หนุ่มช่างแอร์ ติดคุกฟรี 80 วันถูกปล่อยตัวแล้ว คุกเข่ากราบขอบคุณพ่อแม่ ด้านสายไหมต้องรอด ประสานกระทรวงยุติธรรมเร่งเยียวยาแพะ

เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 66 เวลา 20.00 น. นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ และทีมงานเพจสายไหมต้องรอด พร้อมครอบครัวผู้เสียหาย เดินทางไปรับนายอนุชา อายุ 26 ปี อาชีพช่างแอร์ ที่เรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ภายหลังบ่ายวันนี้ ศาลอาญารัชดา มีคำสั่งปล่อยตัว เนื่องจากพบว่าเป็นการออกหมายจับผิดตัว

นายเอกภพ กล่าวว่า สืบเนื่องจาก เมื่อวันที่ 10 ส.ค.66 นายกำพล ศิริพิน อายุ 58 ปี นางดวงพร อายุ 51 ปี ภรรยาเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกับเพจสายไหมต้องรอด กรณีนายอนุชาลูกชายถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจ บก.สปพ.(191) จับผิดตัวเมื่อวันที่ 13 มิ.ย.66 ที่ร้านแอร์ ซอยหทัยราษฎร์9 เขตและเขตมีนบุรี กทม. ตามหมายจับศาลอาญารัชดา ข้อหาไม่มารายงานตัวศาลตามที่กำหนดในคดีเสพยาเสพติดประเภท1ขณะขับขี่รถ นำตัวส่งดำเนินคดีพื้นที่เกิดเหตุที่สน.โคกคราม ส่งผัดฟ้องฝากขังศาลอาญารัชดา นำตัวไปคุมขังเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมาพ่อแม่นายอนุชายื่นขอประกันตัว 7 ครั้ง ศาลไม่อนุญาต ให้เหตุผลผู้ต้องหาหลบหนีมา 3 ปี ต้องติดคุกฟรี 80 วัน

นายเอกภพ เผยอีกว่า ตนประสานไปยังพล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 และ พ.ต.อ.ประภาส แก้วฉีด ผกก.สน.โคกคราม เพื่อขอให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงและให้ความเป็นธรรมกับผู้เสียหายอย่างเร่งด่วน ต่อมาพล.ต.ต.อรรถพล อนุสิทธิ์ ผบก.น.2 สั่งการให้ พ.ต.อ.ประภาส แก้วฉีด ผกก.สน.โคกคราม ตรวจสอบข้อเท็จจริงและพบว่าเป็นการออกหมายจับผิดตัว รวมรวมพยานหลักฐานให้พนักงานสอบสวนนำไปขอเพิ่งถอนหมายจับต่อศาล และศาลได้สั่งปล่อยตัวในวันนี้

นายเอกภพ เผยต่ออีกว่า ทั้งนี้ผู้ต้องหาตัวจริงทราบชื่อนายภูวดล ปิติพุทธพร อายุ 26 ปี เป็นเพื่อนนายอนุชา โดยเหตุการณ์กระทำผิดเกิดขึ้นเมื่อคืนวันที่ 23 ส.ค.63 นายภูวดล 25 ปี ขับรถฮอนด้า แจ๊ส สีเทา ไม่ติดแผ่นป้าย ถูกตำรวจ บก.สปพ. เรียกตรวจค้นพบพิรุธรถไม่ติดแผ่นป้ายทะเบียน ตรวจปัสสาวะเป็นสีม่วงส่งตรวจหาเสพติดพบมีสารเสพติดประเภท1อยู่ในร่างกายเจ้าหน้าที่แจ้งข้อหาเสพสารเสพติดประเภท1ขณะขับขี่

วันเกิดเหตุนายภูวดลอ้างไม่ได้นำบัตรประชาชนติดตัว อ้างว่าตัวเองชื่อนายอนุชา ศิริพิน ถูกพิมพ์ลายนื้วมือ วันรุ่งขึ้นเจ้าหน้าที่นำตัวไปผัดฟ้องฝากขังที่ศาล และทราบภายหลังว่าแม่ของผู้ต้องหาไปขอบัตรประชาชนของนายอนุชามาอ้างว่าเพื่อมาใช้เป็นหลักฐานประกันลูกชาย แต่เมื่อได้บัตรมาแล้วนำให้นายภูวดลให้เป็นหลักฐานว่าชื่อนายอนุชาตามที่ระบุไว้ครั้งแรกและวันนั้นมีนายประกันมาขอยืนประกัน2 หมื่นบาท นายภูวดลถูกปล่อยตัวชั่วคราว ต่อมาไม่มารายงานตัวตามศาลนัด ศาลออกหมายจับชื่อในบัตรประชาชน

ภายหลังมาร้องทุกข์เพจสายไหมพาพ่อแม่นายอนุชาไปร้องผบก.น.2 ตรวจสอบกับศาล ทราบว่าคดีนี้มีนายประกันช่วยปรักันตัวนายภูวดลออกไปติดต่อนายประกันมาดูตัวผู้ต้องหาพบว่าไม่ใช้นายภูวดลผู้ต้องหาตัวจริง และนายประกันยังมีหลักฐานยืนยันภาพถ่ายนายภูวดลที่ถ่ายไว้ในระหว่างทำเรื่องประกันตัว นำนายประกันขึ้นศาลเบิกความจนศาลมีคำสั่งให้ปล่อยตัว

ทั้งนี้ทราบภายหลังว่านายภูวดลทำศัลยกรรมเปลี่ยนหน้าเพื่อหลบหนีอีกด้วย

ต่อมาเวลา 20.10 น. ภายหลังจากที่นายอนุชา ผู้เสียหายได้รับการปล่อยตัวจากเรือน เมื่อเดินมาถึงบริเวณด้านหน้าประตูเรือนจำ ได้โผกอดพ่อ-แม่ และก้มลงกราบเท้า พร้อมกับยกมือไหว้

โดยนายอนุชา กล่าวว่า ขอบคุณขณะที่ตนอยู่ในเรือนจำรู้สึกกังวลและคิดว่าจะยอมรับสารภาพกับตำรวจ ส่วนสาเหตุที่ไม่ยอมให้ครอบครัวมาประกันตัว เนื่องจากไม่อยากให้เกิดความวุ่นวาย

ด้านนายเอกภพ กล่าวว่า หลังจากนี้จะไปดูข้อผิดพลาด ว่าเกิดขึ้นในตอนไหน หลังจากที่ ผู้เสียหายต้องมาตกเป็นแพะ ติดคุกถึง 80 วันและญาติพยายามประกันตัวถึง 7 ครั้ง แต่ศาลไม่อนุญาตให้ประกัน อยากฝากถึงท่านประธานว่าเรื่องการปล่อยตัวถือเป็นเรื่องสำคัญ สำหรับจำเลยเพื่อออกมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง จึงอยากให้กำหนดข้อกำหนดให้ชัดเจน แม้อาจจะมองว่าจำเลยตัวจริงหลบหนีไปถึง 3 ปี แต่เมื่อจับแพะมา ทางครอบครัวของผู้เสียหายได้บอกว่าลูกไม่มีส่วนรู้เห็นและไม่เกี่ยวข้องนั้น สิทธิการประกันตัวเป็นขั้นพื้นฐานที่ควรได้รับ แต่เมื่อผู้เสียหายไม่ได้รับการประกันตัวทำให้ทางผู้เสียหายบอกกับพ่อแม่ว่าจะขอรับสารภาพแทน เพราะไม่อยากให้ก็แม่ต้องเสียเงินทอง และเสียใจ หลังจากนี้จะไปดูเรื่องการเยียวยาที่กระทรวงยุติธรรม รวมถึงตรวจสอบข้อผิดพลาดที่เกิดขึ้น