ทีมข่าวช่อง 8 ได้ตรวจสอบกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม ในคืนวันที่ 6 ก.ย. วันเกิดเหตุ เวลาประมาณ 21.35น. (เวลาช้า 2 นาที) กล้องวงจรปิดจับภาพรถมอเตอร์ไซต์ของนายโบ๊ท ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ และเป็นคนที่ให้การยืนยันว่าเป็นคนทำลายหลักฐานเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดทั้งบ้านที่เกิดเหตุ และบ้านของกำนัน ขณะที่รถมอไซค์ออกจากบ้านกำนัน มุ่งหน้าไปที่คลองตาก้อง ห่างจากบ้านกำนันนกประมาณ 800 เมตร จับภาพรถมอเตอร์ไซต์ของนายโบ๊ท มุ่งหน้าเอาเซิร์ฟเวอร์ไปทิ้งจุดที่ 1

จากนั้นกล้องวงจรปิดชุดเดิม จับภาพได้ต่อเวลาประมาณ 21:44 น. (เวลาช้า 2 นาที) เห็นรถของนายโบ๊ท ขับย้อนกลับเข้ามาเพื่อไปที่บ้านของกำนัน ก่อนที่จะไปเอาเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดที่บ้านกำนันไปทิ้งในเวลา 22.50 น. ซึ่งเป็นจุดที่ 2

ส่วนนายโบ๊ทที่ถูกคุมตัวไปสอบปากคำที่กองบัญชาการตำรวจภูธรภาค 7 โดยทีมข่าวพยายามถามเจ้าตัวว่า ตำรวจ 2 นายที่สั่งให้นำเซิร์ฟเวอร์ไปทิ้งน้ำเป็นใคร แต่เจ้าตัวไม่ปริปาก

ด้านนายระยอง พ่อของโบ๊ท เปิดเผยกับทีมข่าวว่า วันนี้มาเป็นเพื่อนลูกชายหลังตำรวจนำตัวลูกชายมาสอบปากคำ และให้การรับสารภาพว่านำเซิร์ฟเวอร์วงจรปิดไปโยนทิ้งน้ำ

จากการสอบถามกับลูกชายเมื่อคืนนี้ ลูกชายยอมรับว่า อยู่ในงานเลี้ยงที่บ้านของกำนันนกในคืนวันเกิดเหตุจริง แต่อยู่ห่างจากจุดที่มีการก่อเหตุ แต่ยืนยันว่า ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ส่วนประเด็นเรื่องการนำเซิร์ฟเวอร์วงจรปิดไปโยนทิ้งน้ำ นายระยองบอกว่า ไม่ได้สอบถามกับลูกชาย รวมถึงตัวลูกชายก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ตนเองฟัง

ส่วนตัวแนะนำลูกชายไปว่า ให้ให้ข้อมูลกับพนักงานสอบสวนอย่างตรงไปตรงมา หากผิดจริงก็ให้ยอมรับผิดไป แต่ถ้าลูกชายไม่ได้กระทำความผิด ตนเองก็อยากทวงคืนความยุติธรรมให้กับลูก

นายระยอง ยังบอกอีกว่า ส่วนตัวก็รู้จักคุ้นเคยกับกำนันนกดี ที่ผ่านมาเวลามีงานเลี้ยงสังสรรค์กำนันนกก็มักจะโทรมาตามเพราะ นับถือกันอยู่ เป็นเพื่อนบ้านกันแม้ว่าจะอยู่คนละหมู่ แต่ก็อยู่ในพื้นที่ที่กำนันนกดูแล ส่วนอุปนิสัยของกำนันนก ที่ผ่านมาก็เป็นคนดี แต่เรื่องที่เกิดขึ้นถือเป็นเรื่องส่วนตัว ขอไม่ยุ่งเกี่ยว

ทีมข่าวเดินทางไปที่บ้านพักของนายฐิตินันท์ หรือโบ๊ท เจ้าหน้าที่เรือนจำกลางราชบุรี โดยพบว่าภายในบ้านพักมีเพียงญาติของนายโบ๊ทอยู่สองคนเท่านั้น ทีมข่าวได้พูดคุยกับนางพร (นามสมมติ) อายุ 70 ปี ป้าของนายโบ๊ท เผยส่วนตัวเชื่อว่าหลานตนไม่ผิดและไม่เกี่ยวข้องในคดีกำนันนก ยอมรับว่าครอบครัวตนเป็นญาติห่างๆ กับกำนันนก ซึ่งหลานชายก็รู้จักกับกำนันนานแล้ว เพราะเป็นญาติห่างๆ กัน

ช่วงที่หลานชายไม่มีงานทำ กำนันนกก็วานให้หลานชายไปขับรถให้ และให้เงินค่าตอบแทน จนกระทั่งหลานได้งานเป็นพนักงานราชการที่มาปฏิบัติหน้าที่ในเรือนจำกลางราชบุรี ช่วงเดือนตุลาคม 2565 ยังทำงานไม่ถึงปี แต่ก็ยังติดต่อกำนันนกอยู่

คาดว่าเพราะหลานเป็นคนสนิทกำนันนกจึงอยู่ในงานเลี้ยงด้วย แต่ที่ทราบหลานแค่ยืนเฉยๆ ในงาน ไม่ได้ไปร่วมก่อเหตุ และก็เชื่อว่าไม่ได้เป็นคนนำเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดไปโยนทิ้งน้ำ แต่ในส่วนที่ให้ปากคำตำรวจตนไม่ทราบข้อมูลส่วนนี้ ขณะที่เรื่องกรมราชทัณฑ์มีคำสั่งด่วนปลดหลานออกจากพนักงานราชการเรือนจำกลางราชบุรี ก็เป็นเรื่องส่วนตัวของหลาน ตอนนี้คนในครอบครัวทำได้เพียงให้กำลังใจเท่านั้น

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวได้มีการตรวจสอบจากภาพมุมสูง ซึ่งทีมข่าวช่อง 8 ได้มีการบินโดรนจากจุดทิ้งเซิร์ฟเวอร์บ้านที่เกิดเหตุห่างจาบ้านกำนันนก จะเห็นว่าบริเวณด้านหลังจะมีคลองตาก้อง ซึ่งเชื่อมโยงไปหาจุดทิ้งวงจรปิดเซิร์ฟเวอร์ที่ 1 โดยห่างจากบ้านของกำนันเพียง 800 เมตร ซึ่งไม่ต้องออกถนนใหญ่

จากนั้นทีมข่าวได้มีการเก็บภาพมุมสูง จุดที่มีการเจอเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดภายในบ้านของกำนันจุดที่2 ซึ่งจุดดังกล่าวหากมองจากภาพมุมสูงจะใช้ถนนภายในชุมชนลัดเลาะเพื่อมาทิ้งเซฟเวอร์ได้ โดยห่างจากบ้านกำนันเพียง 1.5 กิโลเมตรเท่านั้น

ทีมข่าวยังได้เดินทางกลับไปสำรวจบริเวณจุดที่พบเซิร์ฟเวอร์ตามคำให้การของนายโบ๊ท ซึ่งให้คำสารภาพ มีการนำเซิร์ฟเวอร์กล้องวงจรปิดจากบ้านที่เกิดเหตุ เอาไปทิ้งบริเวณจุดที่ 1 เวลาประมาณ 21:35 น. , และนำกล้องวงจรปิดจากบ้านของกำนันหลังจากที่มีการวางแผนกันหลบหนี เอาไปทิ้งที่จุดที่ 2 เวลาประมาณ 22:55 น.

ทีมข่าวสำรวจบริเวณจุดที่ 2 ซึ่งเป็นลักษณะสะพานข้ามคลอง โดยส่วนใหญ่จะมีชาวบ้านมาหาปลาและทิ้งอ้วนเอาไว้ช่วงกลางคืน และบริเวณรอบที่พบเซฟเวอร์ก็มีบ้านเรือนประชาชนอยู่สองริมคลอง

ด้านชาวบ้านในพื้นที่ เปิดเผยว่า ในคืนดังกล่าวตนเองก็ไม่ได้เห็นความผิดปกติอะไร มีแต่เสียงหมาเห่า ก่อนที่จะได้ยินเสียงคล้ายคนโยนของลงไปภายในคลอง ซึ่งตอนแรกก็เข้าใจว่าเป็นคนหาปลากลางคืน แต่หลังจากนั้นได้ยินคล้ายเสียงรถขับออกไป แต่แยกไม่ออกว่าเป็นรถมอเตอร์ไซค์หรือรถใหญ่ เพราะหลังจากที่ตื่นขึ้นมาดู ไม่พบความผิดปกติ

ขณะที่ตัวของนายโบ๊ท เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ที่ถูกคุมตัว และเป็นคนให้การกับตำรวจว่ามีการนำเซิร์ฟเวอร์มาทิ้งทำลาย ส่วนตัวไม่รู้จัก เข้าใจว่าไม่ใช่คนพื้นที่ เพราะตนเองก็อยู่ที่นี่มาไม่ต่ำกว่า 30 ปีไม่เคยเห็นหน้า แต่กำนันก็เข้าใจว่าเป็นคนพื้นที่อยู่แล้ว ตัวเองก็ไม่ได้รู้จักเป็นการส่วนตัว เพราะเข้าใจว่าช่วงหลังได้รับการแต่งตั้งเป็นกำนันเท่านั้น

ล่าสุด พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ระบุว่า เจ้าหน้าที่สามารถกู้ข้อมูลภาพเหตุการณ์จากเซิร์ฟเวอร์ที่ถูกนำไปทิ้งได้อย่างสมบูรณ์ทั้งหมด 100 % และเห็นนาทีสังหาร และบุคคลในเหตุการณ์ชัดเจน แต่ยังไม่ได้เห็นกับตัวเอง เป็นการได้รับรายงานทางโทรศัพท์

เห็นแล้วใครสั่งยิงสารวัตร วงจรปิดกู้สำเร็จ พยานแฉนาที "โบ๊ท" หิ้วเซิร์ฟเวอร์ทิ้งน้ำ