จากกรณีที่นายคณิน อายุ 24 ปี ได้ก่อเหตุ ทำร้ายร่างกายหญิงไม่ทราบชื่อเสียชีวิตในงานงิ้ว อ.พล จ.ขอนแก่น กระทั่งเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุมตัวได้นั้น

ล่าสุดได้รับการยืนยันว่าศพหญิงสาวปริศนา ชื่อนางสาวสาวิตรี หรือ วิตตี้ อายุ 27 ปี ชาวจังหวัดชัยภูมิ และในวันนี้นางทองพูน อายุ 54 ปี ผู้เป็นแม่พร้อมครอบครัวของผู้ตาย ได้เดินทางมาที่สภ.พล จังหวัดขอนแก่น เพื่อมายืนยันว่าผู้ตายเป็นลูกสาวและเพื่อให้ปากคำกับตำรวจ


แม่ผู้ต้องหาก้มกราบเท้าขอโทษแม่ผู้ตาย พร้อมอ้างลูกชายตัวเองไม่ได้มีเจตนาฆ่า ไม่ได้ตั้งใจ

ทันทีที่นางสมร แม่ผู้ก่อเหตุ ทราบว่าครอบครัวผู้ตายเดินทางมาที่โรงพัก ก็ได้เข้าไปก้มกราบเท้าขอโทษนางทองพูนทันที พร้อมกับร้องไห้ออกมาทั้งคู่ โดยนางทองพูนแม่ของผู้เสียชีวิตได้เบือนหน้าหนี เเละไม่ยอมรับคำขอโทษ

ด้านนางสมร ได้พูดอีกว่า ลูกชายตัวเองไม่ได้มีเจตนาฆ่า ไม่ได้ตั้งใจ แต่สาเหตุเกิดจากอาการเมาทั้งคู่ โดยตอนนั้นที่ลูกชายเล่าให้ตัวเองฟังว่า เขากำลังจะมีเรื่องกับอริคนอื่น แต่ฝ่ายผู้ตายเข้ามาเกาะแขนเกาะขา ลูกชายพยายามไล่ออกไปแล้ว แต่ฝ่ายผู้ตายไม่ยอมปล่อย จึงเอามีดมาขู่ก็ยังไม่ยอมปล่อย จนเกิดเรื่องขึ้น ตนจึงอยากมาขออโหสิกรรมแทนลูกชาย แต่อย่างไรก็ตามนางทองพูนแม่ของผู้เสียชีวิตก็ไม่ยอมรับ


แม่สะอื้นร่ำไห้ ยืนยัน ศพหญิงสาวปริศนาที่ถูกฆ่าในงานงิ้วอำเภอพล คือ ลูกสาว

นางทองพูน เล่าว่า ลูกสาวแต่งงานมาแล้วหลายครั้งจนมีลูกทั้งหมดสามคนเป็นลูกชายทั้งหมด โดยลูกชายคนโตแม่ของอดีตสามีนำไปเลี้ยงดู ส่วนหลานอีกสองคน ตนเองนำมาเลี้ยงดูอยู่ที่บ้านสามสวน

ในวันที่เกิดเหตุลูกสาวของตนได้หายออกจากบ้านไปโดยที่ตนไม่ทราบว่าไปไหน จนช่วงเช้ามืดของวันที่ 6 ธันวาคมตนเองตื่นมาและได้เรียกลูกสาวให้มาชงนมให้กับหลาน แต่กลับไม่พบลูกสาว พอไปเปิดดูที่ห้องนอนเห็นแค่พัดลมที่ลูกสาวเปิดทิ้งไว้ ส่วนตัวลูกสาวไม่ทราบว่าไปไหน จึงคาดว่าน่าจะตามลูกเขยคนปัจจุบันไปช่วยขายลูกโป่งที่งานงิ้วที่อำเภอพลจังหวัดขอนแก่น

ซึ่งทางลูกสาวและลูกเขยไม่มีโทรศัพท์มือถือติดต่อกัน โดยตอนแรก ลูกเขยได้บอกกับลูกสาวว่าจะไปขายลูกโป่งที่งานงิ้วในอำเภอพล แต่เนื่องจากขายวันแรก (4 ธ.ค.) ขายไม่ดี จึงย้ายกลับมาขายที่อำเภอบ้านเขว้าจังหวัดชัยภูมิ แต่คาดว่าลูกสาวอาจจะไม่รู้จึงเดินทางมาหาลูกเขยที่งานงิ้วในอำเภอพล แต่พอไม่เจอลูกเขย จึงอาจจะทำให้ลูกสาวเที่ยวงานงิ้วต่อและก็มีดื่มเหล้าเบียร์บ้าง

วันนี้ตนและครอบครัวจึงเดินทางมาเพื่อรับศพลูกสาวกลับไปประกอบพิธีกรรมทางศาสนาที่บ้านโดยลูกเขยกำลังจัดเตรียมสถานที่อยู่ที่อำเภอบ้านแท่นจังหวัดชัยภูมิและทันทีที่ศพเดินทางถึงบ้าน จะทำพิธีสวดอภิธรรมศพหนึ่งคืนและฌาปนกิจศพในวันรุ่งขึ้น เพราะฐานะทางบ้านค่อนข้างยากจนจึงไม่มีเงินจัดงานศพ ส่วนหลานชายคนโตที่ย่าเอาไปเลี้ยงดูตั้งแต่เด็ก จะเดินทางมาร่วมงานศพแม่ในวันนี้และจะบวชหน้าไฟให้กับแม่ในวันเผาวันพรุ่งนี้ด้วย

หลังจากนี้ตนเองก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเพราะลูกสาวถือเป็นเสาหลักของครอบครัวตนเองต้องคอยเลี้ยงดูหลานทั้งสองคนก็ไม่รู้จะเอาเงินมาจากไหน ถ้าเลือกได้ก็อยากจะขอตายแทนลูกสาวจะดีกว่า

ส่วนเมื่อวานนี้ที่ผู้ก่อเหตุอ้างว่าไม่มีเจตนาฆ่าลูกสาวของตน ตนไม่เชื่อเด็ดขาด เพราะดูจากพฤติกรรมในคลิปแล้ว ตนไม่เชื่อว่าผู้ก่อเหตุจะไม่มีเจตนาฆ่า และไม่มีวันอโหสิกรรมให้คนๆ นี้เเน่นอน

 สามีผู้เสียชีวิตถึงกลับเข่าทรุดร่ำไห้หลังเห็นร่างภรรยา

ต่อมาเวลา 16.00น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้นำร่างของนางสาวสาวิตรี ผู้ตายมาส่งที่บ้านสานสวน ตำบลสานสวน อำเภอบ้านแท่น จังหวัดชัยภูมิ เพื่อให้ญาติประกอบพิธีทางศาสนา บรรยากาศเป็นไปอย่างโศกเศร้า

โดยทันทีที่นายประชา อายุ 30 ปี สามีผู้ตาย เห็นเจ้าหน้าที่ยกร่างนางสาวสาวิตรี ก่อนที่จะเตรียมบรรจุใส่โลงเย็น ถึงกับเข่าทรุดนั่งร้องไห้ฟูมฟายอยู่ข้างโลงศพภรรยา พร้อมกับพูดทั้งน้ำตาว่า “มึงจะไปทำไม ไม่น่าไปเลย กูหาเงิน กำลังจะกลับ มึงจะตามกูไปทำไม ยังไงกูก็กลับมาหามึงอยู่แล้ว มึงไม่น่ารีบทิ้งกูไปเลย“

ก่อนที่เจ้าหน้าที่จะบรรจุร่างของนางสาวิตรีเข้าโรงเย็น นางทองพูนได้มาบอกลาลูกสาวเป็นครั้งสุดท้าย ว่า ไปดีนะลูก ไม่ต้องเป็นห่วง ก่อนจะก้มลงไปใช้มือลูบใบหน้าลูกสาวพร้อมกับร้องไห้ จากนั้นเจ้าหน้าที่กู้ภัยได้บอกแม่ให้ระวังน้ำตาจะหยดโดนลูก เพราะตามความเชื่อของคนอีสานหากน้ำตาหยดใส่ร่างผู้เสียชีวิตจะทำให้ผู้เสียชีวิตเป็นห่วงและไม่ยอมไปไหน

ขณะเดียวกันเราได้สังเกตเห็นนายประชา สามีของผู้เสียชีวิต ได้ไปนั่งร้องไห้เสียใจ หลบอยู่มุมที่พื้นเสาบ้านเพียงลำพัง ทีมข่าวจึงได้เข้าไปพูดคุยกับนายประชา ที่ยังคงร้องไห้เสียใจ โดยได้เปิดเผยว่า ตนเเละภรรยาคบหากันมานานได้ 3 ปีเเล้ว ตนมีอาชีพขายลูกโป่งตามงานเทศกาลต่างๆ โดยมีผู้ตายคอยช่วยขายบ้างเป็นบางครั้ง ซึ่งเงินจากการขายของทั้งหมดที่ตนได้มาจะนำมาให้ลูกชายคนเล็ก ซึ่งเป็นลูกติดของภรรยาที่ตนเองรักเหมือนลูกแท้ๆ เพราะตนเลี้ยงดูมาตั้งแต่แบเบาะ

ในวันวันก่อนเกิดเหตุตนเองได้บอกกับภรรยาไว้ว่าจะไปขายของที่งานงิ้วอำเภอพล จังหวัดขอนแก่น โดยให้ภรรยาอยู่บ้านเลี้ยงลูก หลังจากขายได้แค่ 1 วัน ก็ขายไม่ดี ตนจึงย้ายไปขายที่งานในอำเภอจัตุรัส จังหวัดชัยภูมิ โดยไม่ได้บอกภรรยาเพราะว่าไม่มีโทรศัพท์ที่จะสามารถติดต่อกันได้

สุดท้ายนี้ ตนอยากจะบอกกับดวงวิญญาณของภรรยาว่าไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้ว ลูกอีก 2 คนที่อยู่ที่บ้านหลังนี้ตนจะเลี้ยงดูเอง ซึ่งตนเองตั้งใจไว้ว่าจะบวชหน้าไฟให้ภรรยา และอยากบวชตลอดชีวิตไม่สึกอีกเลย เพราะชีวิตคงไม่มีใครมาแทนที่ภรรยาคนนี้ได้

หลังจากนั้นนายประชาได้ยื่นมือขวาที่มีรอยสักเป็นชื่อของผู้ตายให้ทีมข่าวดู โดยทั้ง 4 นิ้วมีการสลักเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษที่หลังนิ้วไว้ว่า “Vity" ซึ่งเป็นชื่อเล่นของผู้ตาย โดยนายประชาบอกกับทีมข่าวอีกว่าที่มือขวาของผู้ตายก็ได้สลักชื่อของตนเองเป็นตัวอักษรภาษาอังกฤษไว้เช่นกัน ว่า ”Thum" อ่านว่า “ทุม” ซึ่งเป็นชื่อเล่นของตนเอง

นอกจากนี้ยังนำแหวนของผู้ตายที่ตนเองเคยซื้อให้ตั้งแต่ช่วงที่คบหากันแรกๆ เพราะตนฐานะยากจนไม่มีเงินมาขอผู้ตายแต่งงานแต่ผู้ตายอยากได้สิ่งของแทนใจ ตอนนั้นตนมีเงินแค่ 20 บาท จึงตัดสินใจซื้อแหวนวงดังกล่าวมาให้ผู้ตายสวมใส่แต่ก็หายไปนานแล้ว จนวันนี้ตนเพิ่งจะพบบริเวณใต้ถุนบ้าน ก่อนที่ร่างผู้ตายมาถึงตนจึงเก็บเอามาสวมไว้ที่นิ้วก้อยข้างซ้าย เพื่อเป็นสิ่งของแทนใจภรรยา


ตำรวจนำตัวผู้ต้องหาไปฝากขัง ด้านผู้ต้องหาสำนึกผิดขอครอบครัวผู้ตายอโหสิกรรมให้ ส่วนตนเองจะไปชดใช้กรรมในคุกแทน

เมื่อเวลา 13.45 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัว นายคณิน สิงห์โคตร หรือ ใหม่ อายุ 24 ปี ผู้ต้องหาไปฝากขังที่ศาลจังหวัดพล ในข้อหาทำร้ายร่างกายผู้อื่นจนเป็นเหตุถึงแก่ความตายและพกพาอาวุธมีด

โดยนายใหม่ยังคง สวมเสื้อผ้าชุดเดิมกับวันที่ถูกจับกุมตัวคือเสื้อลายดอกสีดำกางเกงยีนส์ ขายาวสีดำ ระหว่างที่เจ้าหน้าที่กำลังนำตัวผู้ต้องหาขึ้นรถไปฝากขัง นายใหม่มีท่าทีเหมือนจะร้องไห้และเดินก้มหน้าตลอดเวลา

สอบถามนายใหม่ ผู้ต้องหายังคงยืนยันว่าไม่ได้มีเจตนาฆ่าผู้ตายจริงหรือไม่ ซึ่งนายใหม่ผู้ต้องหายืนยันกับเราว่าไม่มีเจตนาที่จะฆ่าผู้ตาย เนื่องจากตนไม่รูิผู้ตายเป็นผู้หญิงด้วย

ขณะเดียวกันนายใหม่ยังเผยว่าช่วงที่เกิดเหตุตนเองมีเรื่องกับกลุ่มวัยรุ่นในงาน แต่ในขณะที่ตนกำลังจะไป ตามเอาคืนกลุ่มวัยรุ่นคู่อริ ผู้ตายได้มาเกาะแขน เกาะขา และขวางทางตนเอง ซึ่งตอนนั้นตนเองเมาจึงทำไปด้วยความเมาและโมโห

ส่วนวันนี้ครอบครัวผู้ตายได้เดินทางมาติดต่อขอรับศพ ตนเองอยากจะขอโทษครอบครัวผู้ตายและขอให้ครอบครัวผู้ตายอโหสิกรรมให้ตนเองด้วย ส่วนตนเองจะขอไปชดใช้กรรมในคุกแทน หลังจากนี้จะอยากให้แม่ไปเยียวยาครอบครัวผู้ตายด้วย

รักแท้แม้ตายจาก! ผัวโฮคาโลง ขอบวชไม่สึก เพิ่งรู้เมียเป็นเหยื่อถูกปาดคางานงิ้ว