จากกรณีแม่ร้องสื่อช่วยหลังรู้ข่าวสามเณรลูกชายถูกพระทำโทษจนได้รับบาดเจ็บ ซึ่งเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นขณะที่ทีมข่าวช่อง 8 กำลังเดินทางไปทำข่าวในพื้นที่จังหวัดปราจีนบุรี โดยระหว่างเดินทางได้มีรถยนต์สีขาว ขับมาประกบข้างพร้อมกับร้องขอให้ทีมข่าวจอดรถ ก่อนจะให้ข้อมูลว่า ลูกชายของตนเอง ซึ่งที่บวชเณรอยู่ที่วัดแห่งหนึ่งใน อ.บ้านสร้าง จ.ปราจีนบุรี ถูกทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ ตามตัวมีรอยจากการโดนตีที่ดูค่อนข้างน่ากลัว
ทีมข่าวช่อง 8 จึงตัดสินใจเดินทางไปพร้อมกับญาติผู้เสียหาย เมื่อถึงวัดแห่งหนึ่งที่เป็นจุดเกิดเหตุ ทางญาติได้เดินขึ้นไปบริเวณชั้น 2 ของอาคารเรียนภายในวัด ทางแม่ของผู้เสียหายได้เดินไปพบผู้เสียหายนอนอยู่ในมุ้ง จากนั้นแม่ของผู้เสียหายมีความตกใจและร้องไห้ เมื่อได้เห็นแผลที่เกิดขึ้นตามตัวของผู้เสียหาย
จากนั้น แม่ของผู้เสียหายได้เดินตามหาพระอาจารย์ที่เป็นคนก่อเหตุดังกล่าว พร้อมกับตะโกนเรียกพระ ก่อนที่พระที่ก่อเหตุรูปดังกล่าวออกมา เพื่อเชิญทีมข่าวและญาติผู้เสียหายไปนั่งคุยในห้องประชุม และได้อธิบายให้กับทีมข่าวและญาติฟัง
ทีมข่าวได้พูดคุยกับพระอาจารย์ที่ก่อเหตุ เปิดเผยว่า ที่ต้องตีสามเณรเพื่อเป็นการลงโทษ เนื่องจากเคยมีการตกลงกันเรื่องกฎระเบียบต่าง ๆ เอาไว้แล้ว ส่วนที่ลงโทษเป็นประเด็นเรื่องการนำโทรศัพท์มาใช้และห้ามสูบบุหรี่ ปรากฏว่าสามเณรได้ทำผิดอยู่หลายครั้ง จึงได้ลงโทษตามสมควรแก่เหตุ ซึ่งอาจจะดูรุนแรงเกินกว่าเหตุ ตนเองก็ยอมรับ แต่ยืนยันว่าไม่ได้กระทำไปเพราะบันดาลโทสะหรือรู้สึกโกรธแค้น แค้นเคืองอะไร ยอมรับความผิดเพราะคิดว่าทำสมควรแก่เหตุแล้ว เพื่อไม่ให้เป็นตัวอย่างกับสามเณรอื่น ๆ ต้องปฏิบัติตามระเบียบ โดยใช้แค่ไม้เรียวที่ใช้สอนหนังสือ
ยอมรับว่ารู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น และอยากขอโทษผู้ปกครองของเณร ไม่ว่าจะเป็นโยมแม่ หรือญาติพี่น้องของสามเณรด้วย ซึ่งทุกวันนี้ก็ยังพูดคุยกับสามเณรที่บาดเจ็บตามปกติ เณรเองยังนำอาหารมาถวาย และยังเล่าเรียนตามปกติ
ด้านเณรที่ถูกตี เล่าว่า วันเกิดเหตุพระอาจารย์ได้ยึดโทรศัพท์ของตนเองไป ก่อนจะตีอีก 18 ที และยังโดนเตะอีก 1 ครั้ง รวมถึงมีเณรที่โดนถีบด้วย ซึ่งปกติพระอาจารย์จะมีพฤติกรรมโมโหร้ายเป็นบางเวลา เช่น หากเณรเล่นกันเวลาทำงาน ท่องบทสวดมนต์ไม่ได้ ก็จะโดนลงโทษ โดยก่อนหน้านี้ตนเองบวชอยู่อีกวัดหนึ่งได้ 2 ปี ก่อนจะมาเรียนที่วัดนี้ ในตอนแรกที่โดนลงโทษไม่ได้บอกพ่อแม่ เพราะกลัวว่าพระอาจารย์จะได้รับผลกระทบ เนื่องจากที่ผ่านมาพระอาจารย์ก็อบรมสั่งสอนตนเองมาเป็นอย่างดี และตนเองไม่ได้รู้สึกโกรธที่ถูกลงโทษแต่อย่างใด
ขณะที่ ทีมข่าวได้พูดคุยกับ นางสาวปุ้ย (นามสมมุติ) อายุ 34 ปี ซึ่งเป็นพลเมืองดีที่นำเรื่องราวของเณรที่ถูกทำร้ายไปแจ้งกับผู้ปกครอง เล่าว่า เธอพบเณรวิ่งมาขอความช่วยเหลือ หลังจากที่ถูกพระอาจารย์ทำโทษ โดยต้นเหตุมาจากการที่เณรนำโทรศัพท์มาซ่อนไว้ จึงโดนไม้ฟาดต่อหน้าเณรรูปอื่น ๆ ที่ต่างตกใจและพากันวิ่งหนีจนมาพบกับเธอ
ตนเองเห็นว่าเป็นเหตุการณ์ที่ไม่สมควร และยิ่งได้เห็นบาดแผลของเณรที่บาดเจ็บจึงช่วยทายาให้ ก่อนจะถามหาผู้ปกครองเพื่อให้มารับตัวกลับ เพราะรู้สึกว่าอยู่ในความไม่ปลอดภัย นอกจากนี้ ยังมีเณรคนอื่น ๆ เล่าให้ฟังว่า พระอาจารย์มักมีพฤติกรรมเช่นนี้ แต่ทุกคนติดต่อผู้ปกครองไม่ได้เพราะถูกยึดโทรศัพท์ ไม่ให้ใช้โทรศัพท์ติดต่อใคร และสั่งว่าห้ามบอกใคร แม้กระทั่งซองเงินของเณรก็ไม่คืนให้
เท่าที่เธอรู้เมื่อวานนี้ ก็มีเณรที่ถูกเตะเสยหน้าไปโดนตาจนบาดเจ็บ เณรบอกว่าเณรอยากกลับบ้าน เธอรู้สึกรับไม่ได้กับการลงโทษที่เกินมนุษย์เช่นนี้ จึงตัดสินใจโทรหาแม่ของเณรที่บาดเจ็บ ถ่ายรูปบาดแผลของน้องส่งไปให้แม่ดู ตอนนี้รู้สึกดีใจที่น้องอยู่ในความปลอดภัย และแม่มารับแล้ว พร้อมบอกกับแม่ของน้องว่า หลังจากนี้อย่าทิ้งลูกไว้กับใครที่มีพฤติกรรมแบบนี้อีก อยากให้แม่ทุกคนรักลูกให้มาก ๆ เพราะเธอเองก็เป็นคนหนึ่งที่มีลูกเช่นกัน ไม่อยากให้ใครมาทำร้ายลูก
ส่วนสามเณรอีกรูปที่เคยโดนพระอาจารย์รูปดังกล่าวเตะ เล่าให้ฟังว่า เมื่อวานนี้ ตนเองโดนเตะและตบหัวเพราะแปลหนังสือไม่ได้ โดนเตะจนหัวไปชนกับเหล็กขอบกระดาน ซึ่งก่อนหน้านี้ยังเคยโดนตบโดนเตะมาแล้ว ยอมรับว่ารู้สึกโกรธแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ ตอนนี้อยากกลับบ้าน
ล่าสุด แม่และญาติ ๆ ของเณรที่บาดเจ็บเดินทางไปแจ้งความทึ่ สภ.บ้านสร้าง เพื่อดำเนินคดีกับพระอาจารย์ที่ก่อเหตุแล้ว โดยทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางมาที่วัดจุดเกิดเหตุกับญาติผู้เสียหาย ในเวลา 20.00 น. โดยมีตำรวจ สภ.บ้านสร้าง ได้ลงพื้นที่มาให้ดูแลความปลอดภัยแก่ญาติผู้เสียหาย เนื่องจากเณรผู้เสียหายลืมสิ่งของไว้กับคนก่อเหตุ พบว่าเพื่อนเณรพยายามออกมาดูจากทางหน้าต่างด้านบน โดยเณรผู้เสียหายพยายามชะโงกหน้ามาดูเพื่อน เนื่องจากกลัวความปลอดภัยของเพื่อนเณรที่ยังอยู่ที่วัดแห่งนี้
ด้าน น.ส.ธารทิพย์ แม่ของสามเณรที่โดนตี เปิดใจกับทีมข่าวว่า หลังจากเห็นรอยแผลบนตัวลูก รู้สึกเสียใจมาก เพราะเลี้ยงลูกมาไม่เคยปล่อยให้เป็นแผลขนาดนี้มาก่อน ใจจริงตนเองต้องการมาเยี่ยมลูก เนื่องจากลูกมาปฏิบัติธรรม อยากเห็นผ้าเหลืองของลูก แต่กลับเป็นรอยแผลเต็มตัว รู้สึกรับไม่ได้ รู้สึกว่าเกินไป เมื่อถามหาความรับผิดชอบพระอาจารย์กลับตอบไม่ได้ เธอจึงอยากจะแจ้งความเอาเรื่อง และอยากให้พระอาจารย์สึกไปเลย เพราะเชื่อว่าจะมีเณรรุ่นอื่น ๆ ที่ต้องมาเจอกับเหตุการณ์แบบนี้อีก เชื่อว่าว่าลูกไม่ได้โดนแบบนี้เป็นคนแรก มีเณรอีกหลายรูปที่โดนแบบนี้รู้สึกแย่มาก ไม่มีที่ไหนปลอดภัยเลยแม้แต่ในวัดตนรับไม่ได้
เบื้องต้น อยากได้พูดคุยกับเจ้าอาวาสก่อนว่าจะมีวิธีการจัดการอย่างไร แต่ความต้องการของแม่คืออยากให้ลูกออกจากวัดนี้ กลับไปวัดที่กรุงเทพฯ ภายในวันนี้ ซึ่งลูกเณรยังอยากศึกษาเล่าเรียนทางธรรมอยู่
น.ส.ธารทิพย์ บอกด้วยว่า อยากขอบคุณพลเมืองดีที่ส่งเรื่องมาบอกเธอ เพราะก่อนหน้านี้ลูกเณรห้ามเอาไว้ไม่ให้บอก เพราะกลัวว่าพระอาจารย์จะเดือดร้อน ไม่อยากให้แม่คิดมาก แต่พลเมืองดีรายนี้กลัวว่าหากวันหนึ่งเณรเกิดเป็นอะไรไป กลัวว่าจะเป็นตราบาปเขาไปชั่วชีวิต อยากจะขอบคุณเขามาก ๆ จริง ๆ
และอยากขอบคุณทีมข่าวช่อง 8 ซึ่งเป็นสื่อที่ดี ที่ช่วยเป็นกระบอกเสียงให้กับครอบครัวของเธอในครั้งนี้