จากกรณีตำรวจได้ออกหมายจับไล่ล่าอดีตนายดาบตำรวจดักอุ้มทำร้ายชิงทรัพย์พ่อค้าน้ำเต้าหู้ หลังก่อเหตุอุกอาจแต่งกายเป็นตำรวจ 2 นายวางแผนจัดฉากอุบัติเหตุรถ จยย.ล้มขวางถนน เหยื่อขับรถกระบะผ่านไปไม่ได้ต้องจอดดู ถูกเครื่องชอร์ตไฟฟ้าจี้บังคับจับมัดมือมัดเท้าขึ้นรถซ้อมน่วมข่มขู่ยัดข้อหายาเสพติด ยังโชคดีเหยื่อปลดเชือกกระโดดหนีออกจากรถรอดตายหวุดหวิด ส่วนคนร้ายชิงเอารถกระบะผู้เสียหายเผ่นหนีการไล่ล่า 5 อำเภอ ก่อนหายไปกับความมืด เช็กประวัติอดีต ด.ต.ผู้ก่อเหตุเคยตกเป็นผู้ต้องหาฆ่าล้างหนี้ผัวเมียพ่อค้ามะนาวดับ 2 ศพ เมื่อปี 57 แต่ศาลยกฟ้องรอดคุกมาได้ และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างหลบหนี

 

ล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพจากกล้องวงจรปิด ช่วงเวลา 4 โมงเย็นของวันนี้ ภายในเขตเทศบาลเมืองเชียงใหม่ ซึ่งสามารถจับภาพรถกระบะวี่โว่สีขาวของผู้เสียหาย ถูกขับไปโผล่อยู่ที่เชียงใหม่ โดยคนร้ายได้จอดรถทิ้งไว้ภายในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่งในตัวเมือง ซึ่งจะเห็นว่า คนร้ายได้ขับรถไกลจากจังหวัดกาญจนบุรี ถึง ตัวเมืองเชียงใหม่ ระยะทางเกือบ 700 กิโลเมตร แต่เมื่อตรวจสอบเลขไมล์ของรถพบว่า คนร้ายได้ขับรถของเหยื่อวนไปทั่วพื้นที่ภาคเหนือ ระยะทางกว่า 1,400 กิโลเมตร เพื่อตบตาตำรวจ ไม่ให้จับได้ และรู้พิกัดชัดเจน

 

นอกจากนี้ คนร้ายยังได้เปลี่ยนป้ายทะเบียนรถเป็นป้ายแดง ซึ่งคาดว่าน่าจะมีการเตรียมตัวมาอย่างดี ซึ่งขณะนี้มีรายงานข่าวว่า ตำรวจได้ทราบพิกัดของคนร้ายแล้ว อยู่ระหว่างไล่ติดตามอย่างใกล้ชิด

 

ขณะเดียวกัน ยังมีรายงานว่า ตัวผู้ร่วมก่อเหตุอีก 1 คน ที่ร่วมกับดาบตำรวจบรรเทิงนั้น อาจจะเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจที่รับราชการอยู่ด้วย ซึ่งเป็นตำรวจในพื้นที่ จ.กาญจนบุรี เช่นเดียวกัน

 

โดยตั้งแต่ช่วงเช้า ตำรวจชุดสืบสวน สภ.ท่าเรือ ซึ่งเป็นโรงพักที่ดาบตำรวจบรรเทิง แตงอ่อน หนึ่งในผู้ต้องหาที่ตำรวจออกหมายจับเคยรับราชการที่โรงพักนี้เมื่อ 9 ปีก่อน โดยตำรวจได้แบ่งกำลังร่วมกับชุดสืบสวนภูธรจังหวัดกาญจนบุรีร่วมกันไล่ล่าตัวของดาบตำรวจบรรเทิงอยู่ และล่าสุดเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ตำรวจได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุอีกครั้ง และได้พบกุญแจมือเหล็กที่ผู้ก่อเหตุพยายามจะจับเหยื่อใส่กุญแจมือ ถูกทิ้งอยู่บริเวณริมทางภายในไร่อ้อยใกล้จุดเกิดเหตุ

 

จากการตรวจสอบเบื้องต้น พบว่า กุญแจมือดังกล่าวเป็นกุญแจมือของตำรวจที่ใช้ในราชการ แต่อยู่ระหว่างการตรวจสอบว่าเป็นกุญแจมือของผู้ใด

 

วันนี้ทีมช่อง 8 ได้ภาพหลักฐานชิ้นสำคัญ ซึ่งเป็นคลิปวงจรปิดการก่อเหตุทั้งหมดของดาบตำรวจบรรเทิง ตั้งแต่ดาบบรรเทิงเริ่มออกจากบ้านแม่ยาย ไปจนถึงช่วงขับรถหลบหนี เมื่อคืน 24 กรกฎาคม

 

เริ่มจากคลิปกล้องวงจรปิด เวลา 19.46 น. ซึ่งเป็นกล้องวงจรปิดบ้านฝั่งตรงข้ามบ้านของแม่ยายดาบรรเทิงที่เห็นดาบบรรเทิงได้นั่งรถเก๋งสีดำมากับพวก ก่อนจะลงจากรถเปิดประตูเข้าไปภายในบ้านและนำรถมอเตอร์ไซค์ของแม่ยายนำไปก่อเหตุ โดยจะเห็นดาบบรรเทิงเป็นคนขี่มอเตอร์ไซค์นำออกจากบ้านแม่ยาย และพวกอีกคนที่อยู่บนรถเก๋งดำขับตามหลังออกไป

 

จากนั้น เวลา 19.46 น. หลังจากดาบบรรเทิงและพวกได้ขับรถออกจากบ้านแม่ยาย ทีมข่าวได้ภาพจากกล้องวงจรปิดเพิ่มเติม บริเวณปากซอยหน้าบ้านแม่ยายดาบบรรเทิง จะเห็น ดาบบรรเทิงได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์ออกจากซอย โดยรถของแม่ยายที่ดาบใช้ขี่ออกมานั้น ป้ายทะเบียนถูกถอดออกตั้งแต่รถอยู่ภายในบ้านแม่ยายแล้ว

 

จากนั้น จะเห็นดาบบรรเทิงได้ขี่รถมอเตอร์ไซค์มุ่งหน้าไปยังตำบลพระแท่นจุดที่ก่อเหตุปล้น โดยผ่านหน้าโรงเรียนวัดตะคร้ำเอน ก่อนจะผ่านปั๊มน้ำมันพีที ท่ามะกา จากนั้นได้ยูเทิร์นกลับรถ และเลี้ยวเข้าซอยชุมชนย่อยตะคร้ำเอน ภายในเขตเทศบาลเมืองท่าเรือพระแท่น

 

จนไปถึงปั๊มน้ำมันของชาวบ้านในพื้นที่ตำบลพระแท่น ซึ่งอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 800 เมตร โดยจะเห็นดาบตำรวจบรรเทิง ขี่รถมอเตอร์ไซค์นำเข้าไปในจุดที่จะดักปล้น ซึ่งจะเป็นซอยเปลี่ยวในช่วงเวลา 20.07.28 น. โดยมีรถเก๋งของเพื่อนที่ร่วมก่อเหตุอีกคนขับตามเข้าไป

 

และในคลิปตัวที่ 10,11,12 ซึ่งเป็นคลิปที่ทีมข่าวนำเสนอไปเมื่อวานนี้ จะเห็นรถกระบะของผู้เสียหาย ขับกระบะเข้าไปในจุดที่ดาบบรรเทิงดักปล้น ในเวลา 20.38 น. ซึ่งดาบบรรเทิงใช้เวลาประมาณ 20 นาทีในการดักปล้นและจับผู้เสียหายมัดมือมัดเท้าและอุ้มขึ้นรถและนำมอเตอร์ไซค์ที่แกล้งจัดฉากเป็นเป็นอุบัติเหตุ ขนขึ้นท้ายรถกระบะผู้เสียหายมาด้วย

 

ก่อนที่เวลา 21.00.34 น. ดาบบรรเทิงจึงได้ขับกระบะพาผู้เสียหายไปยังจุดนัดพบ โดยมีเพื่อนได้ขับรถเก๋งสีดำที่ใช้ก่อเหตุด้วยขับตามหลังออกมาจากจุดปล้นในคลิปตัวที่ 12 ในเวลาไล่เรี่ยกัน

 

และล่าสุดทีมข่าวช่อง 8 ได้ภาพกล้องวงจรปิด ชิ้นสำคัญเป็นกล้องวงจรปิดช่วงที่ดาบตำรวจบรรเทิงได้แยกทางกับเก๋งดำ ก่อนจะมานัดเจอกันที่ลาดจอดรถแห่งหนึ่ง ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้ามบิ๊กซี ท่าเรือ

 

โดยกล้องวงจรปิดตัวที่ 13 เวลา 21.10 น. จะเห็นรถกระบะวีโว่สีขาวของผู้เสียหาย ซึ่งมีดาบตำรวจบรรเทิงเป็นคนขับ พาผู้เสียหายซึ่งถูกมัดมือมัดเท้าอยู่หลังเบาะ พาไปยังจุดนัดพบ โดยจะเห็นบริเวณท้ายกระบะรถได้บรรทุกรถมอเตอร์ไซค์ของดาบบรรเทิงที่ใช้ก่อเหตุอยู่ท้ายกระบะ โดยไม่ได้ปิดฝาท้ายไว้ เนื่องจาก ท้ายกระบะยังมีอุปกรณ์เตาแก๊ส หม้อน้ำเต้าหู้ของผู้เสียหายบรรทุกอยู่

 

จากนั้นจะเห็นรถกระบะของผู้เสียหายที่ดาบบรรเทิงขับ ได้ขับเข้าไปจอดที่ลานจอดรถ โดยไปจอดแอบอยู่ในมุมมืด เพื่อรอเพื่อนที่ขับเก๋งตามเข้ามา

 

ก่อนที่ช่วงเวลา 21.22.32 น. จะเห็นรถเก๋งดำซึ่งตามมาอีกทางจอดติดไฟแดง ก่อนจะขับตามเข้าไปในลานจอด เพื่อไปพบกับดาบบรรเทิง เตรียมจะอุ้มเสียหายไปต่อ ซึ่งมีการจอดคุยกันสักพัก

 

และ ช่วงเวลา 21.30 น. ภาพมุมไกลจะเห็นผู้เสียหายได้วิ่งหนีลงจากรถที่คนร้ายจับมัดและวิ่งมาขอความช่วยเหลือกับเจ้าของร้านก๋วยเตี๋ยวที่อยู่ริมทาง ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับรถของคนร้ายทั้ง 2 คัน หลังจาก ผู้เสียหายวิ่งหนี ได้ตกใจและรีบขับแยกย้ายกันออกจากลานจอดรถไปคนละทาง

 

ซึ่งคลิปสุดท้าย จะเห็นรถเก๋งสีดำของพวกดาบตำรวจบรรเทิง ได้ขับหลบหนีย้อนกลับไปยังตำบลพระแท่นจุดที่ดักปล้น ส่วนกระบะขาวที่มีดาบบรรเทิงเป็นคนขับ ได้ขับหลบหนี เส้นทางมุ่งหน้ากรุงเทพมหานคร

 

ล่าสุดวันนี้ทีมข่าวช่อง 8 ได้ไปพบกับหนึ่งในพยานคนสำคัญ ซึ่งเจ้าตัวได้ขับรถผ่านมาเห็นช่วงที่เกิดเหตุพอดี และช่วงเกิดเหตุตนเองยังได้บินโดรนการเกษตรอยู่ห่างจากจุดเกิดเหตุเพียง 300 เมตรด้วย โดยเจ้าตัวให้ข้อมูลกับทีมข่าวว่า วันเกิดเหตุช่วงเวลาประมาณ 2 ทุ่มขณะนั้นตนเองและ สามีกำลังบินโดรนการเกษตรในไร่อ้อยของตนเอง ระหว่างนั้นตนเองได้ยินเสียงหญิงสาวกำลังกรีดร้องเสียงดัง ตอนนั้นก็ตกใจว่า เกิดเหตุทำร้ายอะไรกันแถวในไร่ของตนเอง

 

จากนั้นผ่านไปสักพัก ตนเองได้ขับรถกระบะเพื่อเดินทางกลับบ้านและไปที่ไร่อ้อยอีกแห่ง แต่ระหว่างทางได้เจอกับตัวผู้ก่อเหตุ ซึ่งทีมข่าวได่ให้ดูรูปภาพดาบบรรเทิง ตนเองจำได้แม่น เพราะมีรูปร่างอ้วนท้วม

 

โดยขณะขับรถผ่าน ตนเองได้สังเกตเห็นดาบบรรเทิง ได้ยืนอยู่ข้างรถกระบะสีขาว 4 ประตู ซึ่งจอดอยู่ริมถนน โดยประตูทั้ง 4 ข้างถูกเปิดออกทั้งหมด ส่วนอีกฝั่งของถนน พบรถเก๋งสีดำ เปิดประตูทั้ง 4 ประตูเช่นกัน จอดเปิดไฟหน้ากระพริบไฟอยู่ โดยบริเวณพื้นถนนใกล้เก๋งสีดำ ตนเองสังเกตเห็น รองเท้าแตะของผู้หญิงสีชมพูตกอยู่ 1 คู่ ซึ่งไม่รู้ว่าเป็นของใครเพราะไม่เห็นคนอื่นนอกจากดาบบรรเทิง ซึ่งคาดว่า ผู้เสียหายที่ถูกปล้นอาจจะถูกยัดใส่รถแล้ว

 

โดยขณะขับรถผ่านดาบบรรเทิงเหมือนได้มองมาที่รถตนเองแต่ก็ไม่ได้มีท่าทีตื่นตกใจอะไร ตนเองในใจก็คิดว่าอาจจะเป็นตำรวจมาจับยาเสพติดจึงขับรถผ่าน แต่อีกใจหนึ่งก็คิดว่าดูเหมือนเป็นตำรวจปลอม

 

จนกระทั่งมาสอบข่าวอีกวันหนึ่ง ซึ่งตนเองกำลังสงสัยว่า คลิปที่เกิดเหตุที่พลเมืองดีถ่ายได้นั้น เป็นพลเมืองดีจริงหรือไม่ หรือใครเป็นคนถ่ายคลิปกันแน่ เพราะจากที่ตนเองดูคลิป เหมือนคลิปถูกถ่ายจากบนรถเก๋งด้วยซ้ำ ซึ่งตนเองสงสัยว่า ผู้ร่วมก่อเหตุอาจจะมีมากกว่า 2 คนหรือไม่ เพราะจะบ้ามายืนถ่ายคลิปขนาดนั้น และสงสัยว่า เสียงผู้หญิงที่กรีดร้องเป็นเสียงใคร

 

เธอยังให้ข้อมูลกับทีมข่าวอีกว่า จุดเกิดเหตุบริเวณนี้ช่วงค่ำถนนมืดและเปลี่ยวมาก ก่อนหน้านี้ก็เคยมีหญิงสาววัยรุ่นถูกดักปล้นมาแล้ว และปกติตัวเองไม่เคยเห็นตำรวจตั้งด่านตรวจค้นบริเวณวันนี้

 

ล่าสุดทีมข่าวได้สอบถาม กับ นายจีรวัตร หรือ ป็อป อายุ 25 ปี พ่อค้าน้ำเต้าหู้ผู้เสียหายอีกครั้ง โดยเจ้าตัวเผยว่า จนถึงตอนนี้ตนเองเป็นห่วงรถมาก ไม่รู้เลยว่า คนร้ายจะนำรถของตนเองไปชำแหละ หรือ ขับออกนอกประเทศไปแล้ว เพราะรถคันนี้ตนเองรักมาก พ่อตาเป็นคนดาวน์รถให้เพื่อให้ตนเองและภรรยาต่อยอดขับไปขายน้ำเต้าหู้ หากไม่มีรถ ก็ไม่รู้ว่าจะขับไปทำมาหากินได้ยังไง แต่ก็ขอบคุณตำรวจทุกนายที่กำลังพยายามช่วยติดตามหารถของตนเองอยู่

 

ส่วนเรื่องที่มีพยานได้ยินเสียงผู้หญิงร้องกรีดเสียงดังช่วงเกิดเหตุ ตนเองคาดว่า น่าจะเป็นเสียงตนเองที่ร้องขอความช่วยเหลือมากกว่า เพราะช่วงเกิดเหตุ ไม่มีผู้หญิงเลยสักคน และรองเท้าแตะสีชมพูที่พยานพบอาจจะเป็นรองเท้าแตะของชาวบ้านที่ลืมทิ้งไว้หรือไม่ เพราะช่วงเกิดเหตุ มีแค่ตนเอง และคนร้าย 2 คนที่กอดรัดฟัดเหวี่ยงกับตนเองเท่านั้น

 

โดยตนเองตอนแรกคิดว่าตนเองคงไม่รอดแล้ว ซึ่งรู้สึกโชคดีมากที่ในวันเกิดเหตุตนเองเลือกที่จะต่อสู้กับ 2 คนร้าย ไม่ยอมแพ้ และแย่งกุญแจมือคนร้ายขว้างลงป่าอ้อย มิเช่นนั้นหากตนเองถูกใส่กุญแจมือคงไม่มีแรงสู้ และอาจะถูกอุ้มฆ่าตายไปแล้ว

 

สุดท้ายหากตำรวจจับตัวคนร้ายได้ก็อยากจะถาม 2 คนร้ายว่า ทำไมต้องทำกับตนเองขนาดนี้ ทำไมต้องหากินด้วยวิธีแบบนี้ และอยากจะถามมันว่า “พวกพี่ว่าผมแข็งมากไหม” เพราะช่วงที่ 2 คนร้ายทำร้ายเอาเครื่องช็อตไฟฟ้าจี้ตนเอง คนร้ายตัวอ้วน คาดเป็นดาบบรรเทิงได้บอกกับตนเองว่า “มึงนี่แข็งเนอะ ขนาดใช้เครื่องช็อตไม่ฟ้ายังเอามึงเกือบไม่ลง กว่าจะเอามึงลงได้กูเหนื่อยแทบแย่” ซึ่งตนเองรอที่จะเจอหน้าดาบบรรเทิงเเละเพื่อนที่ทำตนเองอยู่ และขอให้ตำรวจจับ 2 คนนี้มาบงโทษให้ได้ไวๆ

 

ย้อนประวัติดาบเหี้ยม เอี่ยวคดีฆ่าล้างหนี้ 2 ศพ

1.นายจำนงค์ สะอิ้งทอง อายุ 57 ปี
2.นางปรานทิพย์ แซ่ซิ้ม อายุ 51 ปี

ครอบครัวดาบตำรวจติดต่อขอเยียวยาแต่หายเงียบ คดีผ่านไป 9 ปี ยังจับคนร้ายไม่ได้

 

ทีมข่าวช่อง 8 ได้เดินทางไปพบกับนายด้วง ลูกชายของนางปรานทิพย์ แซ่ซิ้ม แม่ค้าขายผัหและน้ำมะนาวในตลาดศรีเมือง จ.ราชบุรี ที่ถูกดาบบรรเทิง ยิงเสียชีวิตเมื่อวันที่ 7 ก.ค.2557 เล่าว่า แม่ตนขายน้ำมะนาวและผักในตลาด และได้รู้จักกับนายบรรเทิง ตอนแรกก็ส่งน้ำมะนาวให้ โดยนายบรรเทิงจะมารับที่ตลาด พอติดต่อค้าขายกักันมีช่วงหนึ่งเงินของนายบรรเทิงน่าจะเริ่มฝืด เลยเอ่ยปากขอยืมเงินแม่ แต่แม่บอกว่าตนไม่มี เขาก็บอกว่า เห็นใส่ทองเต็มตัวจะไม่มีเงินได้ไง หลังจากนั้นเขาก็ติดเงินแม่ อาจถึงหลักแสน เพราะแม่เคยบอกไว้ว่า นายบรรเทิเอาของไปเยอะมาก และติดเงินเยอะมาก จนเราจะขาดทุนเพราะเขาเจ้าเดียว

 

จากนั้นแม่เล่าให้ฟังว่าเขาจะนัดไปส่งน้ำมะนาวตามที่เปลี่ยว ๆ หลายครั้ง  แม่ก็สังเกตว่ามันไม่ดีแล้ว เพราะตอนแรกมารับของตอนกลางวัน มาเอาตอนเช้า ตอนบ่าย แต่ตแนหลังนัดไปกลางคืนในที่เปลี่ยว แต่ก็ยังไม่มีเหตุร้ายเกิดขึ้น

 

วันก่อนที่แม่จะเสียชีวิตนายบรรเทิงโทรมาบอกให้ไปส่งของ และบอกว่าจะคืนเงินที่ค้างไว้ทั้งหมด วันนั้นแม่กับพ่อเลี้ยงเลยรีบออกไปส่งของให้ตั้งแต่ช่วง 5-6 โมงเย็น เพราะดีใจที่จะได้เงินคืน ไมคิดว่าวันนั้นจะได้เป็นวันสุดท้ายที่ได้เจอแม่ เพราะตนมารู้ข่าวอีกทีช่วง 4-5 ทุ่มวันนั้นว่า แม่และพ่อเลี้ยงถูกยิงเสียชีวิตแล้ว

 

หลังจากแม่เสียชีวิต ตำรวจก็เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และเก็บสร้อยทองของแม่ไว้ให้ แต่ทองแม่อยู่ไม่ครบหายไปเกือบครึ่ง โดยสร้อยทองหายไป 10 บาท เลสข้อมือทอง แหวนทอง พระของแม่ที่ห้อยติดตัวหายไปบางส่วน

 

ต่อมาไม่นานตำรวจก็จับนายบรรเทิงได้ ตอนแรกไม่ยอมรับสารภาพ แต่ญาติพี่น้องของเขาและคนใหญ่หนุนหลัง บอกให้รับสารภาพแล้วจะช่วยเหลืภายหลัง โดยเรื่องนี้เจ้าตัวรู้จากวงในที่แอบมาบอก

 

จากนั้นวันที่ให้การในชั้นศาล ตนเห็นนายบรรเทิงคุยกับคนในศาล แค่นั้นก็คิดว่าคดีเราแพ้แน่นอน ซึ่งทางเราไม่เคยได้ค่าชดเชย และไม่เคยได้รับการเยียวยาจากใครเลย

ค่อมาตำรวจชุดที่เป็นโจทก์ร่วมฟ้องมากับตนว่า นายบันเทิงหลุกคดีแล้ว จึงอยากสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเพราะเชื่อว่า นายบรรเทิงไม่ใช่ตำรวจน้ำดี และน่าจะผิดจริง พวกเขาก็ไม่อยากให้รับราชการต่อ แต่หลักฐานที่ได้ไม่แน่นหนาพอ คือเรื่องปืน และอะไรหลายอๆอย่าง เช่น ปืนใช้ก่อเหตุตำรววจชุดจับได้มา แต่วันแถลงข่าวไม่มี ตนเองก็สงสัยว่าปืนหายไปไหน

และช่วงที่ตำรวจร่วมเป็นโจทก์ นายบรรเทิงได้ให้คนมาหาตน และถามว่าถ้าจะจบคดีจะเรียกเท่าไหร่ แต่ตนไม่ยอม เพราะชีวิตแม่เป็นล้านก็คงไม่พอ เลยอยากให้ถูกดำเนินคดีสูงสุด แต่สุดท้ายเรื่องก็เงียบไป

 

ดาบสมองกลชอร์ตไฟเหยื่อขับรถหนีเชียงใหม่ ส่ออุ้มสาวอีกราย เหยื่อแฉ 2 ศพตายฟรี