จากกรณีทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศเดินทางกลับประเทศไทยในวันที่ 22 สิงหาคม 2566  ทำให้คนเสื้อแดงภาคอีสานหลายจังหวัด ออกมาเคลื่อนไหว กันอย่างคึกคัก ด้วยกันเหมารถเดินทางไปที่สนามบินดอนเมือง ส่วนที่ชมรมคนรักอุดร ซึ่งเป็นจุดศูนย์รวมของคนเสื้อแดงอุดรธานี กลับเงียบเหงา ไม่มีความเคลื่อนไหว หรือเรียกรวมตัวกันเพื่อไปรับอดีตนายกทักษิณแต่อย่างใด

 

โดยนายขวัญชัย สาราคำ หรือไพรพนา อดีตประธานชมรมคนรักอุดร หรืออดีตแกนนำคนเสื้อแดงอุดรธานี เปิดเผยว่า มั่นใจว่าครั้งนี้ท่านนายกทักษิณ กลับมาแน่นอน เพราะต้องการกลับมาแก้ปัญหาให้พี่น้องชาวไทย และจะมีคนเสื้อแดงจากภาคอีสานเดินทางไปรับจำนวนมาก ส่วนคนเสื้อแดงอุดรธานี ตนได้หยุดบทบาทแกนนำแล้ว เพราะปัญหาสุขภาพ จึงไม่มีแกนนำเรียกรวมคนเสื้อแดง เพื่อเดินทางไปรับนายกทักษิณ ซึ่งทราบมาว่าคนเสื้อแดงที่ยังรักพรรคเพื่อไทย และรักนายกทักษิณ ต่างคนต่างไปเดินทางไปเอง ไม่ได้รวมกลุ่มเดินทางเหมือนเมื่อก่อนแล้ว

 

“ส่วนเรื่องที่มีคนเสื้อแดงหลายคนยุติบทบาทกับพรรคเพื่อไทย เนื่องจากพรรคเพื่อไทยหันไปจับมือกับพรรค 2 ลุงนั้น ตนเชื่อว่าเมื่อนายกทักษิณกลับมา พรรคเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาล ก็จะช่วยให้ประเทศเศรษฐกิจดีขึ้น มีผลงานดี เชื่อว่าคนเสื้อแดงที่ยุติบทบาทจากพรรคเพื่อไทย และลาออกจากสมาชิกพรรคไป ก็จะหันกลับมารักพรรคเพื่อไทยและรักท่านนายกทักษิณเหมือนเดิม”

 

ส่วนนางกุหลาบ ยศอ่อน หรือหงส์ทอง ดาวอุดร นักร้องหมอลำ และนักจัดรายการวิทยุ อดีตแกนนำคนเสื้อแดงอุดรธานี เปิดเผยว่า  หลังจากที่ตนเผารูปนายกทักษิณ และเสื้อพรรคเพื่อไทยทิ้ง เพื่อหมดใจกับพรรคเพื่อไทย ทำให้หลายคนคิดว่าตนเป็นด้อมส้ม ซึ่งไม่จริงเลย ส่วนสาเหตุที่คนเสื้อแดงอุดรธานีไม่มีแกนนำ และเดินทางไปรับนายกทักษิณน้อยลง ก็เพราะนักต่อสู้จริงๆ รับไม่ได้ที่ไปจับมือกับ 2 ลุง เพราะตนต่อสู้กับเผด็จการจนติดคุก ขายบ้าน ให้ทุนตัวเอง เงินตัวเอง หมดทุกสิ่งทุกอย่าง ทำให้รู้สึกหมดศรัทธาและสิ้นหวัง แต่ก็ยังรักนายกทักษิณเหมือนเดิม รักพรรคเพื่อไทยเหมือนเดิม แต่ไม่ชอบผู้บริหารพรรครุ่นใหม่”

 

“ทำไมพรรคเพื่อไทยถึงไม่รอ อยากให้รอก่อนจะไปจับขั้วใหม่ รอให้ สว.หมดวาระก่อนได้หรือไม่ แต่กลับไม่รอ โดยอ้างว่าประเทศต้องเดินหน้า ส่วนสาเหตุที่คนเสื้อแดงอุดรธานีไปรับนายทักษิณน้อย ก็เพราะคนเราฉลาดขึ้น รู้ว่าถ้ามาจริงจะต้องถูกนำตัวไปที่ไหน คนเสื้อแดงก็ไม่ได้พบ เพราะนายกทักษิณเป็นนักโทษ มีหลายคดีด้วย คนแก่เริ่มฉลาดแล้ว จากการท่าพูดคุยกับแกนนำต่างจังหวัด ก็ยังเชียร์เหมือนเดิม เพราะความรู้สึกเก่าๆ ยังหลงเหลืออยู่ หากจัดตั้งรัฐบาลได้จริง ก็ขอให้ทำงานเพื่อประชาชน” 

 

จากนั้นทางทีมข่าวจึงได้พบกับ นายนิยม นพรัตน์ อายุ50ปี หรือเค สามถุยส์ ซึ่งเป็นแกนนำกลุ่ม “The red FC” มาตั้งจุดอยู่บริเวณทางเข้าสนามบินดอนเมืองฝั่งเต้เล้ง เพื่อรอรับมวลชนเสื้อแดงที่จะมารับคุณทักษิณกลับประเทศไทย ทีมข่าวจึงเข้าไปสัมภาษณ์ เค สามถุย โดย เค สามถุย ได้เล่ากับทีมข่าวว่า

 

“ในวันนี้มาตั้งจุดแสตนบายรอตรงนี้ และจะรอยาวไปจนถึงช่วงวันพรุ่งนี้ที่คุณทักษิณ กลับมา

โดยในช่วงเย็นวันนี้จนถึงพรุ่งนี้เช้าจะมีพี่น้องThe red FC จากต่างจังหวัด ในภาคเหนือ ภาคอีสาน และที่อื่นๆ มาที่สนามบินดอนเมือง คาดจำนวนไว้ไม่ต่ำกว่า5000คน ตนจึงมาตั้งจุดบริเวณนี่เพื่อรอรับ โดยมีการเตรียมน้ำ และ อาหารไว้รอรับพี่น้องที่มาจากต่างจังหวัด โดยจะรวมตัวกันที่บริเวณด้านหน้าทางเข้าสนามบินดอนเมืองฝั่งเจ้เล้งก่อน และในวันพรุ่งนี้จะเคลื่อนขบวนเข้าไปบริเวณหน้า บน.6 ซึ่งคาดว่าเจ้าหน้าที่จะต้องจัดให้คุณทักษิณ ใช้เส้นทางนั้น และได้ทำเรื่องขออนุญาตทางเจ้าหน้าที่ไว้แล้ว

 

และมั่นใจว่าคุณทักษิณ ต้องกลับมาจริงในรอบนี้ ถ้าไม่กลับมาตนต้อง”หอน”แน่ ที่มั่นใจเพราะว่าทางเจ้าหน้าที่ได้มีการซักซ้อมและจัดระเบียบในส่วนต่างๆไว้อย่างชัดเจน และได้แจ้งไว้กับทางเราว่าสามารถอยู่ตรงจุดไหนได้บ้างอย่างชัดเจน

 

จากกรณีที่ คุณอุ๊งอิ๊งค์ แคนนิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย ออกมาให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนถึงการขอโทษประชาชนหลังจากดีลพรรค2ลุงเจ้าร่วมการจัดตั้งรัฐบาล โดยกล่าวว่า

“เราทราบดีว่าการไม่ได้จัดตั้งรัฐบาลมันสามารถเกิดขึ้นได้ ฉะนั้น บางคนอาจจะมีความชัดเจน หรือไม่ชัดเจนในบางที แต่เรามีความตั้งใจ แล้ววันนี้เมื่อไม่เป็นอย่างที่เราคิด มันไม่เป็นไปตามที่เราแพลนไว้ เราจึงต้องมีการปรับเปลี่ยน เพื่อให้ประเทศชาติไปต่อ แน่นอนว่าพรรค พท.มีต้นทุนที่จะต้องจ่าย นั่นคือเสียงวิพากษ์วิจารณ์ของประชาชน เราขอน้อมรับและก็ต้องขอโทษที่ทำให้หลายคนรู้สึกผิดหวังหรือเสียใจ แต่หากพรรค พท.เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว เราทำเต็มที่เพื่อแก้ปัญหาให้ประชาชนที่มีอยู่มากมาย และเราก็จะก้าวข้ามผ่านสนามอารมณ์นี้ไปให้ได้ด้วยความเข้มแข็ง ด้วยการเอาประชาชนมาเป็นที่ตั้ง”

 

ในวันนี้ทีมข่าวจึงได้เดินทางไปพบ ดร.นันทนา นันทวโรภาส นักวิชาการด้านการเมือง เพื่อสอบถามความคิดเห็นจากกรณีดังกล่าว โดย ดร.นันทนา แสดงความคิดเห็นกับทีมข่าวว่า

 

“ก่อนอื่นเราต้องไปดูคำพูดที่ถอดออกมาเป็นคำๆของคุณอุ้งอิ้ง คุณอุ้งอิ้งบอกว่า “ ต้องขอโทษที่ทำให้หลายคนรู้สึกผิดหวังหรือเสียใจ” ซึ่งตรงนี้ไม่ได้พูดไปชัดๆว่าสิ่งที่ทำมห้ประชาชนผิดหวังมันคือ การไม่ทำตามสัญญา ที่ให้กับประชาชนไว้ก่อนเลือกตั้ง และพูดต่อว่า “ และเราก็จะก้าวข้ามผ่านสนามอารมณ์นี้ด้วยความเข้มแข็ง” ซึ่งตรงนี้มันเป็นการใช้ภาษาที่ดูดราม่า ซึ่งมันเป็นเหมือนละครหลังข่าวในเรื่องของอารมณ์ความรู้สึก แท้จริงมันไม่ใช่มันเป็นเรื่องของอุดมการณ์ เรื่องของหลักการณ์ การที่นักการเมืองจะไปประกาศให้ประชาชนมาเลือกนั้นก็จะต้องเสนอข้อเสนอนโยบายซึ่งเป็นเหมือนข้อสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน เมื่อชนะการเลือกตั้งแล้วก็ต้องกลับมาทำตามสัญญา ตรงนี้เลยไม่ใช่เรื่องของอารมณ์ แต่เป็นเรื่องของอุดมการณ์อละหลักการณ์ที่ได้สัญญากับประชาชนไว้ ดังนั้นแล้วเมื่อทำไม่ได้ก็ต้องออกมาขอโทษที่ทำไม่ได้ โดยมันไม่ใช่คำว่า “ขอโทษที่ทำให้เสียใจ” มันมากกว่าคำว่าผิดหวัง มันมากกว่าคำว่าเสียใจ มันคือการที่พรรคการเมืองไม่ได้ทำตามที่ให้สัญญาไว้ ดังนั้นตรงนี้มันต้องไม่ใช่การพูดแบบลอยๆ มันต้องชัดเจน และต้องมีการชี้แจงให้กับประชาชนได้ทรทบถึงเหตุผลที่ทำไม่ได้ ว่าเพราะอะไร ไม่เช่นนั้นจะเสียศรัทธาจากประชาชน

 

พรรคการเมืองเวลาจะรณรงค์หาเสียงให้ประชาชนเลือกจะต้องให้คำมั้นสัญญากับประชาชนหรือนโยบาย ว่าจะทำสิ่งใด และเมื่อได้รับการเลือกตั้งเข้ามาแล้วก็จะต้องทำในสิ่งที่ได้ให้คำมั่นสัญญาไว้ ถ้าทำไม่ได้ก็ต้องขอโทษประชาชนและชี้แจงให้ทราบว่าเพราะอะไรถึงทำไม่ได้ ส่วนประชาชนจะรับได้หรือไม่ก็ต้องอยู่ในส่วนตัดสินใจของประชาชน

 

วิธีการที่มาขอโทษ เหมือนกับพูดให้มันเลยๆไป เมื่อเปรียบเทียบกับสิ่งที่ทำไม่ได้แบบที่พูดไว้กับประชาชน หรือเรียกว่า “ตระบัตสัตย์ “ มันร้ายแรงมากกับการที่ไม่ได้ทำตามคำพูดที่ให้กับประชาชนไว้และออกมาขอโทษแค่ว่า “ขอโทษที่ทำให้เสียใจ” มันดูไม่จริงใจ และไม่สามารถชดเชนกับข้อสัญญาก่อนการเลือกตั้ง

 

 แล้วถ้ามองว่าเรื่องที่เชิญพรรคของ2ลุงไปร่วมนั้นเป็นเรื่องเล็กน้อยทำไมไม่ประกาศตั้งแต่ต้นว่าถ้าไม่ได้แลนด์สไลต์ จะต้องเชิญพรรคของ2ลุงมาร่วมให้ประชาชนได้รับทราบตั้งแต่ต้นแล้วดูว่าจะได้คะแนนเสียงเท่าไหร่ ไม่ใช่ว่าพอเลือกแล้วมากลับคำพูด มันตรงกันข้ามกับที่ให้สัญญากับประชาชนไว้ ซึ่งถ้าบอกประชาชนตั้งแต่ต้นมันก็จะไม่เป็นการผิดสัญญา ซึ่งมันทำให้ประชาชนหมดความเขื่อมั่นและหมดศรัทธา

ฟาดเจ็บ! อุ๊งอิ๊งค์ไม่จริงใจ "นันทนา" ถอดรหัสคำพูดไร้คุณค่า แดงแท้ลั่นไม่ไปรับเสียเวลา