จากเหตุการณ์ นางจุฑาทิพย์ หรือ ดีเจจุ อายุ 68 ปี ได้หายออกจากบ้านพักตั้งแต่ช่วงวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2566 พร้อมรถเก๋งนิสสันมาร์ช สีขาว ทะเบียน กค 8551 พิจิตร หลังเกิดเหตุทางด้านสามี นายพงษ์ศักดิ์ อายุ 70 ปี ได้เข้าแจ้งความคนหายที่ สภ.วชิรบารมี ในวันที่ 24 ตุลาคม 2566 ซึ่งเบื้องต้นก็มีพลเมืองดีเจอป้ายทะเบียนรถของนางจุฑาทิพย์ตกหล่นอยู่บริเวณถนนสายพิจิตร - ตะพานหิน ทางเข้า ต.หัวดง อ.เมือง จ.พิจิตร แต่ยังไม่เจอรถเก๋งและตัวนางจุฑาทิพย์

พบศพ ดีเจจุ ถูกฆาตกรรมอย่างโหดเหี้ยมทิ้งร่างข้างถนน

เมื่อเวลา 13.00 น. ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปยังหลักกิโลเมตรที่ 76-77 ม.17 ต.เนินปอ อ.สามง่าม จ.พิจิตร ซึ่งจุดนี้อยู่ห่างจากบ้านของนางจุฑาทิพย์ 15 กิโลเมตร ทันทีที่ไปถึงบริเวณดังกล่าว ก็พบว่ามีเจ้าหน้าที่ตำรวจ นำโดย พ.ต.อ.ภูเบศ แสงอร่าม ผกก.สืบสวนจังหวัดพิจิตร, พ.ต.อ.ศราวุธ สวัสดิชัย รองผู้บังคับการสืบสวน ตำรวจภูธรภาค 6, พ.ต.อ.ไชย หนูคุ้มทรัพย์ ผกก.สืบสวน 2 บก.สืบสวนภาค 6, พ.ต.ท.ชัยวัฒน์ บุญธรรม รอง ผกก.(สอบสวน) สภ.วชิรบารมี พร้อมด้วยแพทย์เวร รพ.สามง่าม และเจ้าหน้าที่อาสาปอเต็กตึ๊งจังหวัดพิจิตร กำลังตรวจสอบบริเวณดังกล่าว

สภาพศพที่เจอ คือ สวมเสื้อสีขาว สวมกางเกงขาสั้นลายทางฟ้าขาว ลักษณะนอนคว่ำหน้า มือทั้งสองข้างถูกมัดไขว้หลังด้วยเทปใส ข้อเท้าถูกมัดด้วยเทปใส นอกจากนี้บริเวณใบหน้าก็ถูกมัดด้วยเทปใสตั้งแต่ศีรษะจนถึงปลายคาง จากการตรวจสอบคาดว่าสาเหตุการเสียชีวิต คือ ขาดอากาศหายใจ ตามร่างกายไม่พบบาดแผลใด ๆ และเสียชีวิตมาไม่ต่ำกว่า 5 วัน เนื่องจากศพเริ่มเน่า

ที่แท้คนร้ายคือ ไพโรจน์ ผู้ต้องสงสัยคนแรกที่ถูกตำรวจจับตา

เวลาประมาณ 11.00 น. (27 ต.ค.66) ชุดสืบสวนจังหวัดพิจิตร สามารถติดตามและจับกุมตัว นายไพโรจน์ (ผู้ต้องหา) ได้ที่อำเภอเมืองพิจิตร จากนั้นก็ได้สอบเค้นเบื้องต้นทันที ซึ่งนายไพโรจน์ก็ได้ยอมรับสารภาพทั้งหมดว่าเป็นคนฆาตกรรมนางจุฑาทิพย์ จากนั้นเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนจังหวัดพิจิตรจึงได้ประสานชุดสืบสวนภาค 6 และ สภ.วชิรบารมี ร่วมกันนำตัว นายไพโรจน์ เข้าชี้จุดที่นำร่างนางจุฑาทิพย์มาทิ้งอำพราง

ต่อมาทีมข่าวได้สอบถาม นายไพโรจน์ สารภาพว่า เมื่อวันที่ 21 ตุลาคม 2566 ตนนั้นได้ย่องขึ้นบ้านของนางจุฑาทิพย์ เพื่อหวังจะไปขโมยเงิน แต่ขณะที่กำลังรื้อค้นอยู่ นางจุฑาทิพย์ก็ได้เดินเข้ามาเห็นพอดี ตนเห็นว่านางจุฑาทิพย์กำลังจะส่งเสียงเรียกคนมาช่วย ตนจึงนำผ้ามาปิดปาก และมัดมือ มัดเท้า จากนั้นก็อุ้มนางจุฑาทิพย์ไปไว้ที่นั่งเบาะหลังของรถนิสสันมาร์ช แล้วนายไพโรจน์ก็ได้ขับรถออกจากบ้านไป โดยตนก็ขับรถวนอยู่ละแวกนั้นประมาณ 3-4 รอบ เพื่อคิดว่าจะเอายังไงกับนางจุฑาทิพย์ดี แต่หันมาดูอีกทีก็พบว่านางจุฑาทิพย์ได้แน่นิ่งไปแล้ว ตนจึงนำร่างนางจุฑาทิพย์ไปโยนทิ้งไว้บริเวณพงหญ้าริมถนน พื้นที่ ต.เนินปอ อ.สามง่าม จ.พิจิตร

จากนั้นทีมข่าวยังได้หลักฐานการรับโอนเงินจำนวน 15,500 บาท จากโทรศัพท์ของนายไพโรจน์ ซึ่งนายไพโรจน์ก็ยอมรับว่า หลังจากที่นำร่างของนางจุฑาทิพย์ไปทิ้ง นายไพโรจน์ก็ได้ถอดป้ายทะเบียนรถออก และนำรถไปขายให้กับเต็นท์แห่งหนึ่งในเวลาประมาณ 19.48 น. เป็นจำนวนเงิน 15,500 บาท

นายไพโรจน์ยังบอกอีกว่า นางจุฑาทิพย์นั้นแน่นิ่งไปเอง ตนไม่ได้ลงมือทำร้ายร่างกายนางจุฑาทิพย์ แค่เอาผ้าปิดปากเพื่อไม่ให้นางจุฑาทิพย์ร้องส่งเสียงดัง ไม่ได้หวังจะทำให้เสียชีวิต

หลานสาวเปิดใจกับช่อง 8 เผยมาเข้าฝันคล้ายลางร้าย

ทีมข่าวช่อง 8 ได้พูดคุยกับ นางหนึ่งฤทัย อายุ 40 ปี เล่าว่า เมื่อช่วงเย็นวานนี้ น้องชายของนางจุฑาทิพย์ได้ยกมือไหว้เจ้าที่เจ้าทาง เพื่อบอกกล่าวให้นางจุฑาทิพย์มาเข้าฝันคนในครอบครัวหน่อย ทุกคนเขาเป็นห่วง จะเป็นตายร้ายดียังไงก็ขอให้มาบอก
พอตกดึก นางหนึ่งฤทัย ก็ฝันว่า นางจุฑาทิพย์ได้มาหาตนที่บ้าน และเดินเข้าไปในครัว หยิบกระทะ หยิบตะหลิว แล้วก็ทำกับข้าว จากนั้นก็เอาช้อนมาตักกับข้าวแล้วป้อนข้าวให้กับคนในบ้านกิน แล้วจู่ ๆ นางจุฑาทิพย์ก็กระตุก แล้วหยิบข้าวของในบ้านมาเขวี้ยงใส่ คล้ายกับอาการหวาดกลัว จากนั้นนางจุฑาทิพย์ก็ลงไปดิ้นกับพื้นอย่างทุรนทุราย ซึ่งในฝันตนก็ถามว่า "ป้า ป้าเป็นอะไร ใครทำอะไรป้า" แต่ถามเท่าไหร่นางจุฑาทิพย์ก็ไม่ตอบ ได้แต่ส่งเสียงโวยวายจากลำคอ ตนพยายามเข้าไปจับ นางจุฑาทิพย์ก็ขัดขืน จากนั้นนางหนึ่งฤทัยก็สะดุ้งตื่น

นางหนึ่งฤทัยมองว่า นางจุฑาทิพย์คงจะมาเข้าฝันเพื่อบอกว่าตัวเองโดนทำร้าย หรือไม่ก็คงมาขอความช่วยเหลือ ตอนนี้ตนก็ยังมีความหวังว่าท้ายที่สุดแล้วจะเจอตัวนางจุฑาทิพย์ และนางจุฑาทิพย์จะยังคงมีชีวิตอยู่

เหี้ยม! พันเทปอุดจมูกดีเจทิ้งศพหมกป่า ช่อง 8 แกะรอยเจอศพ ตร.เจ๋งลากคอยึดรถ