จากกรณี หนุ่มหลอนยาคลั่งแทงน้องชายจุฬาราชมนตรีร่างพรุนดับสลด ขณะนั่งกินข้าวแกงอยู่ข้างทางในชุมชน หลังก่อเหตุมือมีดจี้บังคับวิน จยย.รับจ้างขี่พาหนี แต่ไม่รอดถูกตำรวจตามลากคอทันควัน

 

วันนี้ (22 ต.ค. 66) เวลา 10.00 น. ตำรวจได้คุมตัวนายร่อหีม อายุ 42 ปี มือแทงน้องชายจุฬาราชมนตรี ไปฝากขังที่ศาลจังหวัดสงขลา โดยระหว่างที่ผู้ต้องหาเดินไปขึ้นรถได้เปิดใจกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า สาเหตุที่ตนแทงนั้นมาจากการที่ผู้ตายชอบดูถูกกดขี่ตัวเองมานานหลายปี โดยยืนยันว่าตอนเกิดเหตุตนเองไม่ได้เมายาแต่อย่างใด มีสติครบถ้วนทุกอย่าง

 

ผู้สื่อข่าวได้ถามถึงประเด็นการเล่นยาเสพติด นายร่อหีม เผยว่าปกติตนเองเล่นยาจริง วันที่เกิดเหตุตนก็เล่นแต่ว่าได้นอนพักตื่นมาก็ไม่ได้เมายาแล้ว

 

ตลอดเวลาที่ผ่านมาทางผู้ตายได้คอยกลั่นแกล้งตนตลอด คอยพูดจาดูถูกเยาะเย้ย ขนาดตนจะไปสมัครงาน ผู้ตายยังไปบอกเจ้าของร้านไม่ให้รับตนทำงาน

 

โดยก่อนเกิดเหตุตนเดินผ่านไปและเห็นผู้ตายทำหน้าเยาะเย้ยตน ตนจึงบันดาลโทสะทำร้ายไป โดยที่ตนไม่ได้มีการวางแผนมาไว้แต่อย่างใด

 

สุดท้ายตนก็อยากจะขอโทษทางครอบครัวผู้ตายที่ไม่ได้เกี่ยวข้องแต่ต้องมาเดือดร้อน และเสียใจเพราะเรื่องนี้ด้วย

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพกล้องวงจรปิดหลังจากที่ นายร่อหีม อายุ 42 ปี ได้ก่อเหตุแทงน้องชายจุฬาราชมนตรีเสร็จ ได้ไปจี้ให้คนขี่รถจักรยานยนต์ขับออกมาส่งจากจุดเกิดเหตุ 500 เมตร ก่อนลงรถและวิ่งหนีไป

 

วงจรปิด1 คนร้ายลงรถจักรยานยนต์ก่อนเดินหนีเข้าในชุมชน หลังคนร้ายก่อเหตุเสร็จได้จี้คนขี่รถจักรยานยนต์ให้ขับมาส่งจากจุดเกิดเหตุประมาณ 500 เมตร จากภาพกล้องวงจรปิดจะเห็นคนร้ายเดินลงจากรถและหลบหนีไปตามซอยบ้านคนในชุมชน

 

วงจรปิด2 รถพยาบาลได้เข้าไปรับตัวผู้ตายที่จุดเกิดเหตุ หลังจากเกิดเหตุได้ประมาณ 9 นาที จากภาพกล้องวงจรปิดจะเห็นรถพยาบาลได้เข้ามาในชุมชนเพื่อรับร่างของนายเล๊าะ ผู้ตาย

 

วงจรปิด 3 รถตำรวจได้เข้ามาเพื่อล้อมจับคนร้าย จากนั้นช่วงเวลาประมาณ 12.07 น. ตำรวจได้รับแจ้งเบาะแสคนร้ายจึงเข้ามาในชุมชนเพื่อล้อมจับคนร้าย

วงจรปิด 4  ตำรวจจับคนร้ายได้และพาขับรถกลับไปสภ.

 

วงจรปิด 5 ตำรวจจับคนร้ายได้และพาขับรถกลับไปสภ.ใช้เวลาประมาณ 5-6 นาที เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถคุมตัวคนร้ายได้ และคุมตัวขึ้นรถกลับสภ. จากภาพกล้องวงจรผิดจะเห็นรถตำรวจขับออกมาหลังจับคนร้ายได้

สำนักจุฬาราชมนตรี แจ้ง "อาศิส พิทักษ์คุมพล" จุฬาราชมนตรี คนที่ 18 ของประเทศไทย ถึงแก่อนิจกรรมแล้ว

 

วันที่ 22 ต.ค. 2566 เฟซบุ๊ก สำนักจุฬาราชมนตรี โพสต์ข้อความโดยระบุว่า "ตามที่ นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี ได้เข้ารับการรักษาอาการป่วยเป็นคนไข้ในพระบรมราชานุเคราะห์ ณ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย ความละเอียดแจ้งแล้วนั้น

 

สำนักจุฬาราชมนตรี ขอประกาศให้ทราบโดยทั่วกันว่า นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี คนที่ 18 แห่งราชอาณาจักรไทย ได้กลับไปสู่ความเมตตาของอัลลอฮ์ (ถึงแก่อนิจกรรม) แล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2566 เวลา 10.32 น. และจะจัดพิธีละหมาดญะนาชะห์ (ละหมาดขอพร ในวันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม 2566 เวลา 10.00 น. ณ มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา เลขที่ 352 ถนนลพบุรีราเมศวร์ ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา"

 

ทีมข่าวได้ติดต่อเข้าพูดคุยกับนายกฤช อายุ 31 ปี หลานของนายเล๊าะ อายุ71 ปี ผู้ตาย โดยนายกฤช เปิดเผยกับทีมข่าวช่อง 8 ว่า นายเล๊าะ ลุงของตนเป็นผู้ที่ช่วยเหลือตนเองไม่ได้มาพักใหญ่แล้ว แต่พอทำกายภาพบำบัดก็กลับมาเดินได้บ้าง แต่เดินได้ไม่เยอะ แค่ 30-50 เมตร ลุงตนก็เหนื่อยหอบแล้ว โดยตอนที่เกิดเรื่องแกได้เดินไปกินข้าวร้านประจำซึ่งอยู่ห่างจากบ้านไม่ถึง 50 เมตร โดยคนร้ายที่อยู่แถวนั้นได้ลงมือแทงลุงตน โดยอาศัยจังหวะที่คนอยู่ไม่เยอะและมีแต่ผู้หญิงอยู่ ตัวคนร้ายเองปกติมีพฤติกรรมใช้ยาเสพติดมานานแล้ว ขนาดตอนไปละหมาดก็ยัฃมีการไปทะดลาะกับคนอื่น เพราะหลอนหูแว่วว่าคนอื่นนินทาตนเอง

 

ส่วนประเด็นที่คนร้ายบอกว่าลุงตนไปกลั่นแกล้ง ข่มขู่ ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน เพราะลุงตนอายุเยอะแล้ว และไม่ได้ออกไปไหนหรือคุยกับใครเลย จะมีเพียงออกไปซื้อข้าวร้านที่เกิดเหตุและนำกลับมาทานที่บ้านตนเองเท่านั้น คนร้ายเพียงแต่กบ่าวอ้างไปทั่วเพื่อจะให้ตนเองรับโทษน้อยลงเท่านั้น และยืนยันว่าลุงตนกับคนร้ายไม่ได้รู้จักหรือเป็นญาติกันแน่นอน

 

ทีมข่าวได้ลงพื้นที่ไปยังจุดเกิดเหตุได้พบกับ นางย่าลีขอส อายุ 62 ปี ซึ่งเป็นหนึ่งในคนที่อยู่ในเหตุการณ์ โดยนางย่าลีขอส เล่าให้ทีมข่าวช่อง 8 ฟังว่า ตอนแรกผู้ร้ายเดินมาฝั่งตรงข้ามร้่นขายข้าวแกง และถามหามะพร้าวจากคนแถวนั้น จากนั้นไม่นานคนร้ายได้เดินมาหน้าร้านขายข้าวแกง และลวงมือไปยังกระเป๋าย่ามของตัวเอง ก่อนจะหยิบมีดออกมาฟันที่แถวคอคนตาย 2 ครั้ง ก่อนจะจวกแทงตรงเอวกว่า 10 ครั้ง โดยไม่มีท่าทีลังเลเลย และไม่พูดจาอะไรเลย ตนเองตกใจมาก จึงได้ร้องกรี๊ดออกมาพร้อมกับคนที่อยู่ในเหตุการณ์อีก 2 ราย และพยายามบอกให้คนร้ายหยุด

 

จนสุดท้ายคนร้ายแทงจนหนำใจ จึงได้หยุด และเดินไปจี้คนขับรถจักรยานยนต์ให้พาออกไปจากจุดเกิดเหตุ ตนรู้สึกตกใจมากจึงได้ร้องขอให้ไปตามคนมาช่วย และโทรหารถพยาบาล และตำรวจมาโดยตนก็ไม่ทราบมาก่อนว่าผู้ตายกับผู้ร้ายมีปัญหากันมาก่อนหรือไม่ แต่ตนไม่เคยเห็นเขาคุยกัน ส่วนเรื่องที่เป็นญาติกันนั้นน่าจะไม่ใช่

 

ในวันนี้ (22 ต.ค. 66) เวลา 16.00 น. ณ สนามบินกองบิน 56 อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา นายสมนึก พรหมเขียว ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา พร้อมด้วย นายวรณัฎฐ์ หนูรอต รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายมาหะมะพีสกรี วาแม รองผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา นายศักดิ์กรียา บิลแสละ ประธานกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลา นำหัวหน้าส่วนราชการ ข้าราชการ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนชาวไทย-มุสลิม ร่วมรับมัยยิต (ศพ) นายอาศิส พิทักษ์คุมพล จุฬาราชมนตรี คนที่ 18 แห่งราชอาณาจักรไทย ที่ได้ถึงแก่อสัญกรรมอย่างสงบ หลังมีอาการป่วย และเข้ารับการรักษาที่โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย

 

โดยทางกองทัพอากาศ ได้จัดเครื่องบิน C-130 เคลื่อนย้ายร่างจุฬาราชมนตรีออกจากท่าอากาศยาน 2 กองบิน 6 มาถึงบริเวณลานจอดอากาศยานฝูงบิน 561 กองบิน 56 อำเภอคลองหอยโข่ง จังหวัดสงขลา เมื่อเวลา 16.40 น. อย่างสมเกียรติ จากนั้นได้ทำการเคลื่อนย้ายร่างไปยังบ้านพักในพื้นที่ตำบลควนลัง อำเภอหาดใหญ่ เพื่อเตรียมประกอบพิธีละหมาดญะนาชะห์ (ละหมาดขอพร) ในวันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม 2566 เวลา 10.00 น. ณ มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา ตำบลคลองแห อำเภอหาดใหญ่

 

ต่อจากนั้น ในเวลา 18.10 น. ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา ได้ลงพื้นที่ตรวจความพร้อมของสถานที่และเต้นท์พิธี สำหรับประกอบพิธีละหมาดญะนาชะห์ และพิธีฝังมัยยิต (ศพ) เพื่อให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยในวันพรุ่งนี้ (23 ต.ค. 66) พลเอกสุรยุทธ์ จุลานนท์ ประธานองคมนตรี จะเดินทางมาเป็นประธานในพิธี และเป็นผู้แทนพระองค์ในพิธีอัญเชิญดินฝังศพพระราชทาน ณ มัสยิดกลางประจำจังหวัดสงขลา

จุฬาราชมนตรีถึงแก่อนิจกรรมหลังวันน้องถูกขี้ยาฆ่า มือมีดเปิดปากตอนฆ่าสติครบ