เปิดใจ "ขุนกวี" ลั่นชินดรามา หลังถูกวิจารณ์ทำพิธีปลุกยักษ์ให้พระ
หลังจากที่มีคลิปวิดีโอ เป็นพระสงฆ์จากวัดหนึ่งในจังหวัดอุตรดิตถ์ เดินทางเข้ามาให้อาจารย์ขุนกวี สำนักวิมารอสูร ทำพิธีปลุกยักษ์จากรอยสักยันต์รูปท้าวเวสสุวัณบนศีรษะ จากนั้นมีการบริกรรมคาถาพร้อมลูบบริเวณศีรษะของพระสงฆ์ดังกล่าว ทำให้หลวงพี่นั้นของขึ้น ลุกขึ้นมาคำรามพร้อมกระทืบเท้า ตามเสียงในคลิป
ทีมข่าวช่อง 8 จึงได้เดินทางไปที่ สำนักอาจารย์ขุนกวี ศรีสยาม ในตำบลวังเย็น อำเภอบางแพ จังหวัดราชบุรี เพื่อสอบถามถึงประเด็นดังกล่าว ด้านนายดนัย คงสิน หรือ อาจารย์ขุนกวี ก็ได้เปิดใจถึงเรื่องดังกล่าว โดยคำแรกที่บอกคือ "ชินแล้ว" พร้อมกับเผยว่าตนนั้นโดนดราม่าบ่อย จะหยิบจะจับจะทำอะไรก็กลายเป็นเรื่องดราม่า โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวกับพระเกี่ยวกับแม่ชี ตนโดนเป็นประจำ จนตอนนี้ชินไปแล้ว ถ้าไม่มีดรามาก็คงไม่ใช่ขุนกวีตัวจริง
ส่วนคลิปที่หลายคนได้เห็นแล้วนั้น ตนยอมรับว่าเป็นคนโพสต์เองเมื่อวานนี้ (22 พ.ย.66) แต่เหตุการณ์ในคลิปนั้นเกิดขึ้นตั้งแต่ช่วงเดือนกรกฎาคม 2566 ซึ่งมันนานมาแล้ว สาเหตุที่ตนเพิ่งมาโพสต์คลิปเป็นเพราะว่า พระที่อยู่ในคลิปได้สึกแล้วเมื่อวานนี้ ตนเห็นว่าไหน ๆ ก็สึกแล้ว เลยโพสต์คลิปไปเลยดีกว่า น่าจะไม่มีอะไรเสียหายแล้ว แต่ก็ไม่วายที่จะมีประเด็นตามมา มีหลายคนมาตั้งคำถามว่าเป็นคนธรรมดาไปจับหัวพระได้ยังไง ตนก็ขอตอบว่า ส่วนตัวตนนั้นไม่ได้มีข้อกำหนดหรือข้อห้ามในการทำพิธี ไม่ว่าใครก็ตามที่ศรัทธาในตัว "อ.ขุนกวี" ต่อให้จะเป็นคนธรรมดา คนจน คนรวย หรือจะเป็นพระ เป็นมนุษย์ต่างดาว ตนก็จะทำพิธีให้เหมือน ๆ กันหมด โดยไม่มีข้อยกเว้น เพราะการที่ใครจะเข้ามาหาตนในสำนัก ก็ต้องมาด้วยความเชื่อ ความศรัทธา และความสมัครใจ
และเหตุการณ์ในคลิปนั้น ก็เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้เป็นการโชว์อิทธิฤทธิ์หรือจะแอบอ้างอะไร เพียงแค่พระสงฆ์มาขอให้ตนสักรูปหน้าท้าวเวสสุวัณ ตนก็สักไปตามปกติ และวันต่อมาก็มีการทำพิธีปลุกยักษ์ขึ้นมาจากรอยสัก เพื่อเป็นการเช็คของ และเป็นการเรียกความเชื่อมั่น เรียกขวัญกำลังใจให้กับผู้ที่มาสัก ว่าหลังจากที่สักแล้วจะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์คุ้มครองจริงไหม
อดีตหลวงพี่ เผยไม่ตั้งใจให้ส่งผลเสียกับผ้าเหลือง ยันสึกแล้ว รู้สึกผิดจากใจจริง
ทีมข่าวได้โทรศัพท์พูดคุยกับ นายกิตติกร อายุ 22 ปี ซึ่งเป็นหลวงพี่ที่ปรากฏอยู่ในคลิปดังกล่าว โดยนายกิตติกรได้เล่าว่า ขณะนี้ตัวเองนั้นได้ลาสึกเป็นที่เรียบร้อย เพราะเมื่อวานนี้ก็ครบกำหนดการตามที่ตั้งใจไว้แล้ว
ตนก็มีความนับถือและศรัทธาในตัว อ.ขุนกวี อยู่แล้ว เคยมีการไปสักชื่อ อ.ขุนกวี พร้อมกับหน้ายักษ์ไว้ที่แขนซ้าย และหลังจากที่ได้บวชพระก็มีโอกาสได้ไปเจอกับ อ.ขุนกวี อีกครั้งหนึ่งในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา ด้วยความที่ศรัทธาเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตนจึงตัดสินใจขอสักยันต์หน้าท้าวเวสสุวรรณไว้ที่ศีรษะ และหลังจากที่สักได้เพียง 1 วัน ตนก็ได้เข้าทำพิธีปลุกยักษ์ คล้ายกับการอันเชิญให้ท้าวเวสสุวรรณนั้นรับรู้และมาคุ้มครองตัวเอง โดยตอนแรกตนก็ไม่ได้ขึ้นว่าของจะขึ้น แต่หลังจากที่ อ.ขุนกวี บริกรรมคาถาไปสักพัก ตนก็รู้สึกเหมือนตัวเองถูกขังอยู่ในกล่องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ จากนั้นก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ และก็เป็นเหตุการณ์อย่างที่ทุกคนได้เห็น
หลังจากที่ตนเห็นภาพคลิปเมื่อวานนี้ ตนก็รู้สึกเสียใจที่ทำให้หลายคนนั้นไม่สบายใจ เพราะตนก็สำนึกผิดที่ได้ทำพฤติกรรมดังกล่าวขณะที่อยู่ในผ้าเหลือง แต่ที่ตนได้ตัดสินใจไปสักนั้น เป็นเพราะความศรัทธาที่แน่วแน่ต่อ อ.ขุนกวี จึงไม่ทันได้คิดถึงเรื่องที่จะตามมา แต่ขอยืนยันว่าตนไม่มีเจตนาที่จะทำให้พระพุทธศาสนานั้นเสื่อมเสียหรือได้รับความเสียหายอย่างแน่นอน ตนขอโทษด้วยความรู้สึกผิดจากใจจริง