กรณีเมื่อเวลา 15.30 น. วันที่ 6 ส.ค. ตำรวจ สภ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ได้รับแจ้งเหตุพ่อเลี้ยงทำร้ายลูกเลี้ยง โดยใช้มีดฟันได้รับบาดเจ็บสาหัส ที่บ้านพัก ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี

โดยคนเจ็บ ทราบชื่อ คือ นายธีรภัทร์ อายุ 17 ปี เป็นลูกเลี้ยงถูกฟันที่ศีรษะ 1 แผล ใต้แขนซ้าย 1 แผล เป็นแผลฉกรรจ์ นิ้วโป้ง 1 แผล ฝ่ามือขวา 1 แผล เจ้าหน้าที่อาสามูลนิธิป่อเต็กตึ้ง ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและนำส่งรักษาที่ รพ.บางพลี ส่วนผู้ก่อเหตุได้ขี่รถจักรยานยนต์หลบหนีไป ทราบชื่อว่า นายชินวัตร์ หรือเต๋า อายุ 27 ปี

ทีมข่าวเดินทางลงพื้นที่ไปยังที่เกิดเหตุ ซึ่งพบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นบ้านที่อาศัยอยู่กันเป็นครอบครัวใหญ่ แต่ช่วงกลางวันจะพากันออกไปขายปลาที่ตลาด จึงมีเพียงญาติบางคนที่อาศัยอยู่ที่บ้านเท่านั้น แล้วช่วงที่ทีมข่าวลงพื้นที่ไปนั้นพบว่ายังคงมีเลือดของนายธีรภัทร์หรือหนุน คนเจ็บ หยดเต็มพื้น ประกอบกับพัดลม หม้อหุงข้าว และข้าวของเครื่องใช้ในบ้านเต็มไปด้วยเลือด

นางพินยาภัทธ หรือยุ้ย อายุ 36 ปี แม่ของคนเจ็บ ในฐานะภรรยาของคนก่อเหตุ เปิดเผยว่า ตอนนี้อาการของลูกชายดีขึ้น ได้รับการเย็บแผลบริเวณศีรษะแล้ว ส่วนแขนฝั่งซ้ายกำลังจะเข้ารับการผ่าตัดในคืนนี้ เพราะเนื่องจากเส้นเอ็นขาด ส่วนแผลตามตัวก็ได้รับการทำแผลแล้ว ซึ่งลูกชายก็พ้นขีดอันตรายแต่ก็ยังเป็นห่วงเรื่องของแขนซ้ายที่ถูกมีดฟัน

โดยตอนเกิดเหตุนั้นตนเองออกไปขายของที่ตลาด ซึ่งออกจากบ้านได้ไหม ปรากฏว่าพี่สาวโทรมาแจ้งว่า พ่อเลี้ยงคือสามีของตนเอง ใช้มีดทำร้ายร่างกายลูกชายจนกระทั่งได้รับบาดเจ็บ ตนเองจึงรีบเข้ามา ซึ่งทันทีที่มาถึงปรากฏว่าทุกอย่างอยู่ในความสงบแล้ว เพราะเนื่องจากมีญาติเข้ามาห้ามและแย่งมีดออกไปจากนายเต๋า ส่วนลูกชายได้รับบาดเจ็บไปนั่งอยู่หน้าบ้านเพื่อรอรถกู้ภัยมารับ และในช่วงนั้นสังเกตว่า นายเต๋าหลังจากที่สงบสติอารมณ์ได้แล้ว พยายามใช้ผ้าไปซับเลือดและพันที่ศีรษะให้กับลูกชาย แต่ทั้งนี้แม้ว่า จะมีการทำดีในตอนหลัง ตนเองก็รับไม่ได้ เพราะถือว่ามีการทำกับลูกชายไปแล้ว ดังนั้นก็ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย และที่สำคัญ ความสัมพันธ์ของตนเองกับนายเต๋าก็จบลงเพียงแค่นี้ แม้ว่าจะคบหากันมานาน 3 ปี คงไปต่อไม่ได้

ตลอดช่วงที่ผ่านมา ยอมรับว่า ตนเองเข้าใจว่าอารมณ์ของนายเต๋าเป็นคนอารมณ์ร้อน เวลากินเหล้าก็จะเปลี่ยนไปเป็นคนละคน ซึ่งทุกครั้งที่ตนเองเห็นว่านายเต๋ากินเหล้าและขาดสติ ก็พยายามจะพาขึ้นรถไปขายของที่ตลาดหรือเอาไปส่งไว้ที่บ้านอีกหลัง เพื่อป้องกันเหตุไม่ให้มีเหตุการณ์แบบนี้ขึ้น แต่ก็ไม่คิดว่าวันนี้ตอนออกจากบ้าน เห็นว่าทั้งตัวของสามีและลูกชายก็คุยกันดีปกติ ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะก่อเหตุแบบนี้ขึ้น

ด้านนางสาวนภาวรรณ อายุ 46 ปี ป้าของคนเจ็บ ที่เห็นเหตุการณ์ เปิดเผยว่า ตั้งแต่ช่วงเช้า ก่อนเกิดเหตุ ตัวของนายเต๋าพ่อเลี้ยงก็อยู่ในอาการมึนเมา แล้วพยายามไปเคาะประตูแกล้งก่อกวนหลานชายซึ่งนอนเล่นเกมอยู่ในห้อง จึงทำให้หลานชายตวาดว่าเมาก็ให้ไปนอนหรือเมาก็ให้ไปอยู่ที่อื่น จนกระทั่ง ช่วงที่หลานชายกลับเข้ามาจากบ้าน หลังจากที่ไปซื้อกับข้าวจึงมาเผชิญหน้ากันอีกครั้ง และตอนนั้นตัวของนายเต๋าก็พยายามหาเรื่อง ทำให้หลานชายพูดไล่ให้ไปอยู่ที่อื่น จึงเกิดเป็นชนวนเหตุทำให้ถูกทำร้ายร่างกาย

ตอนที่เกิดเหตุตนเองได้ยินเสียงพ่อเลี้ยงและหลานทะเลาะกัน ตอนนั้นก็ไม่คิดว่าจะเกิดเหตุรุนแรง จนกระทั่งได้ยินเสียงหลานร้องขอความช่วยเหลือ ประกอบกับได้ยินเสียงคล้ายคนกำลังทำร้าย จึงออกมาแย่งมีด ซึ่งตอนนั้นเห็นว่าตัวของนายเต๋าพ่อเลี้ยงกำลังใช้มีดทำครัวสับไปตามร่างกายของหลานชาย จึงใจดีสู้เสือเข้าไปแย่งมีด เพราะไม่เช่นนั้นหลานชายก็คงจะตาย เนื่องจากมีการฟันซ้ำและพยายามฟันจนหลานชายช่วยเหลือตนเองไม่ได้

จากเหตุการณ์ครั้งนี้ตนเองในฐานะญาติก็อยากจะเอาผิดให้ถึง และไม่อยากให้ได้รับการประกันตัว เพราะกลัวว่าครอบครัวจะไม่ได้รับความปลอดภัย

ทีมข่าวยังได้เดินทางไปที่วัดแห่งหนึ่งภายในพื้นที่บางพลี ซึ่งพระพ่อของนายเต๋า จำวัดอยู่ โดยพระด้วง เปิดเผยสั้นว่า โยมแม่ของนายเต๋าเสียชีวิตไปนานแล้ว ส่วนตนเองก็มาบวชเป็นพระอยู่นาน ซึ่งเรื่องของทางโลกตนเองขอไม่ยุ่ง ทำผิดก็ต้องว่าไปตามกระบวนการของกฎหมาย และยืนยันว่าไม่ประกันตัวอย่างแน่นอน แต่ทั้งนี้ให้ลองไปถามฝั่งของแฟนใหม่คือนางสาวนุ้ยดูว่าจะประกันตัวหรือไม่ หากไม่ประกันก็ต้องยอมติดคุก และปัจจุบันตนเองก็ไม่ได้ติดต่ออะไรกับเจ้าตัว มารู้อีกทีก็ตอนเกิดเหตุแล้ว แต่ก็คงไม่ยุ่งอะไรมากเพราะเป็นเรื่องของทางโลก