ปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายจากเหตุการเรือล่ม ในแม่น้ำเจ้าพระยา ที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้ยุติลงแล้ว โดยสำนักป้องกันและบรรเทาสาธรณภัยจังหวัดอยุธยา ได้สรุปยอดผู้เสียชีวิตทั้งหมด 28 ราย เช่นเดียวกับการเก็บกู้ซากเรือ ที่สำเร็จลงด้วยดี
นายอุดมศักดิ์ ขาวหนูนา หัวหน้าสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ได้ยุติการค้นหาผู้สูญหายจากอุบัติเหตุเรือล่ม ที่บริเวณหน้าวัดสนามไชย หลังใช้เวลาค้นหามากว่า 48 ชั่วโมง ซึ่งก่อนหน้านี้ ยังมีผู้สูญหายเหลืออีก 1 คน คือ เด็กชาย อภินัน แสงขำ อายุ 2 ขวบ แต่เมื่อตรวจสอบจากตำรวจและฝ่ายปกครอง รวมทั้งเช็กกับทางทะเบียนราษฎร์แล้ว ไม่ปรากฏชื่อเด็กชายคนดังกล่าว ประกอบกับผู้นำศาสนา ได้แจ้งกับเจ้าหน้าที่ว่า ขณะนี้รายชื่อผู้เสียชีวิตที่ประชาชนแจ้งไว้ครบ 28 คนแล้ว จึงเชื่อได้ว่าอาจจะเป็นการแจ้งคาดเคลื่อน และเด็กชายคนดังกล่าวไม่มีตัวตนจริง เจ้าหน้าที่ชุดกู้ภัยจึงได้ยุติการค้นหา และในวันนี้ (21 ก.ย.) เจ้าหน้าที่กู้ภัยและเจ้าหน้าป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย สำรวจผิวน้ำเป็นครั้งสุดท้าย เพื่อให้มั่นใจว่าไม่มีผู้สูญหายหรือผู้เสียชีวิตเพิ่มเติม โดยทางสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้สรุปตัวเลขผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์ดังกล่าวว่า มีผู้เสียชีวิตรวมทั้งสิ้น 28 คน และบาดเจ็บอีก 46 คน
กรมเจ้าท่าเก็บกู้ซากเรือล่มอยุธยาสำเร็จ
ส่วนขั้นตอนในการกู้เรือนั้น นายณัฐ จับใจ รองอธิบดีกรมเจ้าท่า เปิดเผยว่า การเก็บกู้ซากเรือ ถือว่าประสบความสำเร็จ แม้จะมีอุปสรรคทั้งฝน และกระแสน้ำ รวมถึงเครื่องมือในการเก็บกู้ไม่สามารถใช้ได้แบบเต็มประสิทธิภาพ แต่ก็สามารถเก็บกู้ซากเรือได้จนครบกำหนดเวลา หลังจากเมื่อช่วงเช้า (20 ก.ย.) ได้ส่งนักประดาน้ำ ลงไปสำรวจรอยแผลใต้ท้องเรือ เบื้องต้นพบว่ามีรอยชำรุดบริเวณกาบขวา ช่วงหัวเรือถึงกลางเรือ กว้าง 1 เมตร ยาว 7 เมตร แต่โครงสร้างหลักไม่เสียหาย เจ้าหน้าที่จึงต้องใช้เครนขนาด 40 ตันยกหัวท้ายของเรือขึ้น ก่อนอุดรอยรั่ว แล้วนำเครื่องสูบน้ำ สูบน้ำออกจากตัวเรือ จากนั้นจึง ลากเรือไปไว้ที่อู่ต่อเรือศรีเจริญ ใกล้กับวัดพนัญเชิงวรวิหาร เพื่อขึ้นคานเรือ ซึ่งจากเดิมได้ประสานไว้ที่อู่ต่อเรือศรีเจริญ แต่ได้รับแจ้งว่าที่จอดเรือเต็ม จึงต้องหาอู่แห่งใหม่ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการประสานงาน ทั้งนี้ คาดว่าภายในคืนนี้จะสามารถนำเรือไปเก็บที่อู่ต่อเรือได้
สธ.สรุปเหยื่อเรือล่มยังรักษาตัวรพ.13 คน สาหัส 1 คน ด้านนายแพทย์ ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ก็กล่าวถึงความคืบหน้าในการช่วยเหลือผู้ประสบอุบัติเหตุครั้งนี้ว่า ทางกระทรวงสาธารณสุข ได้สั่งการให้สำนักงานสาธารณสุขจังหวัด และโรงพยาบาลพระนครศรี อยุธยา ให้การดูแลการช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเต็มที่ พร้อมกับส่งหน่วยบริการการแพทย์ฉุกเฉิน จากโรงพยาบาลในสังกัด หน่วยกู้ภัย และมูลนิธิฯ ไปยังจุดเกิดเหตุทันที หลังได้รับแจ้งเหตุ พร้อมนำส่งผู้บาดเจ็บเข้ารับการรักษาที่ โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา 52 คน
โดยขณะนี้ได้รับรายงานว่า ผู้ที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย เริ่มมีอาการดีขึ้นจนสามารถทยอยกลับบ้านได้แล้ว ยังเหลือผู้บาดเจ็บนอนพักรักษา ในที่โรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา 13 คน และต้องพักรักษาตัวในห้องไอซียูอีก 1 คน
นายกฯ สั่งเร่งเยียวยาญาติผู้เสียชีวิตเรือล่ม
ขณะที่ นายประยูร รัตนเสนีย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดพระนครศรีอยุธยา เปิดเผยว่า สำหรับญาติของผู้ประสบเหตุเรือล่มนั้น ทางพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล ได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งกรมเจ้าท่า คมนาคม แพทย์ และกรมสุขภาพจิต ให้เร่งวางแนวทางในการเข้าให้การช่วยเหลือและเยียวยาจิตใจญาติผู้ประสบภัยแล้วและหลังจากนี้ทางจังหวัด จะเร่งสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ ให้มั่นใจถึงมาตรการดูแลความปลอดภัยในการท่องเที่ยว โดยจะมีการประชุมผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด เพื่อหาแนวทางในการดำเนินการให้เป็นไปอย่างรอบคอบ ปลอดภัย และมีการปฏิบัติตามกฎหมายอย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะการเดินเรือ และมั่นใจว่าจะสามารถเรียกความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยวกลับมาได้เร็วๆ นี้อย่างแน่นอน เจ้าของเรือเตรียมโดนโทษหนัก-กรมเจ้าท่าวางมาตรการป้องกันเหตุ
ส่วนการดำเนินคดีผู้ที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุดังกล่าว นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระ ทรวงคมนาคม เปิดเผยว่า ขณะนี้ สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงแล้วว่า เกิดข้อบก พร่องจากจุดใด หากเกิดจากความหละหลวมในการกำกับดูแลของเจ้าหน้าที่กรมเจ้าท่าด้วย ก็จะต้องลงโทษตามขั้นตอนต่อไป ส่วนการที่เรือบรรทุกผู้โดยสารเกินที่กำหนดนั้น ก็ต้องดำเนินการตามข้อกฎหมาย
อย่างไรก็ตาม ตลอด 2 ปีที่ผ่านมา ตนเองได้กำชับ และเน้นย้ำเรื่องมาตรฐานความปลอดภัยมาโดยตลอด ดังนั้น คงต้องรอดูว่าเกิดจากข้อบกพร่องใดบ้าง อย่างไรก็ตาม ปกติแล้วทุกจังหวัดที่มีท่าเรือทั้งหลาย จะมีเจ้าท่าประจำอยู่จังหวัดนั้นๆ อยู่แล้ว จึงได้กำชับให้มีความเข้มงวดกวดขันดูแลให้มากยิ่งขึ้น
เช่นเดียวกับ นายศรศักดิ์ แสนสมบัติ อธิบดีกรมเจ้าท่า ที่ออกมากล่าวว่า ผลการสอบสวนเรือลำที่เกิดเหตุ มีการบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าจำนวนที่ได้รับอนุญาตซึ่งระบุไว้ 50 คน แต่ในวันเกิดเหตุมีการบรรทุกผู้โดยสารถึง 120-150 คน ซึ่งถือว่ากระทำผิดที่ชัดเจน ซึ่งในส่วนนี้จะดำเนินคดีตามกฎหมายกับเจ้าของเรือในส่วนของใบอนุญาต อย่างไรก็ตามในกรณีนี้ มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก ทางกรมเจ้าท่า จึงต้องส่งเรื่องให้ตำรวจ ดำเนินคดีในส่วนของคดีอาญาอื่นๆ ต่อไปด้วย
ส่วนการป้องปรามปัญหาดังกล่าวไม่ให้เกิดขึ้นอีกในอนาคต กรมเจ้าท่าเห็นปัญหาว่า อุบัติเหตุที่เกิดขึ้นมักมาจากท่าเรือที่รับส่งผู้โดยสาร ที่เป็นท่าเรือส่วนบุคคล ไม่ใช่ท่าเรือที่มีผู้โดยสารขึ้นลงตามเส้นทางที่ได้รับอนุญาต เมื่อขาดเจ้าหน้าที่ของกรมเจ้าท่าเข้าไปควบคุม ก็มักจะบรรทุกผู้โดยสารเกินกว่าจำนวนที่กำหนดในใบอนุญาต ถือเป็นการละเลยมาตรการความปลอดภัยทั้งในส่วนของเจ้าของเรือและผู้ใช้บริการ
โดยหลังจากนี้กรมเจ้าท่าจะเรียกผู้ประกอบการเจ้าของเรือมาทำความเข้าใจ สร้างจิตสำนึกในประเด็นการปฏิบัติตามใบอนุญาตและมาตรการความปลอดภัยอย่างเคร่งครัด รวมทั้งจะส่งเจ้าหน้า ที่ลงไปทำความเข้าใจในทุกพื้นที่ที่มีบริการเรือโดยสารในทุกจังหวัด รวมทั้งเพิ่มความถี่ในการตรวจสอบมาตรฐานและทำความเข้าใจกับผู้ประ กอบการ ซึ่งเดิม จะตรวจสอบปีละ 2 ครั้ง แต่หลังจากนี้ก็จะตรวจสอบทุก 3 เดือน เพื่อให้เกิดจิตสำ นึกและการดูแลมาตรฐานที่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น -
นอกจากนี้ในสังคมออนไลน์ เจ้าของเฟสบุ๊คชื่อ 'Fatima Khemmanee' (ฟาติมา เขมมณี) ซึ่งเป็นหนึ่งในผู้รอดชีวิตจากอุบัติเหตุดังกล่าว ยังได้มีการโพสต์คลิปวีดิโอ 3 คลิป ที่บันทึกภาพเหตุการณ์ภายในเรือ ทั้งช่วงก่อนเกิดเหตุ ขณะเกิดเหตุเรือชนกับตอม่อ และหลังจากเกิดเหตุเอาไว้ด้วย
โดยคลิปก่อนเกิดเหตุมีข้อความระบุว่า 'ความสุขช่วงเช้า ขอคืนได้ไหม' ส่วนในช่วงขณะเกิดเหตุ มีข้อความระบุว่า 'ตอนนี้เรายังอยู่บนเรือ ช่วงที่เรือชนตอหม้อ' และในช่วงหลังเกิดเหตุ มีข้อความระบุว่า 'นาทีชีวิตต่างก็ร้องขอความช่วยเหลือ แต่พวกเราก็ไม่ทิ้งกัน'

















