กรณีผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดพัทลุงว่า นางบุญทา อายุ 54 ปี พร้อมแม่ นางน้ำ อายุ 75 ปี มีเงิน 80 บาท นั่งรถตู้โดยสารจากบ้าน พื้นที่ อ.เขาชัยสน ไปยังศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพัทลุง เหลือเงินติดตัวเพียง 20 บาท เพื่อเข้าร้องเรียนต่อศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดให้ช่วยเหลือ หลังถูกกรมบังคับคดี มาปิดบังคับคดีขายทอดตลาดบ้านที่ตัวเองอาศัย โดยที่เจ้าตัวและแม่ งงว่าเรื่องอะไรนั้น

วันนี้ 22 มกราคม 2567 ทีมข่าวช่อง 8 เดินทางมายังบ้านของนางบุญทา อายุ 54 ปี ลักษณะเป็นบ้านปูนชั้นเดียว มี 2 ห้องนอน มีคนที่อาศัยอยู่ในบ้าน
ได้แก่ 1.นางบุญทา อายุ 54 ปี 2.นางน้ำ อายุ 75 ปี 3.นายออย อายุ 23 ปี 4.นายน้อย อายุ 30 ปี 5.ด.ญ.ไอซ์ อายุ 8 ขวบ 6.ด.ช.อาลิฟ อายุ 5 ขวบ
7.ดญ.มายด์ อายุ 12 ขวบ 8.ด.ญ.ชมพู่ อายุ 12 ปี
และ 9.นายเอก อายุ 20 ปี
ซึ่งตอนที่ทีมข่าวลงพื้นที่มานั้น ก็มีสมาชิกในบ้านอยู่ 6 คน ส่วนคนอื่นๆ ออกไปทำธุระนอกบ้าน
นางบุญทา อายุ 54 ปี ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวันที่ 10 พ.ย.2566 เจ้าหน้าที่กรมบังคับคดีได้มาติดป้ายขายทอดตลาด ที่บ้านตัวเอง ตอนนั้นตัวเองก็รู้สึกงงว่า ทำไมเจ้าหน้าที่ถึงมาติดป้ายดังกล่าว ซึ่ง ในเอกสารก็ระบุว่าตัวเองไปกู้เงินของบุคคลชื่ออำภา ลี้อมรสกุล เมื่อปี 2562 จำนวน 3 สัญญา 60,000 สองสัญญา และ 30,000 หนึ่งสัญญา รวม 150,000 บาท ทั้งที่ตัวเองก็ไม่รู้จักกับบุคลดังกล่าวเลย และปี 2563 ตัวเองไม่จ่ายหนี้ให้กับนางอำภา เขาจึงฟ้องร้องตัวเอง จนนำมาสู่เรื่องดังกล่าว

หลังจากนั้นตัวเองก็ได้ติดต่อหน่วยงานต่างๆทั้งศาลพัทลุง และกรมบังคับคดี ซึ่งช่วงก่อนปีใหม่ ตัวเองได้เดินทางไปที่กรมบังคับคดี เพื่อถามเรื่องดังกล่าว เจ้าหน้าที่ก็ถามตัวเองว่า “จะมาขายบ้านหรอ” ตัวเองก็ตอบว่า “ไม่ใช่” ตัวเองแค่จะมาสอบถามเรื่องเอกสารที่กรมบังคับคดีไปติดหน้าบ้าน และเรื่องที่คดีที่มีโจทก์ฟ้องตัวเองว่าไปยืมเงินบุคคลหนึ่งมา ทั้งที่ตัวเองไม่ได้กระทำการดังกล่าว
โดยนางบุญทา ยังบอกอีกว่า ตัวเองเห็นพิรุธหลายอย่าง ในเอกสารอาทิ พิรุธอย่างแรกลายมือชื่อที่เขียนในเอกสารกู้ยืมเงิน ก็ไม่ใช่ลายมือตัวเอง 2.ในเอกสารระบุชื่ออำเภอผิด อำเภอที่ตัวเองอยู่คืออำเภอเขาชัยสน แต่ในเอกสารไประบุว่าอำเภอเขาสนชัย พิรุธที่ 3 คือเขาระบุอายุตัวเองผิด ตอนนี้ตัวเองอายุ 54 ปี ถ้าปี 2562 ตัวเองต้องอายุ 49 ปี แต่เอกสารดังกล่าวไประบุว่าตัวเอง 38 ปี พิรุธที่ 4 ในเอกสารการกู้ยืมเงิน ก็ไม่ระบุอาชีพ หรือเบอร์โทรของผู้กู้อีกด้วย

ตัวเองยืนยันว่า ตัวเองไม่รู้จักกับนางอำภา โจทย์ที่ฟ้องตัวเองเลย ตัวเองไม่เคยเอาเงินเขามาเป็นแสนๆขนาดนั้น เกิดมาจนจะตาย ก็ไม่เคยจับเงินแสนเลย ที่ผ่านมาตัวเองเคยมีคดี แค่ 1 คดี คือตัวเองไปผ่อนรถมอเตอร์ไซค์ให้ลูกชาย แล้วลูกชายได้เอารถมอเตอร์ไซค์ไปจำนำแล้วไม่ไปจ่ายเงินเขา เขาจึงยึดรถมอเตอร์ไซค์เอาไว้ จากนั้นบริษัทที่ตัวเองไปผ่อนรถมอเตอร์ไซค์ก็มาฟ้องร้องตัวเอง ส่วนเรื่องของการยืมเงินที่ผ่านมาตัวเองเคยกู้เฉพาะทอก็สอจำนวน 180,000 บาท ซึ่งตอนนี้เงินต้นและดอกเบี้ยก็รวมประมาณ 500,000 บาท
นางบุญทา กล่าวทั้งน้ำตาว่า ตอนนี้ตัวเองกังวงใจว่าบ้าน บ้านหลังนี้ตัวเองอยู่มาตั้งแต่เกิด เป็นบ้านที่พ่อให้มา หากล้านถูกยึดก็ไม่รู้ว่าตัวเอง,แม่ และหลานๆอีกหลายคนจะไปอยู่ที่ไหน จึงออกมาร้องขอความเป็นธรรมกับสื่อ

นางบุญทาบอกทีมข่าวว่า ตอนนี้ตัวเองเหลือเงินติดตัวแค่ประมาณ 50 กว่าบาท พร้อมเอาเงินให้ทีมข่าวดู และตัวเองก็ตามองไม่ค่อนเห็นเพราะเป็นต้อกระตกที่ตาด้านขวา ทุกวันนี้ก็ทำงานกรีดยาง หาเลี้ยงครอบครัว
หลังให้สัมภาษณ์นายบุญทาได้เซ็นลายมือชื่อเป็นชื่อของตัวเองให้ทีมข่าวดู เพื่อเปรียบเทียบว่าลายมือของตัวเองไม่เหมือนกับลายมือบุคคลพี่ไปเซ็นกู้ยืมเงินกับนางอำภาในสัญญาแต่อย่างใด

ด้านนางน้ำ อายุ 75 ปี แม่ของนางบุญทา ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่าตอนนี้ตัวเองกังวลใจเป็นอย่างมาก กลัวว่าบ้านที่อยู่มานาน จะถูกยึด แล้วตัวเองขอยืนยันว่าตัวเองรวมถึงลูกสาวไม่เคยไปกู้ยืมเงินบุคคลชื่อนางอำภาเลย ตัวเองไม่รู้จักกับบุคคลนี้ ที่ผ่านมาครอบครัวก็ไม่เคยได้จับเงินแสน
หากบ้านของตัวเองถูกขายทอดตลาด ตัวเองคงพาลูกๆหลานๆไปอาศัยอยู่วัดก่อน เพราะไม่ทีที่จะไป ส่วนทนายพัช ธันย์นิชา เอกสุวรรณวัฒน์ ที่จะมาช่วยเหลือตัวเองเรื่องคดีนั้น ตัวเองก็อยากขอบคุณเขามากๆ
โดยทีมข่าวยังพบข้อความที่ เด็กๆในบ้านหลังดังกล่าว มีการเขียนข้อความบอกรักกันในบ้านด้วยว่า “ออมสินรักไอซ์” อีกด้วย


















