จากกรณีที่ชาวบ้านในอำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ อ้างว่าพบตำรวจนายหนึ่ง เดินไปเดินมา อยู่บริเวณจุดกลับรถหรือจุดยูเทิร์น เยื้องตลาดนัดบ้านพนมดิน ในตัวอำเภอพนมดงรัก ก่อนที่ตำรวจนายนี้ จะเดินไปโบกรถที่กำลังยูเทิร์น เพื่อเรียกตรวจ
แต่สิ่งที่ชาวบ้านในพื้นที่ จับตามองตำรวจนายนี้ ก็คือไม่คุ้นหน้า และแต่งตัวไม่เรียบร้อย ทั้งไม่ได้พกบัตรเจ้าพนักงานในขณะปฎิบัติหน้าที่ พอชาวบ้านให้แสดงบัตรก็บอกว่าบัตรอยู่สถานีตำรวจ ชาวบ้านต่างตั้งข้อสงสัยว่า ถ้าเป็นการตั้งด่าน ทำไมถึงได้ปฎิบัติหน้าที่อยู่คนเดียวไม่มี การตั้งด่านหรือผู้บังคับบัญชา คอยอยู่ควบคุม ชาวบ้านเกรงว่าจะเป็นตำรวจปลอมหรือไม่
/6%2012%2062%20(2)/19%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%A3%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%A7.png)
ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ บริเวณจุดกลับรถหรือจุดยูเทิร์นหน้าร้านนงนภัส เยื้องตลาดนัดบ้านพนมดิน อำเภอพนมดงรัก พบว่า บริเวณดังกล่าว เป็นจุดกลับรถตามปกติ ไม่ได้มีป้ายแจ้งเตือนห้ามกลับรถ
/6%2012%2062%20(2)/19%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%872.png)
ต่อมาผู้สื่อข่าวได้เข้าไปสอบถามน.ส.เกวลิน อายุ 21 ปี คนที่อยู่ในเหตุการณ์และเป็นเจ้าของร้านค้า เล่าให้ฟังว่า ช่วงเวลาประมาณ 6 โมงเย็นเกือบจะ 1 ทุ่ม มีชายแต่งกายคล้ายตำรวจ สวมใส่ชุดเครื่องแบบตำรวจ แต่ไม่มียศบนบ่าและไม่มีป้ายชื่อติดบนหน้าอกเสื้อ ขับรถยนต์เก๋งมาจอดตรงข้ามร้านลาบก้อย ซึ่งอยู่ข้างๆ ร้านค้าของตนเอง ในลักษณะการจอดแบบคล่อมเลนถนน ไม่ได้จอดชิดถนน ก่อนชายคนนี้จะเดินมาที่ร้านและมาชื้อเบียร์ จำนวน 1 กระป๋อง จากนั้นก็เดินหายไปที่ร้านลาบก้อย
สักพักไม่นานก็เห็นชายแต่งกายคล้ายตำรวจ เดินที่กลางถนน ก่อนจะไปโบกรถยนต์ของประชาชนและพ่อค้าแม่ค้าที่มากลับรถหรือยูเทิร์นรถ จากนั้นก็ลักษณะเรียกรับเงิน หากใครไม่จ่ายก็จะทำทีโทรศัพท์และบอกให้เจ้าของรถยนต์ไปที่โรงพัก อ้างว่าให้ไปเสียค่าปรับที่โรงพัก แต่ชาวบ้านรู้ทันและไม่ให้เงินไป
/6%2012%2062%20(2)/19%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%A3%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%AD%E0%B8%873.png)
จนกระทั่งมามีผู้เสียหาย ซึ่งตนเองไม่รู้ว่าเป็นใคร ขับกระบะสีดำและมายูเทิร์น พอชายคนนี้เห็นก็เดินไปกลางถนนและโบกให้รถกระบะสีดำจอด จากนั้นก็เรียกตรวจเอกสารกับเจ้าของรถ แต่เจ้าของรถไม่ยอม จึงเกิดการโวยวายและได้มีการขอดูเอกสารราชการหรือบัตรประจำตัวข้าราชการตำรวจ แต่ชายคนนี้อ้างว่าไม่ได้พกมา ก่อนที่ภรรยาเจ้าของรถทำการไลฟ์สดบนเฟซบุ๊ค จึงทำให้ตนเองและชาวบ้านต่างตั้งข้อสงสัยว่า ถ้าเป็นการตั้งด่าน ทำไมถึงได้ปฎิบัติหน้าที่อยู่คนเดียว และบริเวณดังกล่าวกลับรถหรือยูเทิร์นรถได้หรือไม่ รวมทั้งตรวจสอบชายคนนี้เป็นตำรวจจริงหรือไม่
นอกจากนี้น.ส.เกวลิน ยังบอกอีกว่า จากการดูลักษณะท่าทางของชายนี้ เชื่อว่าเมาแน่นอนและอาจจะดื่มมาทั้งวันแล้วด้วยซ้ำ
/6%2012%2062%20(2)/19%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%84%E0%B9%89%E0%B8%B2.png)
ต่อมาเราได้รับคลิปกล้องวงจรปิดที่ร้านค้า เมื่อวันที่ 19 กรกฎาคม66 ซึ่งยืนยันได้ว่า ด.ต.นายหนึ่ง ดื่มเครื่องแอลกอฮอล์ ขณะปฏิบัติหน้าที่
โดยคลิปเวลา 18.43น. จะเห็นด.ต.ยืนอยู่หน้าร้าน โดยด.ต. ได้มาชื้อเบียร์ จำนวน 1 กระป๋อง หลังจากได้เบียร์ ต่อมาด.ต. ได้เดินไปที่ร้านลาบก้อยติดกับร้านค้า จากนั้นกล้องตัดไป
/6%2012%2062%20(2)/19%E0%B8%A7%E0%B8%871.png)
คลิปต่อมาเวลา 19.02น. ด.ต. ได้เดินออกมายืนที่หน้าร้านค้า ก่อนที่สักพักจะเดินไปที่รถเก๋งของ ด.ต.ปพลพัฒน์ ที่จอดอยู่ริมถนน ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกันกับที่รถกระบะสีดำเลี้ยวกลับรถพอดี ด.ต.จึงได้โบกให้จอด จากนั้นก็เรียกตรวจเอกสารกับเจ้าของรถกระบะคันดังกล่าว
/6%2012%2062%20(2)/19%E0%B8%A7%E0%B8%872.png)
ส่วนคลิปต่อมาเป็นคลิป 19.15น.คลิปต่อเนื่อง จะเห็นว่ามีผู้หญิงที่นั่งมากับรถกระบะสีดำ ถือโทรศัพท์ไลฟ์สด และได้พูดในลักษณะทำนองว่า ได้กลิ่นแอลกอฮอล์โชยมาจาก ด.ต. จากนั้นผู้หญิงคนดังกล่าวก็ขึ้นรถกระบะไป
ก่อนที่เวลา 19.19น.ด.ต.จะเดินไปขึ้นรถยนต์เก๋งของด.ต. ที่จอดอยู่ริมถนน แล้วก็ขับออกไป
/6%2012%2062%20(2)/19%E0%B8%A7%E0%B8%873.png)
ล่าสุดวันนี้ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ได้ลงพื้นที่ไปตรวจสอบ บริเวณจุดกลับรถหรือจุดยูเทิร์น เยื้องตลาดนัดบ้านพนมดิน อำเภอพนมดงรัก พบว่า บริเวณดังกล่าว เป็นจุดกลับรถตามปกติ ไม่ได้มีป้ายแจ้งเตือนห้ามกลับรถ
ต่อมาเราได้ไปคุยกับนายสุข อายุ 50 ปี เจ้าของร้านลาบ ยืนยันกับเรา ชายคนดังกล่าวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจจริง มีชื่อเล่นว่า นายหมาย อายุ 50 ปี จำชื่อจริงไม่ได้ ส่วนนายหมายกับตนเองเป็นเพื่อนตั้งแต่สมัยเรียนมานานแล้ว ก่อนจะสอบติดข้าราชการตำรวจและไปปฎิบัติหน้าที่อยู่กรุงเทพ และเพิ่งย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ อยู่ที่สภ.พนมดงรัก ได้ไม่นาน โดยตนเองก็ไม่ได้ติดต่อกับนายหมาย มานายมาก จึงไม่รู้รายละเอียดอะไร
วันเกิดเหตุตนเองก็เห็นนายหมาย ขับรถยนต์เก๋งมาจอดหน้าร้าน ในลักษณะเมา ก่อนจะเห็นถือกระป๋องเดินผ่านร้านไป และไปนั่งดื่มที่กระท่อมด้านหลังร้าน ตนเองก๋ไม่ได้สนใจอะไรเพราะเห็นว่าเมามากแล้ว
/6%2012%2062%20(2)/19%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%A3%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%A5%E0%B8%B2%E0%B8%9A.png)
นายสุข ยังบอกอีกว่า ก่อนที่ตนเองจะปิดร้านได้ยินนายหมายพูดแว่วๆ ว่าไม่มีเงิน จะไปหาเงินก่อน ซึ่งตนเองก็ไม่คิดว่านายหมายจะไปหาเงินในลักษณะนี้ พร้อมกับวอนให้ผู้บังคับบัญชาตรวจสอบและลงโทษเด็ดขาด
ต่อมาเราได้เดินทางไปที่ สภ.พนมดงรัก และได้สังเกตพร้อมกับเดินตรวจสอบภายในสภ.พนมดงรัก ไม่พบเจ้าหน้าที่ตำรวจนายดังกล่าว ปฎิบัติหน้าที่อยู่บนสถานีในขณะนั้น
จากนั้นเราจึงได้เข้าไปสอบถาม พ.ต.อ.นพดล พินิจอักษร ผกก.สภ.พนมดงรัก ทราบว่า นายตำรวจดังกล่าว ชื่อ ด.ต.ปพลพัฒน์ ซึ่งวันนี้ได้สั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ 1 วัน และไม่ทราบว่าไปไหน
ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เนื่องจากวันดังกล่าวตนเองได้สั่งการให้ ด.ต.ปพลพัฒน์ ออกปฏิบัติงานรักษาความปลอดภัยตามเส้นทางรับเสด็จโดยเฉพาะจุดเสี่ยงการจราจร
ซึ่งในการปฏิบัติหน้าที่ด้านการจราจร รถยนต์ของประชาชนที่สัญจรผ่านเส้นทางดังกล่าว อาจจะกีดขวางการจราจร จึงได้เรียกให้หยุดรถ ซึ่งอาจจะใช้คำพูดที่ไม่สุภาพในการพูดคุยกับประชาชน
ซึ่งก็ยอมรับว่า ก่อนที่ ด.ต.ปพลพัฒน์ จะย้ายมาปฏิบัติหน้าที่ที่ สภ.พนมดงรัก ก็มีพฤติกรรมและการปฏิบัติกับประชาชนไม่สุภาพ
ส่วนกรณีที่ ด.ต.ปพลพัฒน์ เมาหรือดื่มแอลกอฮอล์ขณะปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ยอมรับว่ายังไม่ได้ตรวจสอบ เนื่องจากได้สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่ไปก่อน แต่จากการสอบถาม ทราบว่า ด.ต.ปพลพัฒน์ เป็นคนที่มีบุคคลิกภาพคล้ายกับคนที่เมาสุราอยู่ตลอด แต่ก็ยังไม่ยืนยันว่าวันดังกล่าว ด.ต.ปพลพัฒน์ ได้ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ขณะปฏิบัติหน้าที่หรือไม่ ซึ่งในเบื้องต้นได้สั่งตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้ว
/6%2012%2062%20(2)/19%E0%B8%AA%E0%B8%B1%E0%B8%A1%E0%B8%9C%E0%B8%81%E0%B8%81.png)
พร้อมกับสั่งการให้ด.ต.ปพลพัฒน์ ชาติมนตรี หยุดปฏิบัติหน้าที่สายตรวจและให้ปฏิบัติหน้าที่ สิบเวร โดยประจำการอยู่บนโรงพักแทน โดยมีผลตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป รวมทั้งให้ด.ต.ปพลพัฒน์ ชาติมนตรี เขียนรายงานข้อเท็จจริงส่งผู้บังคับบัญชา นอกจากนี้ตนเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจได้สั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาตรวจสอบข้อเท็จจริง หากพบว่ากระทำผิดจริง จะต้องถูกดำเนินการตามระเบียบวินัยต่อไป

















