จากกรณีกลุ่มฮามาสกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์ ได้บุกโจมตีในหลายเมืองของรัฐอิสราเอล เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมาก ประชาชนต่างอพยพหนีตาย และมีคนไทยที่เดินทางไปทำงานในรัฐอิสราเอล ถูกกลุ่มฮามาสจับไปเป็นตัวประกัน และมีรายงานว่า คนไทยเสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 12 ราย

 

ล่าสุดทีมข่าวได้เดินทางไปที่บ้านของนายไชยา รักษานนท์ หรือ ไม้ อายุ 28 ปี หนึ่งในแรงงานที่สูญหายในอิสราเอลหลังถูกกลุ่มฮามาสกองกำลังติดอาวุธปาเลสไตน์บุกโจมตีแคมป์คนงาน โดยนายไม้ เป็นหนึ่งคนที่เพื่อนแรงงานชาวไทยที่รอดชีวิตมาได้ ให้ข้อมูลว่า เห็นนายไม้ถูกยิงเสียชีวิตในห้องพักแคมป์คนงานตั้งแต่วันที่ 7 ตุลาคมแล้ว แต่ขณะนี้รัฐบาลไทยยังไม่ทราบและยังไม่มีการยืนยันจากรัฐอิสราเอล

 

เราได้พูดคุยกับนางสาวรัชนี อายุ 28 ปี พี่สาวนายไม้ เล่าว่า ก่อนเกิดเหตุสู้รบ ตนเองและแฟนสาวของน้องชายได้พูดคุยกับน้องชายเมื่อวันเสาร์ที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมาช่วงเช้าก่อนจะติดต่อไม่ได้ โดยน้องติดต่อด้วยข้อความว่า มีการเกิดเหตุยิงกันที่หน้าแคมป์คนงานมีชาวเนปาลเสียชีวิต จากนั้นก็ติดต่อไม่ได้จนวันนี้ ซึ่งเข้าสู่วันที่ 3 แล้ว ต่อมาตนเองได้สอบถามไปยังเพื่อนคนงานที่ทำงานเดียวกันกับน้องชายว่าติดต่อน้องชายได้ไหม

 

เพื่อนคนงานก็บอกกลับมาทางแชตว่า “ให้ทำใจ” และเท่าที่ทราบข้อมูลตอนนี้มีคนไทยเสียชีวิตที่แคมป์แล้ว 13 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นคาดว่าเป็นน้องชาย

 

นอกจากนี้ยังมีคลิปที่มีการแชร์ต่อๆกันมา เป็นคลิปเหตุการณ์ที่กลุ่มฮามาสได้ถ่ายไว้ขณะบุกเข้าไปยิงคนงานในห้องพักห้องหนึ่ง ซึ่งมีลักษณะคล้ายกับห้องพักหมายเลข 5 ที่น้องชายทำงานอยู่ ซึ่งในคลิปจะมีชายคนหนึ่งที่ถูกยิงเสียชีวิตในห้อง มีลักษณะคล้ายกับน้องชายของตนเอง จึงกลัวว่า น้องชายของตนเองอาจจะเสียชีวิตไปแล้ว แต่ก็พยายามยังไม่เชื่อ และอยากรอคำตอบจากรัฐบาลให้ยืนยันรายชื่อให้ชัดเจนก่อน

 

สำหรับน้องชายได้เดินทางไปทำงานอยู่ที่อิสราเอลได้ประมาณปีกว่า โดยทำงานเป็นคนงานในไร่มันฝรั่ง ไร่ฝักทอง มีรายได้เดือนละประมาณ 50,000 บาท โดยแต่ละเดือนจะส่งเงินกลับบ้านประมาณ 30,000 บาทให้กับครอบครัว น้องชายถือเป็นเสาหลักของบ้าน ที่สร้างบ้านให้พ่อแม่อยู่ ซื้อรถยนต์ให้

 

หากน้องชายฟังตนเองอยู่อยากให้น้องชายติดต่อกลับมาและขอให้น้องชายมีชีวิตอยู่กลับมาหาครอบครัวให้ได้ และขอให้ข้อมูลที่ตนเองได้รับมาไม่เป็นความจริง

 

ล่าสุดเราได้พูดคุยกับนายกรวิชญ์ แรงงานชาวไทยที่อยู่ในเหตุการณ์ และเป็นเพื่อนร่วมงานของนายไม้ เจ้าตัวค่อนข้างมั่นใจว่า นายไม้อาจจะถูกยิงเสียชีวิตภายในห้องหมายเลข 5 แล้ว พร้อมเล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วง 6 โมงเช้าของวันที่ 7 ตุลาคมที่ผ่านมา กลุ่มติดอาวุธฮามาส รอบแรกได้บุกเข้ามาที่แคมป์คนงานของพวกตนเอง โดยใช้อาวุธปืนกราดยิงเพื่อนแรงงานชาวเนปาลเสียชีวิต 2 ศพ ใกล้กับแคมป์ของตนเอง จากนั้นไม่นานได้มีกลุ่มเจ้าหน้าที่รัฐอิสราเอลได้เข้ามาคุ้มกันพร้อมโจมตีกลับทำให้กลุ่มฮามาสกลุ่มแรกหนีถอยออกไปจากพื้นที่

ซึ่งขณะนั้นตนเองพร้อมกับแรงงานชาวไทยและเนปาลกว่า 30 คน ได้หาที่หลบซ่อน โดยมีทหารรัฐอิสลราเอลมาบอกให้ทุกคนเข้าไปหลบในห้องพักในแคมป์คนงาน ซึ่งมีอยู่ทั้งหมด 6 ห้อง

 

ซึ่งขณะนั่นตนเองเห็นนายไม้ และกลุ่มเพื่อนคนไทยเข้าไปหลบในห้องพักที่ทหารบอก แต่ตนเองได้ขอทหารว่าขอไปหลบอีกห้องซึ่งมีตนเองเพียงคนเดียวที่แยกไปหลบอยู่คนเดียว

 

กระทั่งเวลาต่อมา กลุ่มฮามาสได้บุกเข้ามาที่แคมป์คนงานของตนเองรอบที่ 2 โดยมากันเต็มคันรถกระบะ ก่อนจะเริ่มต้นจากบุกเข้ามาใช้ปืนกราดยิงต่อสู้ทหารรัฐอิสราเอลจนทหารถอยหนีสู้ไม่ไหว

 

จากนั้นได้เข้ามากราดยิงห้องหมายเลข 1 และหมายเลข 5 ซึ่งเพื่อนคนไทยที่รอดมาได้มาเล่าให้ตนเองฟังว่า ตอนที่กลุ่มฮามาสบุกเข้าไปในห้องหมายเลข 5 นายไม้ไม่ได้วิ่งหนีออกมาจากห้อง จากนั้นกลุ่มฮามาสได้เปิดประตูทุกห้อง และกราดยิงแรงงานทุกคนโดยไม่เลือกว่าเป็นชาติไหน ก่อนจะปาระเบิดและจุดไฟเผาซ้ำ จนห้องพักทั้งหมดพังราบ ซึ่งเพื่อนของตนเองยืนยันในห้องหมายเลข 5 มีผู้เสียชีวิตรวม 5 คน หนึ่งในนั้นอาจคือ “นายไม้”

 

ส่วนห้องที่ตนเองหลบเป็นห้องเก็บของเก็บยาของฟาร์มวัว โดยอยู่ติดกับห้องเก็บของ ซึ่งกลุ่มฮามาสก็ได้บุกเข้าไปรื้อค้นข้าวของ และพยายามเปิดห้องของตนเองที่หลบอยู่แต่เปิดไม่ออก และด้วยห้องที่ตนเองหลบค่อนข้างแคบและเล็ก กลุ่มฮามาสจึงไม่ได้สนใจ แต่ได้จุดไฟเผารอบบริเวณห้อง โดยตนเองหลบอยู่ในห้องดังกล่าวตั้งแต่ 7 โมงเช้าวันที่ 7 ตุลาคม ถึง ตี 5 ของวันที่ 8 ตุลาคม หลบอยู่คนเดียว ก่อนที่จะส่งข้อความไปบอกเพื่อนอีกกลุ่มว่าตนเองอยู่จุดไหน และทหารรัฐอิสราเอลเข้ามาช่วยตนเอง ออกมาจากแคมป์ เพื่อมาหลบอยู่ในที่ปลอดภัยแล้ว

 

เจ้าตัวยังบอกอีกด้วยว่า เพื่อนแรงงานคนไทยส่วนใหญ่ที่ถูกยิงเสียชีวิตจะอยู่ภายในห้องที่ทหารของรัฐอิสราเอลให้เข้าไปอยู่ ซึ่งเป็นห้องพักผนังบางๆไม่กันกระสุน ซึ่งต่างจากห้องของตนเองที่ค่อนข้างแคบแลเล็กแต่กันกระสุนได้ ตนเองจึงขอตัดสินใจเข้าไปอยู่ ซึ่งตนเองก่อนจะเข้าไปอยู่ ได้ชวนเพื่อนคนไทยให้เข้าไปหลบด้วยแล้ว แต่ไม่มีใครเข้ามาหลบด้วย และมีเพื่อนคนไทยคนหนึ่งชวนตนเองมาหลบในห้องพักหมายเลข 5 ด้วยกันด้วย แต่ตนเองไม่ไปและขอกับเพื่อนคนนั้นว่า “หากทหารมาช่วยแล้ว ช่วยมาบอกผมด้วยนะ ผมขอแยกไปอยู่อีกห้อง” ซึ่งหากตนเองเข้าไปหลบในห้องหมายเลข 5 ตนเองคนตายไปแล้ว

 

นอกจากนี้ตนเองขณะหลบซ่อนตัวอยู่ ยังได้ยินเสียงกลุ่มฮามาสได้จับคนไทยไปเป็นตัวประกันอีด 3 คน โดยก่อนจับตัวไปกลุ่มฮามาสได้สอบถามกลุ่มคนไทยว่า “คุณอยู่ประเทศไหน?“ ตอนนั้นตนเองได้ยินเสียงคนไทยตอบว่า “พวกผมไม่ใช่หัวหน้า พวกผมเป็นคนไทย“ จากนั้นกลุ่มฮามาสจึงได้พา 3 คนไทยออกมาและยิงหัวรายคนจนเสียชีวิตทั้ง 3 คน ซึ่งตนเองมาทราบภายหลัง

 

ส่วนคลิปวิดีโอที่กลุ่มฮามาสบุกเข้ามายิงคนตายเกลื่อนภายในห้อง ซึ่งญาติของนายไม้เชื่อว่า เป็นห้องหมายเลข 5 ตนเองไม่มั่นใจว่าใช่ห้องดังกล่าวหรือไม่ เพราะช่วงเกิดเหตุตนเองมั่นใจว่า ไม่มีแรงงานคนใดกล้าถ่าย เพราะทหารไม่ให้ถ่าย

 

ส่วนแคมป์ของตนเองมีคนไทยทั้งหมด 24 คน รอดชีวิตทั้งหมด 11 คน ถูกยิงบาดเจ็บ 1 คน อยู่โรงพยาบาลตอนนี้ปลอดภัยแล้ว อีก 13 คนน่าจะเสียชีวิต โดย 4 คน พบศพในที่เกิด อีก 5 คนเป็นโครงกระดูกอยู่ในห้องหมายเลข 5 ยังไม่รู้ว่าเป็นใคร อาจจะเป็นนายไม้ ส่วน อีก 4 คนยังสูญหาย โดยแคมป์ของตนเองที่ถูกกลุ่มฮามาสบุกเข้ามา อยู่ใกล้แชนแดนฉนวนกาซามาก มองไปก็เห็นฉนวนกาซา ซึ่งห่างไม่ถึง 10 กิโลเมตร

 

โดยจนถึงตอนนี้ตนเองยังไม่ได้ติดต่อทางสถานทูตไทยและอยู่ระหว่างการติดต่อขอความช่วยเหลือ ตอนนี้อยากกลับบ้านมาก และรู้สึกถึงความอันตราย ความไม่ปลอดภัย ตัวเองอยู่ที่อิสราเอลมา 4 ปี ไม่เคยเจอเหตุการณ์แบบนี้ ซึ่งปกติก่อนที่ทั้งสองฝ่ายจะทำสงครามกันจะมีสัญญาณบอกเตือนก่อน พวกตนเองก็จะหาที่หลบภัยกันเตรียมตัวได้ทันมีนายจ้างมาบอก แต่ผิดกับครั้งนี้ ที่ทหารกลุ่มฮามาส บุกโจมตีแบบไม่ทันตั้งตัว

 

ซึ่งกลุ่มฮามาสได้ฉวยโอกาสบุกโจมตีในวันเสาร์นั้น เพราะส่วนใหญ่จะเป็นวันสวดมนต์ภาวนาของอิสลราเอลที่ทุกคนจะอยู่ในสถานที่ทำพิธีหรือบ้าน

 

ส่วนตนเองตอนนี้อยู่ในเขตปลอดภัยเรียบร้อยแล้ว ซึ่งในเขตที่ตนเองอยู่จะมีเขตรักษาความปลอดภัยมีทั้งหมด 3 ชั้น ทหารคุ้มกันแน่หนาทซึ่งตนเองอยากให้รัฐบาลไทยพาตนเองกลับบ้านโดยเร็วที่สุด และอยากฝากบอกไปถึงครอบครัวว่า “ผมอยากกลับบ้าน อยากให้ครอบครัวไม่ต้องเป็นห่วง”

 

นางสาวสายใจ อายุ 28 ปี ภรรยาของนายไม้ เปิดเผยว่า ตนเองแต่งงานกับสามีได้ 3 ปีแล้ว จากนั้นสามีก็ขอไปทำงานที่อิสราเอล ทำงานตำแหน่งพนักงานขับรถสีมันฝรั่ง หลังรู้ข่าวและเห็นคลิปที่เชื่อว่าสามีถูกยิงเสียชีวิต ตนเองนอนและกังวลมากไม่อยากให้เป็นความจริง และส่วนตัวยังไม่เชื่อว่าสามีจะเสียชีวิต ถึงแม้ ลักษณะชายเสื้อสีม่วงในคลิปจะคล้ายกับสามีตนเองก็ตาม และขอรอการยืนยันจากทางการอีกครั้งหนึ่ง

 

สำหรับสามีไปทำงานที่อิสราเอลได้ราว 3 ปี โดยแชทข้อความล่าสุดที่คุยกันสามีคุยว่า “มีการยิงกันในแคมป์คนงาน” ตนเองก็บอกให้ดูแลตัวเองดี จากนั้นตนเองก็พยายามไม่ติดต่อได้ส่งข้อความและโทรไปก็ไม่สามารถติดต่อได้

 

นอกจากนี้เธอยังได้เล่าถึงลางสังหรณ์ก่อนที่จะเกิดเหตุอีกด้วยว่า เมื่อช่วงหนึ่งเดือนก่อนตนเองได้วิดีโอคอลคุยกับสามี โดยสามีได้พูดกับเพื่อนคนงานว่า “เมื่อคืนฝันว่าฟันร่วงหมดปาก” ตอนนั้นก็ได้ยินและถามว่าฝันจริงหรอ สามีก็บอกว่าจริง แต่ก็ไม่คิดเลยว่า วันนี้จะมาทราบข่าวร้าย และขอให้ไม่เป็นจริง ขอให้สามีรอดปลอดภัยกลับมา