพงษ์ สุขโภคา อายุ 49 ปี ผู้เสียหายร้องเพจสายไหมต้องรอด หลังขี่รถจักรยานยนต์โดยมีลูกสาวและหลานซ้อนท้ายมาตามถนน แต่กลับถูกไม้ค้ำล้อมต้นไม้เกาะกลางถนน ใต้ตอม่อสถานีรถไฟฟ้าสายสีเหลือง ที่ยื่นล้ำเอนมาในพื้นผิวถนน กระแทกหน้าอก จนซี่โครงหัก 3 ซี่ทิ่มปอดและขาหัก แต่กลับไม่ได้รับการเยียวยาจากการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง

นายสุรพงษ์ เล่าว่า เมื่อวันที่ 1 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ตนเองไปทำธุระที่ดินแดง และกำลังขี่รถจักรยานยนต์กลับบ้าน โดยมีลูกสาวและหลานซ้อนท้าย เมื่อมาถึงถนนศรีนครินทร์ ขาออก เลยแยกหมู่บ้านนักกีฬา ตนเองชิดขวาเพื่อจะกลับรถ โดยตนเองมัวแต่ดูรถ ไม่ทันสังเกตเห็นไม้ค้ำต้นไม้ที่ยื่นล้ำเข้ามาผิวถนน ทำให้ถูกไม้กระแทกเข้ามาที่หน้าอก จนรถพลิกคว่ำจนล้มข้างทาง ซึ่งตนเองจุกร้าวที่หน้าอกอย่างมาก หายใจไม่ออก ส่วนขากระแทกฟุตบาท เมื่อไปโรงพยาบาลพบว่ากระดูกซี่โครงหักทิ่มปอด ขาขวาหัก ส่วนลูกสาวได้กอดหลานเอาไว้ ทำให้ไม่ได้รับบาดเจ็บมากนัก มีเพียงอาการบวมและแผลฟกช้ำ

ด้านน.ส.สุทัตตา สุขโภคา อายุ 25 ปี ลูกสาว บอกว่า พ่อต้องอยู่ห้องฉุกเฉิน 1 สัปดาห์ และได้เข้ารับการผ่าตัด เมื่อไปแจ้งความกับตำรวจ สน.หัวหมาก ก็มีตัวแทนการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย หรือ รฟม. และผู้รับเหมาของ รฟม. มาพูดคุยไกล่เกลี่ย ซึ่งทาง รฟม. ขอเวลา 2 เดือนในการตรวจสอบข้อเท็จจริงว่าใครจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบเรื่องนี้ แต่หลังจากนั้นก็เงียบหายไป ตนเองจึงทวงถามไปทาง รฟม. ก็บอกว่ายังไม่ได้ประชุมหาข้อสรุปว่า รฟม. ผิดหรือไม่ แต่จะส่งประกันมาพูดคุยไว้ก่อน ส่วนตำรวจก็บอกว่าแจ้งความดำเนินคดีไม่ได้ เพราะไม่มีคู่กรณี ต้องไปฟ้องต่อศาลปกครองเอาเอง ส่วนจุดเกิดเหตุปัจจุบันได้มีคนเก็บไม้ค้ำและปรับปรุงพื้นที่ดังกล่าวไปแล้ว

ทั้งนี้ผู้เสียหายยกมือไหว้วอนขอความเมตตาจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะเป็นคนหาเงินเลี้ยงครอบครัว แต่ตอนนี้บาดเจ็บจนไม่สาารถทำงานได้ ไม่มีรายได้ ทำให้ครอบครัวลำบากมาก ค่าบ้านก็ไม่มีจ่าย ค้างอยู่ 2 งวด หากเจ้าของบ้านไล่ออกจากบ้าน ครอบครัวตนเองก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหน เพราะมีหลานก็เป็นออทิสติก ลูกสาวอีกคนก็เป็นลมชัก ทุกวันนี้ต้องยืมเงินคนอื่นเพื่อเอาชีวิตรอด

ด้านนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอดบอกว่า กรณีนี้ผู้เสียหายขับมาตามปกติตามถนนหลวง และไม้ค้ำยันต้นไม้จากเกาะกลางกลับยื่นล้ำเข้ามาที่ถนนมากระแทกหน้าอก แต่เหตุใดผู้เสียหายจึงดำเนินคดีไม่ได้ แต่ในทางกลับกันหากประชาชนขับรถไปชนป้ายหรือเสาป้ายบอกทางของราชการพังเสียหาย กลับดำเนินคดีประชาชนได้ ดังนั้นกรณีนี้ก็ต้องดำเนินคดีกับเจ้าของบริษัท คนที่เอาไม้ไปค้ำดังกล่าว ฐานกระทำการโดยประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บสาหัส ตำรวจจะอ้างว่าดำเนินคดีไม่ได้