วันที่ 30 ตุลาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 21.30 น. ของวันที่ 29 ตุลาคม ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.หมูสี รับแจ้งจากพลเมืองดีพบศพหนุ่มพนักงานร้านกาแฟถูกแทงด้วยอาวุธมีดเสียชีวิตคาเคาน์เตอร์ภายในร้าน ที่เกิดบริเวณร้านกาแฟ - ซักรีด บ้านกุดคล้า ตำบลหมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา หลังได้รับแจ้งเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กู้ภัยสว่างวิชาปากช่องจุดบ้านไร่ ในที่เกิดเหตุพบร่างผู้เสียชีวิตเป็นชาย 1 ราย ต่อมาทราบชื่อคือ นายพสธร อายุ 25 ปี พนักงานร้านกาแฟ สภาพศพนอนคว่ำหน้า อยู่บริเวณหน้าเคาน์เตอร์ พบบาดแผลถูกแทงบริเวณกลางหน้าอก 1 แผล ปลายคาง 1 แผล เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ กู้ภัยสว่างวิชาปากช่องนำร่างส่งชันสูตรศพที่ รพ.ปากช่องนานา เพื่อชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิตต่อไป
ทีมข่าวของเรา ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด บริเวณหน้าร้านจุดเกิดเหตุ เวลาประมาณ 17:37 น. จับภาพ นายพสธร ผู้ตาย ซึ่งนี่คือภาพสุดท้ายก่อนที่ผู้ตายจะเสียชีวิต ในช่วงเวลานั้นเห็นภาพ เห็นนายพสธรผู้ตายเดินออกมาหน้าร้าน เหมือนเดินออกมาดูอะไรบางอย่างเป็นระยะเวลาสั้นสั้นไม่ถึง 30 วินาทีแล้วเดินกลับเข้าไป ในร้าน โดยเปิดประตูหน้าร้านทิ้งไว้หนึ่งบาน
หลังจากนั้นช่วงเวลาประมาณ 17:39 น. นายพสธร เดินออกมาบริเวณด้านหน้าร้านอีกครั้ง มีท่าทีเหมือนเดิน หาที่มาใช้บริการซักผ้า แล้วเดินกลับเข้าไปในร้าน แล้วเปิดประตูทิ้งไว้หนึ่งบานเช่นเดียวกับครั้งแรก
จนเวลา 17.40.36 ไฟในร้านดับลง โดยที่ไม่มีคนอื่นเข้าไป และหากสังเกตเวลาก่อนไฟดับยังมองเห็นผู้ตายเดินอยู่ในร้าน
หลังจากนั้นนายพสธรไม่ออกมาอีกเลย ซึ่งตรวจสอบกล้องวงจรปิดจนกระทั่งพบศพ มีบุคคลเข้าออกอยู่ 1 คน เป็นแม่บ้าน เข้าไปช่วงเวลา 18:05 น เพื่อนำป้ายที่เขียนเปิดปิดร้านเข้าไปเก็บ เข้าไปประมาณ 10 วินาที ก่อนเข้าไปแม่บ้านเหมือนพยายามพูดแซวแล้วเรียกหาผู้ตายแต่ก็ไม่มีเสียงตอบรับ และแม่บ้านก็ออกมาหลังเข้าไป 10 นาทีซึ่งข้างในค่อนข้างมืดมาก
หลังจากนั้นช่วงเวลาประมาณ 21:25 น. นางสาวชรินธร แฟนสาวผู้ตาย เดินทางมาที่ร้านกาแฟจุดเกิดเหตุแต่ยังไม่เข้าไปในร้าน แต่กดโทรศัพท์มือถือเหมือนกำลังโทรหาผู้ตาย เมื่อไม่สามารถติดต่อได้ แฟนสาวผู้ตาย ก็มานั่งพูดคุยกับผู้หญิงชุดขาวที่มาซักผ้า คือนาวสาวชาลิสา อายุ 36 ปี ผู้พบศพ
21.33 น. นาวสาวชลธิชา เดินนำพาแฟนสาวผู้ตายเข้าไปในร้านกาแฟ โดยแฟนสาวยืนดูอยู่ประตูทางเข้าร้าน ก่อนที่นางสาวชลธิชา จะเรียกแฟนเข้าไปในร้าน หลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงกรี๊ดดังออกมาซึ่งน่าจะเป็นช่วงเวลาที่แฟนสาวเห็นว่านายพสธร เสียชีวิตแล้ว
หลังจากนั้นภาพกล้องวงจรปิดก็จะจับภาพเห็นแฟนสาวผู้ตายและคนที่เจอศพโทรเรียกเจ้าหน้าที่กู้ภัยตำรวจรวจและหน่วยงานต่างๆเข้ามามายังสถานที่เกิดเหตุ
วันนี้ทีมขาวของเราไปคุยกับ นาวสาวชาลิสา อายุ 36 ปี ผู้พบศพคนแรก เล่าให้กับทีมข่าวของเราฟังว่าเมื่อคืนที่ผ่านมาตัวเองไปซักผ้าตามปกติ แล้วบังเอิญมาเจอกับแฟนสาวของผู้ตายที่มานั่งพูดคุยด้วยแล้วถามว่าที่ร้านนี้มีแม่บ้านหรือไม่ ตัวเองก็ตอบไปว่ากลางคืนไม่มีแม่บ้าน มาติดต่อแฟนสาวของผู้ตายก็บอกว่าตัวเองติดต่อแฟนหนุ่มไม่ได้ซึ่งแฟนของตัวเองทำงานอยู่ที่ร้านกาแฟหลังร้านซักผ้าแห่งนี้ โดยปกติแฟนหนุ่มจะเลิกตั้งแต่ 6 โมงเย็นแต่มาถึงตอนนี้คือประมาณสามทุ่มแล้วโทรไปก็ไม่มีคนรับสายเลย
นางสาวชาลิสาก็พยายามถามแฟนสาวของผู้ตายว่าแฟนหนุ่มชอบดื่มเหล้าหรือว่ามีเพื่อนอยู่ที่เขาใหญ่หรือไม่เพราะผู้ชายเมื่อไปดื่มเหล้าแล้วอาจจะเมาจนไม่สามารถติดต่อได้ แต่แฟนสาวของผู้ตาย บอกว่าไม่มี
นางสาวชาลิสาจึงบอกกับแฟนสาวว่าลองเข้าไปดูในร้านไหมเผื่อมีคนอยู่ เพราะแฟนสาวบอกว่า รถของแฟน จอด อยู่หลังร้าน แต่แฟนสาวบอกว่าให้ตัวเองไปเป็นเพื่อนหน่อย จึงเข้าไปภายในร้านกาแฟแต่แฟนสาวยืนชะเง้ออยู่ตรงบริเวณประตูทางเข้าเมื่อนางสาวชาลิสาเข้าไปและเห็นกระเป๋าอยู่จึงถามแฟนสาวว่านี่ใช่กระเป๋าแฟนหรือไม่เมื่อแฟนสาวบอกว่าใช่ก็ให้เดินเข้ามาดูจังหวะนั้นก็เหลือบไปเห็นคนนอนอยู่จึงเรียกแฟนสาวของผู้ตายเข้ามาดูตอนนั้นตัวเองยังคิดว่าเค้าแค่หลับไปไม่คิดว่าจะเสียชีวิตแล้วแต่พอแฟนสาวพลิกตัวผู้ตายกับพบว่ามีเลือดออกตามร่างกายเต็มตัวแล้วเสียชีวิต
ส่วนตัวนางสาวชาลิสามองว่ามีความผิดปกติตรงที่เหตุใดแฟนสาวจึงไม่กล้าเข้าไปตามผู้ตายในร้านกาแฟซึ่งรู้อยู่แล้วว่าเป็นสถานที่ทำงานตั้งแต่แรก
ด้านแม่บ้านเล่าให้กับทีมข่าวเราฟังสั้นบอกว่าเธอเข้าไป ในร้านกาแฟเพื่อที่จะนำป้ายจากรีสอร์ทไปเก็บ โดยชีทจุดที่นำป้ายไปเก็บให้กับทีมข่าวเราอยู่ใกล้กับเคาน์เตอร์ที่พบศพผู้เสียชีวิต โดยแม่บ้านบอกกับทีมข่าวของเราว่าตอนที่ตัวเองเข้าไปนั้นไม่เห็นว่ามีคนอยู่เพราะข้างในค่อนข้างมืดมาก ตอนนั้นพยามเรียกหาน้องผู้เสียชีวิตแล้วแต่ก็ไม่มีคนตอบ
ด้านนางสาวชรินธร สาวของผู้เสียชีวิต เปิดเผยกับทีมข่าวของเราว่าโดยส่วนตัวแล้วก็ยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิตที่ชัดเจนแต่ก็ไม่เชื่อว่าจะเกิดขึ้นจากการฆ่าตัวตายหากไม่มีพยานหลักฐานชัดเจน
ซึ่งแฟนทำงานร้านกาแฟแห่งนี้มาได้ประมาณสามปีแล้วในวันเกิดเหตุก่อนออกมาจากบ้านก็มีท่าทีปกติส่วนตัวนิสัยนิสัยแฟนเองก็เป็นคนที่ค่อนข้างรักสงบไม่ค่อยยุ่งเกี่ยวกับใครและไม่เคยมีปัญหากับใครมาก่อน
ส่วนตัวมองว่าอาจจะมีปัจจัยอะไรบางอย่างทำให้เกิดเหตุดังกล่าวแต่ขอเป็นพยานหลักฐานทางตำรวจชี้ชัดดีกว่าที่จะมาสันนิษฐานเอง ส่วนประเด็นเรื่องที่ว่าเหตุใดจึงไม่ยอมเข้าไปไปหาแฟนในร้านร้านกาแฟก่อนนั้นยอมรับว่าตอนนั้นคิดไม่ถึงว่าแฟนจะนอนเสียชีวิตอยู่ในร้านกาแฟและไม่กล้าเข้าไปเนื่องจากว่าร้านค่อนข้างมืดมาก
เมื่อทีมข่าวถามถึงประเด็นกัญชาที่พบในกระเป๋ากางเกงของผู้ตายแฟนสาวอ้างว่าไม่รู้และขอไม่ตอบเรื่องนี้
ด้าน พี่สาวของผู้ตาย เปิดเผยกับทีมข่าวของเราว่าตอนนี้ยังรู้สึกติดใจการเสียชีวิตของน้องชายและหลานชายตัวเองอยู่เพราะไม่ทราบสาเหตุการตายที่ชัดเจน ส่วนตัวมองว่าตัดประเด็นเรื่องการฆ่าตัวตายได้เลยเพราะในฐานะพี่สาวเชื่อว่าน้องชายไม่มีทางฆ่าตัวตายอย่างเด็ดขาดขาด ตอนนี้ก็ยังสงสัยว่าจะมีคนเข้าไปในร้านหรือไม่แต่เมื่อดูจากพยานหลักฐานต่างๆ แล้วก็เป็นไปไปได้ยากแต่ก็ยังไม่เชื่อว่าการตายนั้นเป็นเพราะน้องชายฆ่าตัวตายอยู่ดี
ส่วนซองกัญชาสามซองที่พบในตัวของผู้ตายนั้นย่าและพี่สาวของผู้ตายบอกว่าไม่เคยรู้เรื่องนี้มาก่อนและตกใจมากเช่นเดียวกันเหตุใดจึงมีกัญชาอยู่ในกระเป๋ากางเกงของน้องชายด้วย
ส่วนญาติของผู้ตายเองก็ไม่เชื่อว่าเป็นการฆ่าตัวตายเหมือนกันแต่กำลังสงสัยอยู่ว่าเป็นเหตุฆาตกรรมหรือว่าอาจจะเกิดอุบัติเหตุก็ได้
วันนี้ทีมข่าวได้ภาพหลักฐานที่สำคัญมาในขณะที่ตำรวจเข้าไปเก็บศพเมื่อวานนี้พบว่าภายในกระเป๋ากางเกงของผู้ตายมีกัญชาอยู่ทั้งหมด 3 ถุง มีข้อความภาษาอังกฤษเขียนอยู่บริเวณหน้าถุงกัญชาซึ่งน่าจะเป็นการบ่งบอกถึงชนิดของกัญชา รวมถึงมีเงินจำนวนหนึ่งและซองบุหรี่ กัญชาที่พบก็เป็นอีกหนึ่งหลักฐานสำคัญในการสันนิษฐานถึงสาเหตุการตายของนายพสธร
ส่วนบาดแผลในตัวผู้ตายพบด้วยกันทั้งหมดสองจุดหลักๆคือบริเวณหน้าอกด้านซ้าย ที่เป็นรอยแผลจากการถูกมีดแทงเข้าไปอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีกจุดหนึ่งคือบริเวณทางซึ่งน่าจะเกิดจากการหกล้ม บริเวณมือด้านขวาที่พบศพผู้ตายยังพบมีดพกขนาดเล็กอีกด้วย
ทีมข่าวยังได้หลักฐานเป็นภาพจากใน Facebook ของผู้ตายที่มักจะโพสต์เกี่ยวกับภาพยนตร์หรือซีรี่ส์เกี่ยวกับการฆาตกรรมเกือบทั้งหมด
ที่สำคัญจากข้อมูลของการสอบปากทางบุคคลที่เกี่ยวข้องตำรวจระบุว่าผู้ตายป่วยเป็นโรคซึมเศร้าแต่ยังไม่ได้เข้ารับการรักษาอย่างจริงจังโดยแฟนสาวของผู้ตายเองก็ป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเช่นกันมีประวัติการรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลขอนแก่น และจากการสืบสวนพบว่า ก่อนที่ผู้ตายจะเสียชีวิต เคยบ่นกับพนักงานในรีสอร์ทว่ามันเป็นเวรกรรมอะไรของกู