จากกรณีนายสรศักดิ์ หรือ ต้อม ถูกยิงเสียชีวิตบริเวณหน้าโรงแรมชื่อดังย่านเขาหลักเมื่อเวลาประมาณ 17.30 น.วันที่6 กันยายน 2566 โดยสภาพศพมีเลือดออกตามลำตัวนอนเสียชีวิต นอนเสียชีวิตอยู่ริมถนนหน้าป้อมใกล้ทางเข้าโรงแรม

เปิดวงจรปิดคนร้ายขับมอเตอร์ไซค์จ่อยิงหนุ่มรอรับเมียหน้าโรงแรมดัง

ทีมข่าวช่อง 8 ได้คลิปจากกล้องวงจรปิดก่อนเกิดเหตุและหลังเกิดเหตุุพบว่า กล้องตัวที่ 1 เวลา 18.22 น. จับภาพนายสรศักดิ์ ขับรถเข้าไปตามซอย มุ่งหน้าโรงแรมที่เกิดเหตุ

จากนั้นเวลา 18.22 น. จับภาพผู้ก่อเหตุ เป็นชายสองคน ขับตามหลังผู้ตายมา โดยกล้องตัวนี้จับภาพผู้ก่อเหตุได้ชัดเจน และเวลา 17.23 น. กล้องที่หน้าโรงแรมที่เกิดเหตุ จับภาพผู้ก่อเหตุขับรถไปถึงหน้าโรงแรมแล้ววนรถกลับมาก่อเหตุ

และเวลา 17.23 น. จับภาพนายสรศักดิ์ คนตายขับรถมาจอดหน้าป้อมยามของโรงแรม เพื่อรอรับภรรยา แล้วจับภาพคนร้าย 2 คน ขับรถผ่านคนตายมา เพื่อจะไปวนรถกลับ

เวลา 17.24 น. จับภาพคนร้าย วนรถกลับมายิงคนตาย แล้วเห็นคนตายวิ่งมาล้มหน้าป้อมและยังมีคลิปจากกล้องหน้ารถ ชาวบ้านคันหนึ่ง ช่วงต้นคลิปจะเห็นคนร้าย 2 คน ขับผ่านรถคันนี้ไป ก่อนจะมีเสียงปืนดังขึ้น 4 นัด

เชิญตัวนายไก่ หรืออาจารย์ไก่ เจ้าของที่ดินที่เคยมีปัญหากับผู้ตายมาสอบปากคำ

อาจารย์ไก่ (นามสมมติ) ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่า วันนี้ตัวเองก็มาให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งก็ได้ให้ปากคำในเรื่องของประเด็นที่ดินที่ตัวเองมีที่ดินติดต่อกับที่ดินที่ผู้ตายดูแลให้ญาติ

อาจารย์ไก่ ยอมรับว่า ก่อนหน้านี้เคยมีข้อพิพาทเรื่องที่ดินกับผู้ตายอยู่บ้าง แต่ไม่ถึงขั้นขัดแย้งกัน เพราะระยะหลังก็ได้เคลียร์กันแล้ว ซึ่งก็เป็นภาวะจำยอม ที่ผู้ตายได้ยอมเปิดทางให้ตัวเองเข้า-ออกตามกรอบของกฏหมายในความกว้าง 5 เมตร

ตอนที่ทราบข่าวว่านายสรศักดิ์ โดนยิงเสียชีวิตตัวเองก็รู้สึกตกใจมาก เพราะเขาก็ถือว่าเป็นเพื่อนบ้านตัวเอง และขอยืนยันว่าตัวเองไม่เกี่ยวข้องกับการตายของนายสรศักดิ์ในครั้งนี้ และตัวเองก็ไม่รู้สึกหนักใจตั้งแต่แรก เพราะได้ให้การทุกอย่างกับตำรวจตามความเป็นจริง


แม่ผู้เสียชีวิตเสียใจไม่รู้สาเหตุมาจากอะไรกันแน่

ทีมข่าวช่อง 8 ได้มาพูดกับนางภาวดี แม่ของผู้เสียชีวิต ให้สัมภาษณ์ว่า เมื่อวานนี้ภรรยาของลูกชายโทรมาบอกว่าลูกชายถูกยิงเสียชีวิต ยอมรับว่าตอนนั้นรู้สึกเสียใจมาก

สำหรับปมก่อเหตุตัวเองไม่รู้ว่ามาจากเรื่องอะไร เพราะลูกชายไม่เคยมาเล่าอะไรให้ฟัง เนื่องจากเชาจะอยู่กับภรรยาเป็นหลัก แต่ก็พอทราบมาว่า ลูกชายเคยมีปัญหาไม่ลงรอยกับอริ จนทำร้ายร่างกายอริลาดเจ็บสาหัสมาเมื่อปี 2559 แต่ฝั่งคู่กรณีเชาเรียกค่าเสียหาย 100,000 บาท แต่ลูกชายตัวเองไม่ยอมชดใช้ค่าเสียหาย จึงยอมถูกดำเนินคดีติดคุก 3 เดือน หลังจากนั้นก็ไม่เห็นว่าลูกชายจะไปมีเรื่องกับคู่กรณีรายนั้นอีก

ส่วนเรื่องปมปัญหาเรื่องที่ดิน ตัวเองก็พอทราบว่าลูกชายมีปัญหาขัดแย้งเรื่องนี้อยู่บ้าง แต่ก็ไม่อยากไปพาดพิงว่าเป็นใคร ซึ่งตัวเองก็ให้เป็นหน้าที่ของตำรวจในการสืบสวนสอบสวนหาตัวคนร้ายมาดำเนินคดีให้ถึงที่สุด

สะกดรอยฆ่ายิงกลางเมือง หนุ่มไปรับเมีย อุกอาจ แวะช็อปตลาดก่อนลั่นไก