จากกรณีมีผู้สูญหายออกจากบ้านตั้งแต่วันที่ 26 ตุลาคม 2566 ทราบชื่อต่อมา คือ นายชำนาญ ทวิทา อายุ 49 ปี โดยในเบื้องต้นได้เชื่อว่าเกี่ยวข้องกับบ้่นร้างอาถรรพ์ ซึ่งก่อนหน้านี้เมื่อ 13 ปีที่แล้ว บ้านหลังนี้มีผู้ที่อยู่อาศัยได้ทยอยกันเสียชีวิตจำนวน5รายติดต่อกัน จนต้องปล่อยย้านหลังนี้กลายเป็นบ้านร้าง ซึ่งบ้านหลังนี้ก็เป็นญาติกับ นายชำนาญ ผู้ที่หายตัวออกจากบ้านไป ซึ่งปกติแล้ว นายชำนาญ มักจะไปดูแลทำความสะอาดและ ตัดไม้มาเผาถ่านขาย เป็นประจำ ทางยากจึงเชื่อว่า การหายตัวไปของ นายชำนาญ น่าจะเกี่ยวข้องกับบ้านหลังนี้ อีกทั้งในช่วงระหว่างที่ค้นหาผ่านมาก่อนหน้านี้สามวันนั้น ก็ยังมีพระพระได้ทำนายว่า นายชำนาญ ได้อยู่บริเวณในป่าอ้อยและอยู่ภายในน้ำ โดยช่วงที่ทำลายนั้น พระรูปดังกล่าวได้แจ้งกับญาติว่า ในตอนนี้คนที่หายตัวอาการแย่แล้วต้องรีบค้นหาให้เจอ  และในช่วงเช้าวันนี้พระผู้ที่ทำนายก็ยังได้มาทำพิธีที่บริเวณบ้านของ นายชำนาญ ซึ่งจากการทำพิธีได้มีการชี้ทิศทาง ซึ่งการชี้ทิศทางก็ได้ชี้ มาบริเวณบริเวณป่าอ้อยข้างคันคลองส่งน้ำ

 

เวลา 11.30 น น.ส.ยุพิน สากุลา ได้รับโทรศัพท์จากพระอธิการรัตนกร ฐานวีโร หรือชาวบ้านทีรู้จัก พระอาจารย์ตึ้ม วัดถ้ำสนามบิน สอบถามว่าเจอรึเปล่า ทีบอกให้ไปดู น.ส.ยุพิน ได้ตอบว่าไม่เจอ ขอนิมนต์หลวงพ่อมายังบ้านที่เกิดเหตุ หลังจากนั้นพระอาจารย์ตึ้ม ได้มายังบ้านทีนายชำนาญ หรือเล็ก ผู้ศูนย์หายตัวไป และทำพิธีจุดธูปบอกเจ้าที่  หลังจากนั้นได้นำไข่ไก่ มาทำพิธีเศก  หลังจากทำพิธีเสร็จ ก็นำไข่ไก่มาโยนกับพื้นดินที่หน้าบ้านไข่แตก หลังจากนั้นพระอาจรย์ตึ้ม ก็บอกว่า ตอนนี้ ผู้สูญหายนั้นได้เสียชีวิตแล้ว โดยอยู่ตรงบริเวณสระน้ำใกล้บ้านคน ทางทิศใต้ และวันนี้เจอนายชำนาญหรือเล็กแน่  ลองพาคนไปดู หลังจากนั้น พระตึ้มได้ไปยังบ้านร้าง ทีตายมา แล้ว 5 ศพ พร้อมกับบอกว่าทีนี้มีอะไรแปลกไม่ดีเลย  มันมีอาถรรพ์ ส่วนวิญญาณ นั้นก็ยังมีอยู่  ให้เจ้าของบ้านนำพระสวดถอน แล้วรื้อออกไป จะไม่มีเหตุอะไรขึ้นอีก หลังจากนั้น ก็เดินทางกลับวัด โดยปล่อย ให้ชาวบ้าน แบ่งกำลังออกตามหากันตามที่พระอาจรย์ตึ้มบอก

 

ล่าสุดในช่วงบ่ายวันนี้ได้มีผู้ที่ร่วมช่วยกันระดมค้นหา ขี่รถจักรยานยนต์ผ่านบริเวณคันคลองส่งน้ำ ซึ่งด้านข้างเป็นป่าอ้อยที่มีความรกทึบ จึงได้กลิ่นลักษณะเหมือนกลิ่นเน่ามาจากภายในป่าอ้อย จึงได้แจ้งเจ้าหน้าที่กู้ภัยให้มาตรวจสอบ จากนั้นเมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. เจ้าหน้าที่กู้ภัยได้มาถึงบริเวณจุดดังกล่าว จึงได้จัดทีมกันลงค้นหาตามกลิ่นที่โชยขึ้นมาจากในป่าอ้อย เมื่อค้นหาได้ประมาณไม่ถึง 10 นาที จึงได้พบร่างของ นายชำนาญ ผู้ที่สูญหายไป นอนคว่ำหน้าอยู่บริเวณร่องของต้นอ้อย ซึ่งอยู่ห่างจากถนนบริเวณคันคลองส่งน้ำ ประมาณ 30 เมตรเพียงเท่านั้น

 

ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าไม่มีร่องรอยการต่อสู้หรือทำร้ายร่างกายใดๆ สภาพศพไม่สวมเสื้อสวมแต่เพียงกางเกงขาสั้น และมีโทรศัพท์มือถือตกอยู่บริเวณร่องของต้นอ้อยร่องถัดไปซึ่งห่างจากตัวประมาณเพียง 2 เมตร จากการตรวจสอบพบว่าสภาพศพดังกล่าวเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 3 วัน

 

จากนั้นระหว่างรอเจ้าหน้าที่และแพทย์เข้ามาร่วมตรวจสอบ ทีมข่าวก็ได้เจอกับชาวบ้าน ที่เป็นผู้ได้กลิ่นบริเวณจุดที่พบศพเป็นคนแรก คือ น.ส.กิ่งดาว (สงวนนามสกุล) อายุ 44 ปี โดยได้เล่าให้ทีมข่าวฟังว่า

 

“เมื่อช่วงเวลาประมาณบ่ายโมง ตนได้ขี่รถจักรยานยนต์ช่วยตามหา นายชำนาญ ในที่ที่คิดว่าเค้าจะไปบริเวณจุดนั้น ซึ่งตนได้ช่วยตามหามาเป็นเวลาสี่วันแล้ว จากนั้นเมื่อขี่รถจักรยานยนต์มาถึงจุดที่พบศพ ตนก็ได้ กลิ่นลักษณะเหมือนกลิ่นเน่าและกลิ่นสาบสาง จึงได้โทรบอกเพื่อนในหมู่บ้านและเจ้าหน้าที่กู้ภัย ให้มาตรวจสอบบริเวณดังกล่าว ซึ่งการตรวจสอบก็พบศพของ นายชำนาญ บริเวณนี้จริง ในช่วงที่ได้กลิ่นนั้นตนยังลงรถเดินไปดูบริเวณข้างป่าอ้อย ก็ยังรู้สึกว่าเหมือนมีอะไรเคลื่อนไหวอยู่ในป่าอ้อยบริเวณจุดที่พบศพ ในช่วงแรกตนก็กลัว แต่ก็คิดไปว่าอาจจะเป็นสุนัขหรือตัวอะไรที่อยู่บริเวณนั้น

 

ซึ่งในขณะนั้นตนรู้สึกขนลุกและกลัวลักษณะเหมือนมีอะไรมาบอกว่าเขาอยู่บริเวณจุดนั้น ซึ่งโดยปกติตนก็จะคุ้นเคยกับ นายชำนาญ อยู่แล้วเพราะเขาจะมารับจ้างในไร่ตนเป็นประจำ และจากเหตุดังกล่าวตนคิดว่าน่าจะเกิดจากที่เขามีอาการภาพหลอนจากการเลิกเหล้า ซึ่งมีอาการมาก่อนหน้านี้อยู่แล้วจึงเป็นเหตุให้ออกจากบ้านและมาเสียชีวิตบริเวณดังกล่าว

 

ในส่วนของบ้านอาถรรพ์นั้นตนก็คิดว่ามีส่วนเล็กน้อยตามความเชื่อ ก็อาจจะเป็นไปได้ แต่ถ้ามองอีกทีก็คือด้วยอาการทางจิตที่เขาเป็นอยู่และโรคประจำตัวจึงอาจจะทำให้เขามาเป็นลมและเสียชีวิตบริเวณนี้”

 

จากนั้นทีมข่าวจึงได้เดินทางไปที่วัดสามัคคีรังสรรค์ ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านของผู้เสียชีวิต ประมาณ 10 กิโลเมตร เมื่อทีมข่าวได้เดินทางมาถึงก็พบว่าทางญาติได้นำร่างของ นายชำนาญ บรรจุภายในโลงเย็น โดยไม่มีการรดน้ำศพเนื่องด้วยสาเหตุจากการเสียชีวิตมาหลายวัน จากนั้นทีมข่าวจึงได้พบกับ

นางกิมไน้ อายุ 71 ปี ซึ่งเป็นแม่ของนายชำนาญผู้เสียชีวิต ทีมข่าวจึงได้เข้าไปพูดคุย โดย นางกิมไล้ ได้เล่าว่า

 

“ตนทราบว่าลูกชายของตนเสียชีวิตเมื่อช่วงประมาณเกือบบ่ายสามโมงของวันนี้ โดยช่วงเช้าตนก็ได้ตามหาลูกของตนหลายหลายที่แต่ก็ไม่พบ จนมาทราบว่าเสียชีวิต อยู่ภายใต้ป่าอ้อยใกล้เคียงกับบริเวณที่มีผู้ให้ข้อมูลว่าได้ยินเสียงของลูกชายของตนโวยวายลักษณะเหมือนทะเลาะกับใครและได้ยินเสียงสุนัขเห่า บริเวณสี่แยก ซึ่งในบริเวณจุดนี้ตนได้เดินมาหาหลายรอบแล้ว แม้กระทั่งเมื่อวานในช่วงกลางคืนตนก็ยังเดินมาบริเวณจุดนี้ แต่ก็ไม่ได้พบกลิ่นหรือมีความผิดปกติใดๆ

 

ซึ่งในคืนที่เกิดเหตุเป็นช่วงเวลาประมาณตี 4 ของวันที่ 26 ตุลาคม 2566 ก่อนหน้าที่ลูกชายของตัวเจาะจากบ้านยังนั่งกินข้าวด้วยกันอยู่ หลังจากนั้นก็เห็นเค้าเดินออกจากหลังบ้านไป แต่ก็ไม่ทราบว่าเค้าไปไหนซึ่งตนก็ไม่ได้ถามเพราะคิดว่าอาจจะเดินอยู่บริเวณรอบบ้าน จนกระทั่งเช้าตนเห็นว่าลูกชายยังไม่กลับเข้ามาบ้านจึงได้เดินออกไปดูก็พบว่ามีรอยเท้าอยู่บริเวรไร่อ้อยหลังบ้าน จึงได้เดินตามรอยเท้าไปก็พบว่ารอยเท้าสุดอยู่ตรงบริเวณใกล้เคียงกับบ้านร้าง ซึ่งเป็นบ้านของญาติของตน และลูกชายของตนตนมีความสนิทสนมกับบ้านนี้มาก และมักจะไปนั่งเล่นอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งตนได้ไปเรียกลูกชายของตนแต่ก็ไม่มีเสียงตอบกลับมา จากนั้นก็หาบริเวณโดยรอบก็ไม่พบจนกระทั่งวันที่ 27 ตุลาคม 2566 ต้นถึงได้บอกให้ลูกสาว และหลานไปแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจ เนื่องจาก นายชำนาญ ลูกชายของตนได้หายจากบ้านไปเป็นเวลากว่าหนึ่งวันแล้ว ซึ่งในตอนนั้นตนก็คิดว่าถ้าเขายังมีชีวิตอยู่เค้าน่าจะไปไปหาภรรยาของเขาที่จังหวัดนครพนม หรือไม่ก็ต้องไปอะไรเสียชีวิตถึงติดต่อไม่ได้และไม่กลับมาบ้าน ซึ่งตนได้ทำใจไว้ในเบื้องต้นแล้ว จนกระทั่งมาในวันนี้ก็มาทราบว่าได้เสียชีวิตไปแล้ว ซึ่งตนก็รู้สึกเสียใจแต่มันก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว และตนก็ต้องดำเนินชีวิตต่อไป จึงไม่ได้มาร้องไห้ฟูมฟายให้ใครเห็น

 

ในส่วนเรื่องของบ้านร้างที่ว่า อาถรรพ์นั้น ในเรื่องนี้ตนก็เชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง ในเรื่องที่เชื่อก็เชื่อในแนวทางที่ว่าบ้านนี้ได้เสียชีวิตกันทั้งบ้านโดยทยอยกันเสียชีวิตถึง5คน และลูกชายของตนก็มีความสนิทสนมกับเจ้าของบ้านหลังนี้มากและก็เป็นญาติกันด้วย จึงคิดว่าเค้าอาจจะมาพากันไปหรือไม่ และในส่วนที่ไม่เชื่อก็เป็นไปด้วยเรื่องของอาการทางจิตที่เค้าเป็นอยู่และโรคประจำตัวอาจทำให้เขาเป็นลมบริเวณจุดนั้นและทำให้เขาเสียชีวิต

 

โดยลูกชายของตนนั้นเป็นคนที่อัธยาศัยดีประกอบอาชีพ ขายหมูคนทั่วไปจะ รู้จักและทักทายตลอดเมื่อเวลาไปไหน เพราะเขาเป็นคนพูดจาดีไม่เคยเกเรและเป็นคนขยันทำงานโดยคนในหมู่บ้านก็มักจะจ้างไปทำงานในไร่อยู่เป็นประจำ ”

เหลือเชื่อ! พระโยนไข่ทำนายคนหายโยงอาถรรพ์ 5 ศพ เช้าชะตาดับ ตกบ่ายเจอร่างไร้ปาฏิหาริย์