รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มั่นใจ กองทัพไทยปกป้องอธิปไตย พร้อมเป็นที่พึ่งประชาชน พร้อมแจงสภา-สังคม เข้าใจงบประมาณจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์ ใช้ฐานเดิม เน้นย้ำให้ซื้อเท่าที่จำเป็น แต่ยอมรับบางอย่างเป็นงบผูกพันตัดออกไม่ได้

วันที่ 11 ต.ค. 66 นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมกองบัญชาการกองทัพไทย ว่ามาวันนี้เป็นไปตามธรรมเนียมปฏิบัติ ซึ่งเข้ามารับตำแหน่งจะต้องไปตรวจเยี่ยมทุกเหล่าทัพ รวมไปถึงหน่วยต่างๆ โดยสัมผัสได้ถึงความพร้อมความเข้มแข็งของกองทัพไทย ทั้งจากการบรรยายและการสังเกตในหลายอย่างก็มีความเข้มแข็งในด้านศักยภาพที่ทำให้เราเชื่อมั่นว่ากองทัพไทยซึ่งเป็นองค์กรหลักในการประสานทุกเหล่าทัพสามารถปกป้องอธิปไตยของประเทศ และราชบัลลังก์ได้ รวมทั้งสามารถเป็นที่พึ่งของประชาชนและสนับสนุนกิจกรรมกิจการประชาชนทางเศรษฐกิจตามนโยบายของรัฐบาล

ทั้งนี้ จากการพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน ได้ทราบว่ากองทัพไทยและเหล่าทัพได้ขับเคลื่อนนโยบายที่ทางรัฐบาลและตนเองมอบให้ไปปฏิบัติได้อย่างน่าภาคภูมิใจ ทั้งการเปลี่ยนระบบการตรวจเลือกกำลังพลหรือทหารเกณฑ์ การปรับลดกำลังพล การนำที่ดินของทหารมาใช้ ซึ่งหลายเรื่องดำเนินการไปได้ไกลมากแล้ว เพราะฉะนั้น วันนี้สบายใจได้ว่า มีความเชื่อมั่นกองทัพ

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้ให้นโยบายกองทัพไทย โดยเน้นย้ำ 8 ข้อ โดยเฉพาะเร่งด่วนสำคัญคือการช่วยเหลือประชาชนในภัยพิบัติต่างๆ ทั้งน้ำแล้ว น้ำท่วม รวมถึงการประสบภัยที่ต่างประเทศอย่างที่เป็นอยู่ในขณะนี้ ต้องเตรียมความพร้อมและทุ่มเทอย่างให้ถึงที่สุด พร้อมเน้นเรื่องปราบปรามการทุจริตเพื่อให้กองทัพเป็ดองค์กรที่โปร่งใส ให้เป็นที่พึ่งของประชาชน ไม่ว่าจะเป็นการใช้ที่ดินหรือทรัพยากรของกองทัพในการฟื้นฟูเศรษฐกิจก็ได้มีการเน้นย้ำ

สำหรับภัยคุกคามในภาวะสงคราม นั้น ไม่ใช่เรื่องใหม่แต่เป็นเรื่องเดิมที่กลับมาอีกรอบ ซึ่งกองทัพถือว่ามีความพร้อมและมีความชำนาญอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเกิดที่ไทยหรือในต่างประเทศกองทัพก็มีประสบการณ์

 

ส่วนที่มีความกังวลถึงเรื่องงบประมาณกองทัพ นายสุทิน กล่าวว่า งบประมาณประจำปีเรายึดฐานเดิมที่เคยทำมา หล่าต้องมาดูอีกครั้งว่าในภาวะปี 67 ซึ่งมีเวลาเหลือเพียงสั้นๆจะทำอะไรได้บ้างอะไรที่คิดว่าทำไม่สำเร็จเราก็ปรับเพื่อไว้ของบประมาณในปี 68 ขณะที่การจัดซื้ออาวุธของกองทัพให้จัดซื้อเท่าที่จำเป็น ใช้งบประมาณทุกเม็ดอย่างคุ้มค่าโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งตนเองจะทำหน้าที่ตรวจสอบในส่วนนี้อย่างเต็มที่ หากจะไม่ให้ตัดงบประมาณเลย ก็ต้องฟังเหตุผลทั้งจากทางสภา ประชาชน และกองทัพ ซึ่งหากมีความจำเป็นจริงๆตนก็จะพยายามช่วยสนับสนับเต็มที่ในการสร้างความเข้าใจสภาและสังคมในส่วนนี้ เมื่อตนเองเข้ามาแล้วอาจจะเข้าใจมากขึ้น ก็จะช่วยในการอธิบาย โดยยอมรับว่า ได้มีการตัดงบประมาณในการจัดซื้อยุทโธปกรณ์อาวุธไปบางส่วนแล้วแต่บางอย่างเป็นเรื่องผูกพันไม่สามารถตัดได้