ศาลอาญาคดีทุจริตฯ พิพากษาจำคุกตำรวจ 4 นาย คนละ 5 ปี ปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ร่วมกันเรียกรับผลประโยชน์ "อันหยูชิง-เพื่อน" ครอบครองบุหรี่ไฟฟ้าและไม่ได้นำหนังสือเดินทางติดตัวมาด้วย เมื่อกลางดึกวันที่ 5 มกราคม ที่ผ่านมา

วันที่ 8 พฤศจิกายน 2566 ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดฟังคำพิพากษา ในคดีที่พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีปราบปรามการทุจริต 3 เป็นโจทก์ ร้อยตำรวจเอก ย. ที่ 1 กับพวกรวม 6 คน เป็นจำเลย

โดยโจทก์ฟ้องว่า เมื่อวันที่ 5 มกราคม 2566 เวลากลางคืนก่อนเที่ยง จำเลยทั้งหกซึ่งเป็นตำรวจ ปฏิบัติหน้าที่ตั้งจุดตรวจบริเวณหน้าสถานทูตจีน จำเลยที่ 5 ลังเกดเห็นรถยนต์มีลักษณะต้องสงสัย จึงส่งสัญญาณให้จอดเพื่อให้จำเลยที่ 4 และจำเลยที่ 6 ตรวจค้น โดยมีจำเลยที่ 1 ถึงจำเลยที่ 3 อยู่ร่วมกันในบริเวณดังกล่าว พบว่า กลุ่มคนโดยสารมีบุหรี่ไฟฟ้าไว้ในครอบครอง 3 อัน ซึ่งเป็นสินค้าต้องห้ามนำเข้ามาในราชอาณาจักรไทย และเป็นชาวต่างชาติไม่สามารถแสดงหนังสือเดินทาง (Passport) หรือหลักฐานอื่นใดว่าได้เดินทางเข้ามาไนราชอาณาจักรไทยโดยชอบด้วยกฎหมายหรือไม่

จากนั้นจำเลยที่ 3 ถึงที่ 6 ได้ร่วมกันเรียก รับ หรือยอมจะรับทรัพย์สินเป็นเงินสดจำนวน 27,000 บาท จากนาย ป. ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มคนต่างชาติข้างต้นเพื่อให้ไม่ต้องถูกดำเนินคดี นาย ป. จึงจำยอมส่งมอบเงิน จำนวน 27,000 บาท ให้กับจำเลยที่ 3 จากนั้นจำเลยที่ 1 และจำเลยที่ 6 จึงสั่งให้ปล่อยตัวนาย ป. กับพวก ออกจากจุดตรวจไปโดยไม่ได้ดำเนินการตามกฎหมายกับนาย ป. กับพวกแต่อย่างใด ขอให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 149, 157 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต และขอให้สั่งริบเงินจำนวน 27,000 บาท ที่จำเลยที่ 3 ถึงที่ 6 ได้มาจากการกระทำความผิตให้ตกเป็นของแผ่นดิน หากจำเลยทั้งหกไม่สามารถส่งมอบเงินจำนวนดังกล่าวได้เพราะเหตุว่าโดยสภาพของสิ่งที่ศาลจะสั่งริบหรือได้สั่งริบไม่สามารถส่งมอบได้สูญหาย หรือไม่สามารถติดตามเอาคืนได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด หรือได้มีการจำหน่ายจ่ายโอนสิ่งนั้น หรือการติดตามเอาคืนจะกระทำได้โดยยากเกินสมควร หรือมีเหตุสมควรประการอื่นขอให้สั่งจำเลยทั้งพกร่วมกันชำระเงินจำนวน 27,000 บาทแทน

ศาลฯ พิจารณาแล้วพิพากษาว่า จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 มีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2561 มาตรา 173 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83 การกระทำของจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 เป็นการกระทำกรรมเดียวเป็นความผิดต่อกฎหมายหลายบท ให้ลงโทษตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 149 อันเป็นบทที่มีโทษหนักที่สุด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 90 จำคุกคนละ 5 ปี ยกฟ้องโจทก์สำหรับจำเลยที่ 5 และที่ 6 ริบเงิน 27,000 บาท ที่จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ได้มาจากการกระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการคดีนี้ให้ตกเป็นของแผ่นดินหากจำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ไม่สามารถส่งมอบเงินจำนวนตังกล่าวได้ เพราะเหตุว่าโดยสภาพไม่สามารถส่งมอบได้ สูญหาย หรือไม่สามารถติดตามเอาคืนได้ไม่ว่าด้วยเหตุใด หรือได้มีการนำสิ่งนั้นไปรวมเข้ากับทรัพย์สินอื่น หรือได้มีการจำหน่าย จ่าย โอนสิ่งนั้น หรือการติดตามเอาคืนจะกระทำได้โดยยากเกินสมควร หรือมีเหตุสมดวรประการอื่นให้จำเลยที่ 1 ถึงที่ 4 ร่วมกันชำระเงิน 27,000 บาท

คดีนี้ ศาลได้ดำเนินกระบวนการพิจารณาจำนวน 8 นัด รวมระยะเวลานับตั้งแต่วันฟ้อง (วันที่ 31 มีนาคม 2566) ถึงวันอ่านคำพิพากษา เป็นเวลา 7 เดือน 8 วัน