จากกรณีเมื่อเวลา 18.30น.วันที่ 28 ส.ค.66 เจ้าหน้าที่ตำรวจสายตรวจทัพหลวงศิลาทอง สภ.บ้านไร่ อุทัยธานี ได้รับแจ้งจากผู้ใหญ่บ้าน ม.6 บ้านทุ่งนา ต.ทัพหลวง อ.บ้านไร่ ว่าพบรถถูกเผาและมีผู้เสียชีวิต 1 ราย รถ จยย.ถูกเผาไฟเหลือเพียงแต่โครงรถ บริเวณไร่แห่งหนึ่งในพื้นป่าอ้อย ที่ ม.6 ต.ทัพหลวง อ.บ้านไร่ จ.อุทัยธานี

ทราบชื่อผู้ตาย นางจำรูญ อายุ 57 ปี สภาพศพ ถูกยิงด้วยอาวุธปืนไม่ทราบขนาดเข้าที่ลำตัวหลายจุด 15 นัด ที่หน้าผาก ท้ายทอย ถูกมีดฟัน และกางเกงขายาวถูกถกมาจนเห็นกางเกงในของผู้ตาย โดยศพผู้ตายและตัวรถ จยย. คนร้ายนำไปเผา อยู่ห่างกันไปประมาณ 400-500 เมตร เบื้องต้นยังไม่ทราบสาเหตุการเสียชีวิต

จากสอบถามนายสุนทร อายุ 57 ปี ซึ่งเป็นสามีของผู้ตายให้การ ว่า เมื่อวานนี้ ช่วงเช้าตนเองยังกินข้าวกับผู้ตายอยู่ และผู้ตายบอกว่า จะออกไปฉีดยาข้าว ข้างป่ามัน และได้ห่อข้าว และต้มไข่ไปด้วย ตนเองยังบอกให้ต้มไป 3 ฟอง หลังจากนั้นตนเองกลับผู้ตายก็แยกทางกัน โดยที่ตนเองนั้นไปไร่อีกที่หนึ่ง จนเวลา ประมาณบ่าย ผู้ตายก็โทรมาหาตนเองว่า เกิดอาการไม่สบาย หลังจากนั้นก็ตัดสายไป

หลังจากนั้นจนช่วงเย็น ตนเองไม่เห็นผู้ตายกลับมาบ้าน จึงให้ลูกชายนายอาร์ม ออกไปตามแม่ ที่ไร่ก็พบว่าถูกฆ่าตายดังกล่าว ส่วนสาเหตุนั้นตนเองไม่ทราบว่าว่าเรื่องอะไร และที่บ้านก็ไม่เคยมีเรื่องอะไรกับใคร จึงขอให้เจ้าหน้าที่ช่วยติดตามจับกุมดังกล่าว


วันนี้ (29 ส.ค.) ช่วงสายวันนี้ ทีมข่าวลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุ ปรากฏว่าพนักงานสอบสวนและสืบสวน สภ.บ้านไร่ มีการเชิญตัวพยานสำคัญ ซึ่งเป็นคนที่รู้เบาะแสและความเคลื่อนไหวของนางจำรูญผู้ตาย โดยได้พามาชี้จุดเกิดเหตุ พร้อมกับให้เบาะแสเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นทั้งก่อนและหลังถูกฆ่า

มีการตรวจสอบก้นบุหรี่ , มีการตรวจสอบรอยล้อรถเพื่อเทียบกับมอเตอร์ไซค์ต้องสงสัย , มีการตรวจสอบความเชื่อมโยงบุคคลที่ผ่านเข้าออกไร่ช่วง12.00-17.00น.

โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการนำพยาน คือ นายนัน นามสมมติ มาชี้บริเวณจุดที่พบศพและจุดที่นางจำรูญคนตายนั่งถอนหญ้า อยู่บริเวณกลางทุ่งนา ซึ่งจุดดังกล่าวยังพบร่มสีเขียวเหลือง ซึ่งเป็นร่มที่ผู้ตายกลางเอาไว้ระหว่างที่นั่งถอนหญ้าอยู่กลางทุ่งนา ในวันเกิดเหตุ

และการพาพยายามลงพื้นที่มาในวันนี้ ยังได้มีการวัดระยะทาง เพื่อที่จะประกอบในสำนวนคดี โดยพนักงานสอบสวน ได้ใช้ตลับเมตรวัดระยะ จากจุดที่นางจำรูญคนตายนั่งถอนหญ้าอยู่กลางนา มายังคันนา ซึ่งติดกับริมถนนลูกรังในสวน โดยเป็นจุดที่พบล้อรถมอเตอร์ไซค์ผู้ต้องสงสัย และเป็นจุดที่คาดการณ์ว่าคนร้ายมีการมาจอดรถแล้วเข้าไปก่อเหตุกับคนตาย โดยจากจุดที่นางจำรูญนั่งถอนหญ้าจนถึงจุดที่พบรอยล้อรถต้องสงสัย มีระยะทางประมาณ 22 เมตร

จากนั้นพนักงานสอบสวน ได้มีการวัดระยะจากจุดที่คนตาย นั่งถอนหญ้าอยู่กลางนา ไปยังจุดที่เป็นไร่มันสำปะหลัง ที่มีความสูงประมาณ2เมตร สามารถบดบังสายตาคนที่ผ่านไปมาได้หากมีการก่อเหตุภายในไล่มัน ซึ่งระยะจากจุดที่ถอนหญ้า ไปยังจุดที่พบศพของนางจำรูญ ระยะอยู่ที่ 23 เมตร , โดยจุดที่ นางจำรูญนั่งถอนหญ้ายังคงมีขวดน้ำ2ขวบ ขวดนม และถุงข้าวที่ทานเสร็จแล้วทิ้งเอาไว้กลางนา และจากจุดดังกล่าวปรากฏว่ามีกองเลือดตกอยู่ แล้วจะเห็นเป็นลักษณะรอยลากคนตายจากจุดที่นั่งถอนหญ้าเข้าไปที่ไร่มันสำปะหลัง

และการลงพื้นที่มายังที่นาของคนตาย เจ้าหน้าที่ตำรวจยังได้มีการจำลองเข้าไปยืนอยู่ภายในต้นมันสำปะหลังที่มีความสูง 2เมตร และพยายามยืนขึ้น และชูมือขึ้น แล้วให้มองในระดับสายตาจากรถที่ผ่านไปมาบนถนนด้านนอก ปรากฏว่าไม่สามารถมองเห็นเพราะเนื่องจากต้นมันค่อนข้างสูง

และภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการวัดระยะรวมถึงทดสอบจำลองเหตุการณ์บริเวณที่นาของคนตาย

ได้เดินทางต่อไปอีก 300 เมตร เข้าไปบริเวณป่ายูคาลิปตัส ซึ่งปรากฏว่าเป็นจุดที่พบรถมอเตอร์ไซค์ของคนตาย ที่ถูกเผาจนกระทั่งไหม้เกรียมเหลือเพียงแค่โครงเหล็ก

โดยจุดดังกล่าวพบว่าต้องเดินเข้าไปจากถนนลูกรังอีกประมาณเกือบ 150 เมตร ซึ่งภายในจะเห็นว่าใบยูคาลิปตัสมีลักษณะเปลี่ยนสีเกิดจากความร้อนของการเผารถมอเตอร์ไซค์ อีกทั้งยังคงพบเศษกองขี้เถ้าสีดำ ซึ่งเป็นชิ้นส่วนและอะไหล่รถที่ถูกเผา โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเก็บหลักฐานเพิ่มเติม โดยเฉพาะชิ้นส่วนที่ถูกเผาไม่เพื่อไปทำการตรวจสอบเกี่ยวกับเชื้อเพลิง ที่คาดว่าคนร้ายมีการวางเพลิงเผารถ


หลังจากนั้นทางเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน ภจ.ว.อุทัยธานี สืบสวน ภาค 6 พร้อม ชุดสืบสวน สภ.บ้านไร่ ได้เชิญนายสุนทร สามีของผู้ตาย พร้อมนายอนุวัฒน์ อายุ 31 ปี ซึ่งเป็นลูกชายผู้ตายมาสอบปากคำเพิ่มเติม ที่สภ.บ้านไร่ โดยได้แยกห้องสอบพร้อมกับได้ตรวจหาสารเสพติดในร่างกายของนายอนุวัฒน์ พบว่ามีสารเสพติด (ยาบ้า) โดยให้การรับสารว่าเสพยามาจริง

แต่ปรากฏว่า นายสุนทร หลุดพูดออกมาระหว่างสอบปากคำว่า "ลูกชายคือนายอาร์มเคยขู่ฆ่าแม่ เพราะขอเงินแม่" จึงทำให้ตำรวจต้องมีการสอบเข้มนายอาร์ม ปรากฏว่าตัวของนายอาร์มลูกชายร้องไห้ออกมา และบอกว่าไม่รู้ใครฆ่าแม่

ตำรวจจึงได้มีการไปตรวจค้นที่บ้าน ปรากฏว่าสามารถตรวจยึดเสื้อผ้าที่สวมใส่เมื่อวานนี้ รวมถึงอาวุธปืน 2 กระบอก และมีดตะขอ เพื่อเตรียมส่งตรวจหาความเชื่อมโยงเกี่ยวกับหลักฐานในสำนวนคดี ว่าสอดคล้องตรงตามสภาพบาดแผลภายในร่างกายและสภาพศพของนางสาวจำรูญหรือไม่

แต่การสอบปากคำนายอาร์ม ยังไม่ได้ให้การที่เป็นประโยชน์ ซึ่งอ้างแต่ว่าตนเองไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้อง และไม่ได้รู้เห็นเกี่ยวกับการตายของแม่

ภายหลังเจ้าหน้าที่ตำรวจทราบความเชื่อมโยง และคาดการณ์ได้ว่านายอาร์มลูกชายของคนตายอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง จึงได้ไปบอกกับทางนายสุนทรสามีของคนตาย ซึ่งหลังจากทราบเรื่องถึงกับร้องไห้ และฟุบลงบนโต๊ะในห้องสอบสวน

และวันเดียวกันนี้ เมื่อเวลาประมาณ 15:00 น. ที่ผ่านมา ครอบครัวของนางจำรูญ ได้เดินทางไปรับศพจากนิติเวช กลับมาตั้งบำเพ็ญกุศลที่บ้านในพื้นที่บ้านไร่ โดยเป็นการรับศพนั้นมีนายอาร์มซึ่งเป็นลูกชาย อยู่ในอาการโศกเศร้าเสียใจ โอบกอดโลงศพตอนที่เอาลงจากรถ ก่อนที่จะเข้าไปก้มกราบเท้าของแม่ ก่อนที่จะมีพิธีรดน้ำศพ ซึ่งนายสุนทรสามีคนตาย ได้ให้อาร์มและนายโอมลูกชาย ทั้ง2คน ทำพิธีขอขมาศพและรดน้ำศพ ก่อนที่จะมีการบรรจุร่างลงสู่โลงเย็นและรอประกอบพิธีทางศาสนา

ขณะเดียวกันได้มีญาติอีกกลุ่มหนึ่งซึ่งเป็นญาติๆคนตาย ได้มีการนำสวิงพร้อมกับผ้าถุงของคนตาย และนิมนต์พระสงฆ์1รูป ไปประกอบพิธีเชิญดวงวิญญาณ และเรียกให้วิญญาณกลับมารับบำเพ็ญกุศลทางศาสนา

ฆ่าเผาสาวใหญ่ ลูกกอดศพโฮลั่น แต่ ตร.บุกเค้นถึงกับหน้าซีดคดีส่อพลิก