หมู่บ้านวังสายทอง ตำบลน้ำผุด อำเภอละงู จังหวัดสตูล ซึ่งเป็นอีกหนึ่งหมู่บ้านที่อยู่ติดกับเทือกเขาบรรทัด และจุดเชื่อมต่อไปยังจุดปะทะที่บ้านตระจังหวัดตรัง ซึ่งหมู่บ้านวังไทรทองแห่งนี้อยู่ฝั่งทิศใต้ของเทือกเขาบรรทัด และอยู่ฝั่งตรงกันข้ามกับหมู่บ้านตระ ที่ทีมข่าว ของเราได้นำเสนอไปเมื่อวานนี้ว่าเป็นอีกหนึ่งเส้นทางหลบหนีของเสี่ยแป้ง

 

วันนี้ ทีมข่าวของเราทดลองเดินขึ้นเขาฝั่งจากบ้านสายทอง พร้อมกับ นายชี ชาวป่ามานิ ซึ่งผืนป่านี้ เป็นผืนป่าที่จะไปเชื่อมไปยังพื้นที่บ้านตระของจังหวัดตรัง เนื่องจากเป็นทางสูงชันการเดินขึ้นเขา จึงเป็นเรื่องยาก

 

แต่ที่เป็นอุปสรรคและถ้าหากว่าเป็นเส้นทางที่เสี่ยแป้งเดินหลบหนีมายังพื้นที่ของบ้านวังสายทองของจังหวัดสตูลจริง คือการเดินลงจากเนินเขาที่สูงชันมาก บวกกับตามข้อมูลที่บอกว่าไม่ได้ใส่เสื้อและรองเท้า ซึ่งคนป่ามานี้มักจะหาใบไม้มาทำเป็นเสื้อเพื่อป้องกันอากาศหนาวแต่การเดินลงจากป่าที่เป็นเนินเขาสูงชั้นนั้นปกติพวกคนป่ามานิมักจะเดินเท้าเปล่าอยู่แล้ว ซึ่งก็ยอมรับกับทีมข่าวว่าการเดินลงเขานั้นอาจจะยากกว่าการเดินขึ้นเขา

 

วันนี้ทีมข่าวของเราทดสอบอยู่ในป่าเทือกเขาบรรทัดฝั่งบ้านวังสายทอง พร้อมกับ นายชี คนป่ามานิ โดยนายชีบอกว่าอันดับแรกคือการหาที่พักค้างแรมต้องเลือกสถานที่ที่ไม่ค่อยเปียกชื้น ผิวดินต้องค่อนข้างแห้งเพราะจะไม่ค่อยมีแมลง

 

และเพื่อป้องกันร่างกายเราสัมผัสกับแมลงโดยตรงให้หาใบไม้ที่อยู่บนบริเวณโดยรอบนำมาวางบนพื้นรองไว้ใช้สำหรับนั่งนอน  แล้วให้หากิ่งไม้ ค้ำใบไม้เอาไว้อีกชั้นหนึ่งเพื่อทำเป็นที่พักกันแดดกันลมกันฝน

 

ซึ่งทีมข่าวของเราทดสอบการใช้ชีวิตแบบที่มีกระแสข่าวว่าเสี่ยแป้งไม่มีเสื้อและรองเท้าใส่  โดยนายชีคนป่ามานิ บอกว่าสามารถใช้ชีวิตอยู่ได้ ซึ่งหากเจอคนป่าก็จะนำใบไม้มาร้อยกับเถาวัลย์แล้วนำมาคล้องคอใส่เป็นเสื้อเพื่อป้องกันไม่ให้อากาศหนาวเย็นเกินไปและอาจจะป่วยได้ ส่วนการไม่ใส่รองเท้าไม่ต้องกังวลว่าจะเจอสัตว์ร้ายหรือว่าทาห ถ้าหากเราได้ที่ตั้งแล้วเราก่อกองไฟรอบรอบแมลงสัตว์ร้ายรวมถึงทากจะไม่เข้าใกล้

 

พูดประมาณว่า ถอดเสื้อ ใส่เสื้อจากใบไม้จากคนป่า แต่ต้องเอาใบไม้ ไปรนไฟก่อน แล้วนำมาใส่เป็นเสื้อ ก่อนที่จะไปนอนที่พักกลางป่า พร้อมกับนำกองไฟมารอบๆ

 

หลังจากเสร็จสิ้นการลาดตระเวนของชุดปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส  ทางเจ้าหน้าที่ ได้พาทีมข่าวมาดูจุดพักซึ่งเป็นฐานสกัดกั้นนักโทษหลบหนีออกจากเทือกเขาบรรทัด  เป็นกระท่อมของชาวบ้านซึ่งทางตำรวจได้ประสานขอความช่วยเหลือขอเป็นฐานสกัดกั้นชั่วคราว  โดยมีการผูกเปลนอนกับเสากระท่อม  แล้วใช้พื้นที่ส่วนกลางเป็นจุดนั่งกินข้าวและเป็นที่ทำครัวชั่วคราว  โดยพี่เจ้าหน้าที่ต้องใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ประมาณ 8 วันแล้ว   หลังลาดตระเวนก็ต้องจัดเวรเฝ้ายามสับเปลี่ยนกันตลอดเพื่อไม่ให้เกิดสิ่งผิดปกติเล็ดลอดสายตาในบริเวณนี้

 

ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับร.ต.ต.ธัญพิสิษฐ์ บุญทอง  ผู้บังคับหมวด ฉก.นปพ.นธ.1 บอกว่า เจ้าหน้าที่จะลาดตระเวนสองครั้งคือช่วงเช้ากับช่วงบ่าย  และจะมีการติดต่อสื่อสารกับศูนย์ปฏิบัติการเพื่อรายงานผลลาดตระเวนทุกครั้ง  ในส่วนของร่องรอยของเสี่ยแป้งระหว่างที่ลาดตระเวนยังไม่พบร่องรอย  แต่ในส่วนของจุดซ่อนตัวบนผาบริเวณบนเขาที่พบมีลักษณะคล้าย ทัพที่ถูกทำขึ้น  ยังไม่สามารถระบุได้ว่าใช้ของเสี่ยแป้งหรือไม่  แต่เพิ่งถูกค้นพบเมื่อประมาณวันที่ 16 พฤศจิกายนที่ผ่านมา 

 

ในส่วนการทำงานของเจ้าหน้าที่มีการสื่อสารกับชาวบ้านเพราะระยะหลังชาวบ้านโวยว่าเจ้าหน้าที่ไม่ให้ชาวบ้านขึ้นเขาเพื่อไปกรีดยาง  แต่ทางผู้ปฏิบัติงานได้ไปทำความเข้าใจแล้วว่าเสี่ยงอันตรายซึ่งชาวบ้านแถวนี้ก็น่ารักไม่ขึ้นไปกรีดยางและให้ความช่วยเหลือกับเจ้าหน้าที่  ยืนยันเป็นความรับผิดชอบของเจ้าหน้าที่หากใครขึ้นบนเขาหากถูกลูกหลงถูกนักโทษยิง คือความผิดของเจ้าหน้าที่จึงต้องเข้มงวดทุกคนที่ขึ้นเขา

 

ขณะที่การกินการอยู่ก็เป็นไปอย่างเรียบง่ายมีกองอำนวยการที่จะมาส่งข้าวกล่องเจ้าหน้าที่ที่ประจำอยู่ที่ฐานรวมทั้งบางครั้งเจ้าหน้าที่ก็จะต้มน้ำหรือทำครัวชั่วคราวเอง  นอกจากนั้นก็ขึ้นอยู่กับแต่ละฐานว่าจะมีการครีเอตที่พักที่อาศัยอย่างไร  อย่างฐานสกัดกั้นที่นี่ก็จะมีการออกแบบสปาห้องอาบน้ำ  ทำชั้นวางครีมอาบน้ำ  และมีการออกแบบฝักบัว  โดยใช้ขวดน้ำเจาะเป็นรูคล้ายๆฝากตัวแล้วก็ต่อกับเสาซึ่งมีสายยางน้ำไปเกี่ยวกับเสาด้านบน  ก็จะกลายเป็นสปาอาบน้ำชั้นดีของเจ้าหน้าที่เพื่อคลายเครียดจากการปฎิบัติงาน  และต้องห่างครอบครัวเป็นเวลาหลายวัน

 

ต่อมาในโซเชียลได้มีการแชร์ภาพแป้งอยู่บนเรือ ทำให้มีข่าวลือออกมาว่า แป้งนั้นได้หลบหนีเจ้าหน้าที่ ไปหาญาติที่มาเลเซียแล้ว แต่ก็ยังไม่มีการยืนยันว่าเป็นภาพเก่าหรือไม่

 

นอกจากนี้ทีมข่าวยังได้พูดคุยกับดาบตำรวจสมพร สุขจันทร์ อายุ 42 ปี  ผู้บัญคับหมู่  กองกำกับการปฏิบัติการพิเศษ ตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส  เปิดใจ การปฎิบัติการไล่ล่าเสี่ยแป้งพร้อมกับลาดตระเวนในป่าเพื่อตามหาร่องรอย  โดยได้นำเสื้อเกราะกันกระสุนแบบเครฟลา หรือเสื้อเกราะอ่อน มาโชว์  ซึ่งในทีมปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่จะต้องมีเสื้อเกราะทุกคนเพื่อพกติดตัว   แต่ไม่นิยมใส่ระหว่างปฎิบัติการ 

 

เนื่องจากลักษณะเสื้อเกราะเครฟลา มีน้ำหนักเยอะทำให้ไม่สะดวกในการลาดตระเวนหรือไล่ล่า  อีกทั้งเป็นอุปสรรคหากต้องเปิดฉากปะทะกับเสี่ยแป้ง  เพราะไม่สะดวกตัวในการเคลื่อนไหว  เพราะต้องหาที่กำบังเป็นต้นไม้ รวมทั้งหมอบพื้น แต่หากเป็นการปฎิบัติการไล่ล่าผู้ต้องหาในเมืองการใส่เสื้อเกราะเครฟลาเหมาะสมและสะดวกกว่า

 

ซึ่งทีมข่าวได้ทดลองนำเสื้อเกราะเครฟลามาสวมใส่และเดิน  พบว่า  น้ำหนักของเสื้อเกราะตัวหนึ่งประมาณ 2 กิโลกรัม  และหากสวมใส่และต้องเดินในระยะพักยาวเป็นอุปสรรคในการเดินทาง  เพราะเราต้องแบกน้ำหนักของเสื้อเกราะในการเดินป่าส่งผลให้ไม่สะดวกต่อการลาดตระเวน

 

โดยตนเคยร่วมปฏิบัติการไล่ล่าผู้ต้องหาหลายคดีในภาคใต้  เคยไปไล่ล่าจับกลุ่มกลุ่มก่อการร้ายบนเทือกเขาบูโด  ในปี 2550  ซึ่งหากมาเปรียบเทียบกับการลาดตระเวนและไล่ล่าหาตัวเสียแป้งบนเทือกเขาบรรทัดในครั้งนี้ถือว่าภูมิศาสตร์เทือกเขาบูโดและเทือกเขาบรรทัดแตกต่างกันมาก เพราะเทือกเขาบูโดแม้จะมีภูมิศาสตร์ที่ยากลำบากต่อการค้นหาแต่ผู้ต้องหาหนีลงเขาได้ไม่กี่ทาง  แต่ในส่วนภูมิศาสตร์ของเทือกเขาบรรทัดเป็นรอยต่อระหว่างสามจังหวัดคือตรัง พัทลุง และสตูล  รวมทั้งเป็นพื้นที่กว้างมาก  ทำให้เป็นอุปสรรคมากต่อการค้นหาร่องรอยหรือหาตัวของนักโทษ 

 

นอกจากนั้นประวัติของเสี่ยแป้งเป็นคนในพื้นที่ตำบลตะโหมดอยู่แล้ว  อีกทั้งขึ้นเขาลูกนี้หลายครั้งตั้งแต่เด็ก  และยังเคยเป็นทหารพราน  การใช้ชีวิตอยู่บนเขารวมถึงการคุ้นเคยกับชาวบ้านและคุ้นเคยเส้นทางบนเขาย่อมมีมากกว่าเจ้าหน้าที่ที่ออกปฏิบัติการค้นหา  ตอนจึงไม่แปลกใจว่าหากเสี่ยแป้งจะใช้ชีวิตอยู่บนเทือกเขาบรรทัดและยังรอดทั้งสัตว์มีพิษหรือเรื่องการกินกันอยู่ได้จนถึงทุกวันนี้  เพราะเขาคุ้นเคยกับพื้นที่นี้

 

ทั้งนี้ตนอยากฝากถึงทั้งชาวบ้านและนักข่าวที่ขึ้นเขา  อยากให้ระวังในเรื่องของความปลอดภัย  เพราะเรายังไม่ทราบว่าเสี่ยแป้งหลบซ่อนตัวอยู่ที่ใดของเทือกเขาบรรทัด  ขณะเจ้าหน้าที่ชุดไล่ล่าและชุดลาดตระเวนก็ยังต้องมีปืนติดตัวตลอดเพราะหากเจอกับนักโทษจะต้องมีการยิงปะทะ  จึงไม่ใช่เรื่องง่ายที่ขึ้นเขาแล้วจะปลอดภัยทุกกรณี  ซึ่งในส่วนทีมเจ้าหน้าที่ก็ปฏิบัติหน้าที่ด้วยความลำบากในการค้นหา  ก็ต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลาเช่นกัน

สะพัดแป้งข้ามทะเลสำเร็จ ชาวมานิแฉไร้เสื้อ-รองเท้า ก็ไม่ตายถ้าใช้กลใบไม้