สืบนครบาลปิดล้อม 3 ชั่วโมง รวบ "เบียร์ ดอนเมือง" จอมปีนฝ้า ละเมิดเด็กหญิงอายุ 13 ปี พบประวัติต้องโทษ 3 คดี

เจ้าหน้าที่ชุด PCT5 ร่วมกับสืบนครบาล และเหล่านักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 110 ร่วมกันสืบสวนติดตามจับกุมตัวนายพิเชษ หรือ “เบียร์ ดอนเมือง” อายุ 47 ปี ชาวจังหวัดร้อยเอ็ด ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลจังหวัดปทุมธานีที่ 226/2566 ลงวันที่ 24 ก.ค. 66 ข้อหา “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี โดยเด็กนั้นยินยอมหรือไม่ก็ตามโดยใช้กำลังประทุษร้าย โดยเด็กนั้นอยู่ในสภาวะที่ไม่สามารถขัดขืนได้”

จับกุมตัวได้ที่หน้าบ้านพัก ต.บางพูด อ.เมือง จ.ปทุมธานี

พบประวัติต้องโทษคดีอาญา 3 คดี
1.วันที่ 10 ส.ค. 55 ถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา “มียาเสพติดให้โทษประเภท 1 ไว้ในครอบครองฯ” พื้นที่ สภ.สามโคก
2.วันที่ 6 ก.พ. 56 ถูกจับกุมดำเนินคดีในข้อหา “เสพยาเสพติดให้โทษประเภท 1” พื้นที่ สภ.สามโคก
3.วันที่ 25 เม.ย. 66 ถูกแจ้งความดำเนินคดีในข้อหา “กระทำอนาจารแก่เด็กอายุยังไม่เกินสิบห้าปี” พื้นที่ สภ.สวนพริกไทย (คดีนี้)

พฤติการณ์กล่าวคือ นายพิเชษ หรือ “เบียร์ ดอนเมือง” ได้คบหากับหญิงสาวคนหนึ่ง โดยอยู่กินด้วยกัน ซึ่งบ้านอยู่ใกล้กันกับบ้านของ “เหยื่อ” เด็กหญิงสาวซึ่งอายุเพียง 13 ปี โดยนายพิเชษมักไปมาหาสู่และพบกันบ่อยครั้งกับเหยื่อหญิงสาวรายนี้ โดยผิวเผินก็ดูเป็นเพียงผู้ใหญ่กับเด็กหญิงสาวทั่วไป แต่ทุกครั้งที่ นายพิเชษได้พบกับเหยื่อหญิงสาวรายนี้ นายพิเชษจะพยายามล่วงละเมิดทั้งทางกายและวาจา กล่าวคือ จะพยายามจับต้องร่างกาย ลูบขา ลูบหน้าอก หรือบางครั้งลุกลามไปถึงการจับอวัยวะเพศของเหยื่อรายนี้

ซึ่งเหยื่อเด็กหญิงรายนี้ต้องทนทุกข์ทรมานใจเป็นอย่างมาก เพราะความสัมพันธ์ของผู้ล่วงละเมิดนั้นเป็นญาติใกล้ตัว ไม่สามารถจะบอกใครได้ อีกทั้งที่อยู่อาศัยยังใกล้กับบ้านของนายพิเชษ และด้วยวัยเพียง 13 ปี ทำให้เธอ “พยายามฆ่าตัวตาย” อยู่หลายครั้ง กระทั่งญาติของเธอได้สังเกตถึงความผิดปกติ จึงได้จูงมือเหยื่อเข้าแจ้งความดำเนินคดีกับในที่สุด ซึ่งเมื่อเจ้าตัวทราบได้หลบหนีไป แต่ก็ยังพยายามที่จะไปดักพบกับเหยื่ออยู่ตลอด

ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกหมายจับนายพิเชษ ซึ่งเจ้าหน้าที่ในพื้นที่ต่างพยายามระดมกำลังติดตามตัวนายพิเชษ แต่ว่าการติดตามจับกุมนั้นไม่สามารถจับกุมตัวได้สักที แม้จะสืบทราบแล้วว่าอยู่ที่ใดแต่เมื่อเดินทางไปตรวจสอบ นายพิเชษก็หายไปอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

กระทั่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายสืบสวน สภ.สวนพริกไทย ได้ประสานมายัง “สืบนครบาล” ให้ช่วยติดตามจับกุมตัวคนร้ายรายนี้ พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. ได้นำกำลังเจ้าหน้าที่ชุดสืบนครบาลพร้อม “นักเรียนอบรมหลักสูตรสืบสวนคดีอาญา รุ่นที่ 110” ลงพื้นที่ติดตามจากเบาะแสเดียวที่มีคือ “นานๆจะกลับมาหาแฟนสักครั้ง” เฝ้าแฝงตัวในชุมชน เป็นเวลากว่า 1 สัปดาห์ กระทั่งในคืนวันที่ 28 ก.ค. 66 ได้รับแจ้งเบาะแสสำคัญว่า นายพิเชษได้กลับมาหาแฟนสาวในชุมชนอีกครั้ง จึงนำกำลังเข้าไปปิดล้อมบ้านหลังดังกล่าวทันที แต่เมื่อได้เคาะประตูเรียก ปรากฏว่าภายในบ้านไม่ยอมให้ความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ ซ้ำยังพยายามปิดไฟภายในบ้านหมด ทำเสมือนว่าไม่มีคนอยู่ภายในบ้าน

ชุดสืบสวนจึงนำกำลังปิดล้อมเกลี้ยกล่อมนายพิเชษอยู่เป็นเวลาเกือบ 3 ชั่วโมง กระทั่งแฟนของนายพิเชษได้ยอมให้ผู้นำชุมชนเข้าตรวจสอบภายในบ้าน แต่ก็ “ไร้เงา” นายพิเชษเหมือนเช่นเดิมทุกครั้งที่เจ้าหน้าที่ตำรวจมาตรวจสอบ แต่สัญชาติญาณของทีมสืบนครบาลสะกิดใจ “ขอเปิดฝ้า” ซึ่งเมื่อเปิดฝ้าดูก็โป๊ะแตก เจ้าตัวนอนคุดคู้ซ่อนตัวอยู่บนฝ้าเพดาน ซึ่งสุดท้ายเจ้าหน้าที่เกลี้ยมกล่อมจนยอมลงมามอบตัวกับเจ้าหน้าที่ จึงได้จับตัวตามหมายจับ โดยขณะจับกุมเหล่าชาวบ้านในชุมชนต่างให้ข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ถึงวีรกรรมของนายพิเชษ ว่ามีพฤติกรรมล่วงละเมิดทางเพศกับเด็กหญิงอีกหลายคน

ในชั้นจับกุม นายพิเชษ ผู้ต้องหา ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา โดยให้การว่า “ตนไม่ได้มีอะไรกับเด็กคนนั้นเลย โดยเมื่อประมาณปลายเดือน เม.ย. 66 ช่วงนั้นโรงเรียนปิดเทอม เด็กคนนั้นก็พักอยู่บ้านเดียวกับตน เพราะเกี่ยวข้องกันเป็นหลานของเมีย วันนั้นประมาณ 10 โมง เด็กคนนั้นก็อยู่บ้านกันสองต่อสอง ตนก็ใช้ให้ช่วยยกพัดลมเข้ามาในห้องเพราะอากาศมันร้อน แล้วตนก็ได้แตะเนื้อต้องตัวเด็กคนนั้นไปนิดหน่อย แต่ไม่ได้ทำมิดีมิร้าย ก็มีแม่เลี้ยงของเด็กคนนั้นเข้ามาเห็น แล้วก็โวยวายว่า ตนจะทำอะไรเด็กคนนั้น ตนก็บอกว่าไม่ได้ทำอะไร แต่แม่เลี้ยงก็ไม่เชื่อจะพาเด็กคนนั้นไปแจ้งความจับตน ตนก็บอกว่าอยากให้จบเรื่องโดยได้เสนอเงินให้จำนวน 15,000 บาท คุยกันไปคุยกันมาแม่เลี้ยงคนนั้นก็ไม่เอา แล้วก็พาเด็กคนนั้นไปแจ้งความ ตนจึงได้ย้ายกลับไปอยู่บ้านเก่าแถวดอนเมือง เพื่อไม่ให้เรื่องบานปลาย ยืนยันว่าไม่ได้ทำมิดีมิร้ายต่อเด็กคนนั้น

ขณะที่ ตำรวจนำตัวนำส่งพนักงานสอบสวน สภ.สวนพริกไทย ดำเนินคดีตามกฎหมาย

ด้าน พล.ต.ต.ธีรเดช ธรรมสุธีร์ ผบก.สส.บช.น. กล่าวว่า จากการตรวจสอบคนร้ายรายนี้เป็นบุคคลที่มีพฤติกรรมเกี่ยวข้องกับยาเสพติด มีลักษณะของอาการ “ใคร่เด็ก” และยิ่งมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเด็กหญิงรายใด ต้องถือว่าเด็กคนนั้นตกอยู่ในอันตราย จึงขอประชาสัมพันธ์ไปยังประชาชนคนที่บุตรหลานของท่านเคยตกเป็นเหยื่อของคนร้ายรายนี้ โปรดแจ้งเบาะแสมาที่เราทางเพจเฟซบุ๊ก สืบนครบาล IDMB