กรณี หญิงอายุ 43 ปี ร้องไปยัง ”กัน จอมพลัง“ หลังถูกแฟนที่พึ่งคบกันแค่ 3 เดือน บุกมาทำร้ายร่างกายที่บ้าน ต่อหน้าลูก ใช้เหล็กทุบตี ชกต่อย ที่ใบหน้าหลายครั้ง จน เลือดคลั่งในสมองอาการสาหัสจนต้องเข้าผ่าตัดด่วน หลังจากฝ่ายหญิงรักษาตัวเสร็จไม่กล้ากลับบ้าน ต้องขออาศัยที่โรงพยาบาลชั่วคราว เพราะฝ่ายชายขู่เผาบ้าน และพังข้าวของในบ้าน แถมขโมยรถยนต์ของฝ่ายหญิง และขู่จะนำไปขาย ส่วนลูกทั้ง 2 คน ผอ.โรงเรียนช่วยรับเลี้ยงไว้ชั่วคราว  ทุกวันนี้ ใช้ชีวิตปกติไม่ได้ นั้น

 

วันนี้ (1 ต.ค.) กัน จอมพลัง หรือ นายกัณฐัศว์ พงศ์ไพบูลย์เวชย์ เดินทางมาพบกับสื่อมวลชน พา นางสาวปู อายุ43ปี ผู้เสียหายมาเจอสื่อ เพื่อขอความช่วบเหลือ และขอให้คดีที่มีการแจ้งความเอาไว้ที่ สภ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา เกี่ยวกับคดีทำร้ายร่างกายและลักทรัพย์มีความคืบหน้า

 

กัน จอมพลัง เผยว่า ตัวไหนได้รับร้องเรียนจากผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งอาศัยอยู่ในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา โดยเจ้าตัวเพิ่งออกจากโรงพยาบาลแต่ไม่สามารถอยู่ในพื้นที่ได้เนื่องจากหวาดกลัวความปลอดภัย เพราะไปคบหากับชายคนหนึ่งได้เพียงแค่ 3 เดือน แล้วถูก กระทืบและทำร้ายร่างกายพร้อมทั้งใช้เหล็กและของแข็งมีการทุบตีหลายครั้ง จนกระทั่งต้องหนีเอาตัวรอดไปรักษาตัวที่โรงพยาบาลเพราะเนื่องจากมีเลือดออกในสมอง โดยการก่อเหตุนั้นมีการกระทำต่อหน้าลูก 2 คน และที่สำคัญมีการขโมยรถกระบะของผู้เสียหายหลบหนีไปด้วย

 

หลังจากที่เจ้าตัวได้มีการแจ้งความเอาไว้ที่โรงพักสูงเนิน ตนเองได้มีการประสานไปยังผู้บัญชาการตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมาแล้ว เบื้องต้นกำลังมีการเร่งรัดติดตามเกี่ยวกับการออกหมายจับ ซึ่งตนเองก็อยากให้ผู้เสียหายได้รับความเป็นธรรม และอยู่อย่างปกติสุขเหมือนผู้หญิงคนอื่น และที่สำคัญไม่ต้องอยู่อย่างหวาดกลัวหรือหลบหลบซ่อน

 

ส่วนการกระทำของชายคนดังกล่าวนั้น ตนเองมองเป็นคนที่ไม่กล้าพอ เก่งแต่ในโซเชียล เก่งแต่ในไลน์ ที่มีการข่มขู่และหาเรื่องผู้หญิง แต่ในความเป็นจริงแล้วไม่กล้าเผชิญหน้าและยอมรับการกระทำที่ทำเอาไว้ ดังนั้นตนเองจึงอยากติดตามความคืบหน้าและดำเนินคดีให้ถึงที่สุดกับคนแบบนี้ ที่มีการทำร้ายผู้หญิง

 

ด้าน นางสาวปู อายุ 43 ปี ผู้เสียหาย ซึ่งเป็นเจ้าของร้านขายข้าวแกงชื่อดังในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา (คนในพื้นที่เรียกว่าเจ๊ปู) เปิดใจว่า ตนเองไปคบหากับนายอ้น อายุ 39  ปี เพราะเนื่องจากรู้จักกันตั้งแต่สมัยเด็กและเป็นคนในหมู่บ้านด้วยกัน แต่ก็ไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงลึกลึกลึกซึ้งหรือจะคบหากัน จนกระทั่งโตและตนเองมีครอบครัว แล้วเลิกรากับอดีตแฟน จึงได้เปิดโอกาสให้นายอ้นเข้ามาในชีวิต ซึ่งพูดคุยกันได้ไม่นานแต่ก็เป็นเพื่อนกันมาก่อนนานพอสมควร แล้วตัดสินใจที่จะให้นายอ้นเข้ามาอยู่ในชีวิต โดยช่วงเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน 2566 ตอนที่คบหากันช่วง2เดือนแรก ไม่ได้มีปัญหาอะไรกันคบหากันตามปกติ แต่พอเข้าสู่เดือนที่3 คือ กรกฎาคม 2566 ปรากฏว่าช่วงต้นเดือนเริ่มถูกทำร้ายร่างกาย เพราะคิดไปเองว่าตนเองมีชายใหม่หรือมีความสัมพันธ์กับชายอื่น ทั้งที่ตนเองไม่ได้มีอะไรกับใคร ตั้งหน้าตั้งตาทำมาหากินและขายของไปวันๆ แต่ก็ถูกทำร้ายต่อเนื่องมาโดยตลอด

 

โดยเหตุการณ์ครั้งแรกเกิดขึ้นเมื่อ 22 กรกฎาคม 2566 โดยถูกกล่าวหาว่ากลับบ้านผิดเวลา ไปมีชายอื่นนอกบ้าน หลังจากกลับมาถึงบ้านถูกปิดประตูบ้านซ้อม ซึ่งใช้ทั้งเหล็กทั้งไม้และสิ่งของในบ้าน รวมทั้งใช้ทั้งกำปั้นและส้นตีนกระทืบ จนกระทั่งตนเองได้รับบาดเจ็บ แต่เหตุการณ์ครั้งนั้นได้มีการแอบติดต่อญาติที่เป็นผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านรวมถึงญาติคนอื่นเข้ามาช่วยเหลือ จนมีการแจ้งความดำเนินคดีเอาไว้ และเหตุการณ์ครั้งนั้นมีการปิดบ้านซ้อมและกระทืบต่อหน้า2คน

 

เหตุการณ์ครั้งที่2เกิดขึ้นถัดมาช่วงประมาณ  8 สิงหาคม 2566 เหตุการณ์ครั้งนั้นตนเองถูกกระทืบและทำร้าย โดยตัวของนายอ้นเรียกให้ขึ้นบนรถ ก่อนที่จะถูกกระทืบและทำร้ายในรถ ซึ่งมีการจับหัวโขกกับคอนโซลโซน จนกระทั่งสมองได้รับการกระทบกระเทือนและมีเลือดออกในสมองสมอง ซึ่งเหตุการณ์ครั้งที่สองนั้นก็เกิดจากความเข้าใจผิด ที่คิดว่าตนเองมีชายอื่นจึงเรียกขึ้นมาเคลียร์บนรถ แล้วมีการทะเลาะกันเพราะคุยกันไม่รู้เรื่อง จึงถูกทำร้ายร่างกาย และเหตุการณ์ถัดมาหลังจากนั้นวันที่ 10 สิงหาคม ตนเองจึงเดินทางไปแจ้งความเอาไว้ที่โรงพักสูงเนิน ก่อนที่จะไปโรงพยาบาลเพื่อเข้ารับการรักษาแล้วได้รับการผ่าตัดเอาเลือดคลั่งในสมองออก โดยเข้ารับการรักษาช่วงตั้งแต่เดือนสิงหาคมนับตั้งแต่ที่เกิดเหตุ และเพิ่งออกจากโรงพยาบาลเมื่อวันที่ 19 กันยายน ที่ผ่านมา

 

สำหรับพฤติกรรมของนายอ้นตนเองก็ไม่คิดว่าจะทำเกินกว่าเหตุและทำรุนแรงกับตนเองแบบนี้ในฐานะที่เป็นเพศแม่  เพราะเข้าใจว่าเป็นเพื่อนที่รู้จักกันมานาน และก่อนที่จะเปลี่ยนความสัมพันธ์มาคบหากัน เพราะที่ตัดสินใจคบหาช่วงเดือนแรกๆ ก็ไม่ได้มีอารมณ์รุนแรงแบบนี้ แต่เข้าใจว่าอาจมีส่วนของเรื่องยาเสพติดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ ทำให้อารมณ์แปรปรวน แล้วไม่พอใจคิดไปเอง จนเป็นเหตุทำร้ายร่างกายตนเองบ่อยครั้ง และหลังจากเกิดเหตุการณ์ครั้งนี้ตนเองก็หวาดกลัวอยู่ในพื้นที่ไม่ได้ เนื่องจากถูกข่มขู่ แล้วมีการทำลายข้าวของ จุดไฟเผาบ้าน แล้วมีการถ่ายภาพนิ่ง ส่งมาข่มขู่ให้กลับมาหากไม่กลับมาจะมีการเผาให้วอด ฉะนั้นหลังจากเกิดเหตุตนเองจึงอยู่ในพื้นที่ไม่ได้ จึงหนีมาขอความช่วยเหลือกับการจอมพลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในวันนี้

 

อย่างไรก็ตาม นางสาวปู เผยอีกว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ว่าตนเองถูกทำร้ายร่างกาย รวมทั้งลูกๆต้อง ไปพักอาศัยอยู่กับคนอื่นเพราะกลัวว่าจะถูกทำร้าย ทุกวันนี้ตนเองก็อยากจะเจอลูกมากแต่ก็ไม่กล้าไปเจอเพราะกลัวถูกดักตีช้ำ และที่สำคัญกลัวว่าลูกจะไม่ปลอดภัย ตนเองจึงอยากให้ตัวของนายอ้นได้รับโทษตามกระบวนการของกฏหมาย และตนเองจะได้กลับไปใช้ชีวิตได้ตามปกติ พร้อมทั้งยืนยันต่อหน้าสื่อว่าวันนี้ จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตนเองจะไม่กลับไปคบหา และจะไม่ยุ่งเกี่ยวกับคนแบบนี้อีก เพราะทำให้ชีวิตของตนเองทุกวันนี้พังไปหมด

 

ทีมข่าวได้เดินทางมาที่บ้านพักที่เกิดเหตุของนางสาวปู ผู้เสียหายที่ร้องกัน จอมพลัง  โดยอยู่ในต.นากลาง อ.สูงเนิน จ.นครราชสีมา  เป็นบ้านเดี่ยว1 ชั้น  ซึ่งปิดเงียบไม่มีใครอยู่  และไม่มีรถจอดอยู่ในบ้าน  เราสังเกตุเห็นสภาพตัวบ้านพัก  บริเวณประตูกระจกทางเข้ามีร่องรอยถูกทำลายกระจกแตก  ซึ่งบริเวณพื้นหน้าบ้านตรงลานจอดรถ  มีคราบน้ำเปื้อนอยู่  ส่วนบริเวณด้านข้างของตัวบ้านพักเฟรมหน้าต่างมีร่องรอยที่ได้รับความเสียหาย

 

โดยเพื่อนบ้านบอกว่า  ตนเองรู้จักกับนางสาวปู  โดยนางสาวปูมาซื้อบ้านพักที่เกิดเหตุเมื่อประมาณ 4-5 ปีที่แล้ว  ย้ายจากจังหวัดปทุมธานีมาทำงานขายข้าวแกงในโรงงานแห่งหนึ่งในจ.นครราชสีมา  ช่วงแรกนางสาวปูใช้ชีวิตอยู่กับสามีโดยมีลูกด้วยกันสองคน  ต่อมาเลิกรากับสามีประมาณช่วงต้นปีนี้ แล้วได้ไปรู้จักกับชายคนหนึ่ง  ต่อมาคบหากันเป็นแฟน  ซึ่งประมาณ 2-3เดือนที่แล้วฝ่ายชายก็ย้ายมาพักอาศัยด้วยที่บ้านพักหลังนี้

 

ระหว่างที่นางสาวปูอยู่กับแฟนใหม่ก็ได้ยินเสียงทะเลาะกันบ่อยครั้ง  และเคยได้ยินฝ่ายชายทุกผนังบ้านด้วยความไม่พอใจ  แต่ในส่วนที่ทำร้ายร่างกายนางสาวปูหรือไม่ตนไม่ทราบข้อเท็จจริงเรื่องนี้  แต่มีอยู่หนึ่งครั้งที่ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องด้วยความเจ็บปวด ต่อมาช่วงประมาณเดือนกรกฎาคมก็ทราบว่าฝ่ายหญิงได้รับบาดเจ็บจนต้องเข้ารักษาตัวที่โรงพยาบาล  ตนเองจึงทราบภายหลังว่าแฟนใหม่เป็นคนทำร้าย  ส่วนใหญ่หากนางสาวปูถูกทำร้ายร่างกายจะไปขอความช่วยเหลือที่ร้านค้าปากซอยหมู่บ้าน

 

หลังนางสาวปูออกจากโรงพยาบาลก็ปรากฏว่าไม่ได้มาพักอาศัยที่บ้านหลังนี้อีกเลย  มีเพียงแฟนใหม่ของนางสาวปูที่เข้ามาพักอาศัยและเพิ่งย้ายออกจากบ้านพักหลังนี้ช่วงเดือนก่อนพร้อมรถของนางสาวปู

 

ขณะที่นางดาว (นามสมมติ) อายุ 44 ปี  เป็นพลเมืองดีที่ช่วยเหลือผู้เสียหายตลอด เล่าว่า  ช่วงแรกนางสาวปูกับสามีย้ายมาที่บ้านพักเกิดเหตุ  ก็เป็นครอบครัวที่ช่วยกันทำมาหากินปกติ  จนกระทั่งสามีนอกใจไปมีคนอื่นจึงมีการเลิกรากันไป  ต่อมานางสาวปูก็เป็นคนเลี้ยงลูกทั้งสองโดยลำพัง 

 

กระทั่งไม่กี่เดือนที่ผ่านมานางสาวปูเป็นรู้จักกับผู้ชายที่ก่อเหตุมีการติดต่อพูดคุยกันทางเฟซบุ๊ก  ช่วงแรกแฟนใหม่นางสาวปูไปๆมาๆ บ้านพักนางสาวปู  แต่ระยะหลังย้ายเข้ามาพักอาศัยที่นี่ ตนก็ยังไม่ทราบข้อมูลตอนนั้นว่าทั้งสองมีการทะเลาะและทำร้ายร่างกายกันหรือไม่

 

จนกระทั่งประมาณช่วงเดือนกรกฎาคมนางสาวปูมาขอความช่วยเหลือจากลูกสาวตน  โดยโทรศัพท์มาบอกขอให้ไปช่วย  จึงต้องแจ้งผู้ใหญ่บ้านให้ไปดูบ้านที่เกิดเหตุ จนกระทั่งทราบว่าผู้ชายใช้ปืนขู่นางสาวปูในบ้านพัก  หนำซ้ำทำร้ายร่างกายจนบาดเจ็บ  หลังช่วยได้ก็พาไปโรงพยาบาลได้รับบาดเจ็บบริเวณศีรษะ ส่วนแฟนใหม่นางสาวปูยังคงอาศัยที่บ้านพักแล้วตอบมาก็ขโมยรถของนางสาวปูออกจากบ้านพักที่เกิดเหตุหนีไปอยู่ที่อื่นแทน

 

ยอมรับว่าสงสารนางสาวปูที่ถูกแฟนใหม่ทำร้ายร่างกาย  ซึ่งต้องนำลูกคนหนึ่งไปให้ผอ.โรงเรียนเลี้ยงชั่วคราว  ส่วนลูกอีกหนึ่งคนให้สามีเก่ามารับไปเลี้ยงชั่วคราว  ก็อยากให้กัน จอมพลังช่วยเรื่องนี้จนสำเร็จ

 

 

หนุ่มบาทาโหดตื้บแฟนเลือดคั่งสมองปางตาย แฉจับขังซ้อมในบ้าน ตำรวจบุกช่วยยังโกหกหน้าด้าน