มีนักวิชาการหลายคน แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นทางการเมือง โดยเฉพาะใครคือนายกรัฐมนตรี

เมื่อวิเคราะห์นายพิธาเป็นนายกฯ?

ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต เชื่อว่านายพิธา ไม่น่าจะได้

เช่นเดียวกับรศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย ที่บอกว่า นายพิธาก็ไม่ได้ บทเรียนเห็นมาแล้วรอบที่1

ถ้าเปลี่ยนเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต มองว่า น่าจะมีความเป็นไปได้

รศ.ดร.ธนพร ศรียากูล ผอ.สถาบันวิเคราะห์การเมืองและนโยบาย เชื่อว่าไม่ได้อยู่ดี เพราะถ้ายังจับมือกับก้าวไกล

ส่วนนายจตุพร พรหมพันธุ์ แกนนำคณะหลอมรวมประชาชน ยืนยันชัดเจนถ้าเพื่อไทยจับมือกับก้าวไกล ส.ว.ก็ไม่ให้ผ่าน

และถ้าเปลี่ยนเป็นนางสาวแพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊งค์) หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี

ผศ.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์ ม.รังสิต มองว่า น่าจะมีความเป็นไปได้

ขณะเดียวกัน ทีมข่าวช่อง8 ได้พูดคุยกับ ศ.ดร.อรรถกฤต ปัจฉิมนันท์ ผู้อำนวยการสถาบันสัญญาธรรมศักดิ์เพื่อประชาธิปไตย อธิบายภาพรวมของสถานการณ์ทางการเมือง ณ ขณะนี้ ว่า หากจะให้คุณพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายกฯรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลเป็นนายก ก็คงจะเป็นไปได้ยากเพราะ เสียง ส.ว. ไม่ได้ตรงตามเป้า หากว่ามีการเสนอชื่อของคุณพิธาในวันที่ 19 กรกฎาคมที่จะถึงนี้อีกรอบส่วนตัวมองว่า ส.ว. อาจจะไม่เข้าร่วมประชุมด้วยซ้ำเพราะถือว่าใช้สิทธิ์ในการโหวตไปแล้ว ในครั้งที่ผ่านมา

ดังนั้นพรรคการเมืองอันดับที่สองอย่างพรรคเพื่อไทยก็คงต้องคิดหนักเพราะการจะเสนอชื่อใครเป็นนายกฯรัฐมนตรี ก็คงต้องคำนึงถึงขั้วรัฐบาลฝั่งตรงข้ามด้วยหากว่ามีการเสนอชื่อของคุณอุ๋งอิ๋งเป็นนายกรัฐมนตรี เกรงว่าจะมีชื่อของพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ขึ้นมาเป็นคู่แข่งขัน ถ้าหากว่าเป็นไปตามนี้แน่นอนว่าพลเอกประวิตร จะได้รับตำแหน่งอย่างแน่นอนเพราะเสียงส.ว. 250 คน เป็นคนของฝั่งรัฐบาลเดิม

หรือถ้าจะใช้สูตรในการจัดตั้งรัฐบาลโดยมี คุณเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกฯของพรรคเพื่อไทย และร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล ส่วนตัวเชื่อว่าสูตรนี้คะแนนก็คงจะไม่ต่างจากเดิมมากนัก หมายความว่าหลังจากนี้พรรคเพื่อไทยก็คงจะต้องคิดให้ดีว่าจะเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรีและจะมีการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคใดบ้าง ถ้าหากเสนอโดยไม่ได้ผ่านการตกลงพูดคุย ผลก็อาจจะกลับมาเป็นแบบเดิม

ศ.ดร. อรรถกฤต ย้ำว่า ดังนั้นสูตรการจัดตั้งรัฐบาลในรอบนี้สิ่งที่ดูจะเป็นไปได้มากที่สุดในสายตาของตัวเอง ก็คือการที่พรรคเพื่อไทยจับมือร่วมกันกับทางพรรคพลังประชารัฐและยอมให้พลเอกประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี แน่นอนว่าสูตรนี้จะจัดตั้งรัฐบาลได้ โดยพรรคเพื่อไทยก็บริหารในกระทรวงที่สำคัญไปเนื่องจากเสียงของทางพรรคเพื่อไทยได้ที่นั่งมากกว่าและก็บริหารประเทศได้ต่อไป โดยมีพรรคก้าวไกลเป็นฝ่ายค้าน

แต่ถ้าหากพูดถึงพรรคเพื่อไทยว่าควรจะเสนอชื่อใครมากที่สุดส่วนตัวมองว่า ต้องมีชื่อของคุณ เศรษฐา ทวีสิน และ คุณอุ๋งอิ๋ง แพทองธาร ชินวัตร แต่ติดชื่อของคุณพ่อของเขาที่ทำให้หลายคนอาจจะมองว่าเป็นอำนาจแบบเดิม

อีกหนึ่งคนที่ไม่ควรมองข้ามคือชื่อของนาย พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค อาจจะถูกเสนอชื่อมาแข่งกับแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยก็ได้ และเป็นไปได้มากกว่าว่าจะจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ

ศ.ดร. อรรถกฤต ยังบอกอีกว่าสิ่งที่เกิดขึ้นหลายพรรคการเมืองชอบอ้างถึงเสียงของประชาชนแต่อย่าลืมนึกไปว่าประชาชนให้อำนาจในการจัดตั้งรัฐบาลแก่พรรคการเมืองนั้นมาแล้วในเมื่อพรรคการเมืองดังกล่าวไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จก็ควรจะ ตั้งคำถามกับตัวเองว่าเราไม่มีความสามารถในการจัดตั้งรัฐบาลเองหรือไม่ เพราะทุกคนรู้ระเบียบของรัฐธรรมนูญดีอยู่แล้ว

ส่วนบรรยากาศของประชาชนที่จะเกิดขึ้นหลังจากนี้ส่วนตัวมีความเห็นว่า จะไม่มีการรวมกลุ่มชุมนุมจากกลุ่มนักศึกษาออกมาต่อต้านเหมือนเหตุการณ์ 14 ตุลา ที่ผ่านมา และเชื่อว่าเหตุการณ์การชุมนุมจะไม่บานปลายเหมือนเหตุการณ์ก่อนหน้า เพราะไม่มีเพราะไม่มีใครอยากที่จะถูกรัฐประหารอีกครั้ง เนื่องจากรัฐประหารแต่ละครั้งทำให้เศรษฐกิจย่ำแย่เชื่อว่าทุกคนจะระลึกถึงสิ่งที่เคยเกิดขึ้น บรรยากาศเก่าๆเหล่านี้ได้ดี

แต่ไม่ได้หมายความว่ารัฐประหารจะไม่เกิดขึ้นเลยหากยังไม่สามารถเลือกนายกรัฐมนตรีได้และเกิดปัญหาบานปลายระหว่างกลุ่มรัฐบาลสองขั้วโดยไม่ได้เกี่ยวข้องกับประชาชนทหารก็อาจจะต้องเข้ามามีส่วนเกี่ยวข้องในการหาข้อยุติเรื่องนี้

เปิดสูตรตั้งรัฐบาล เพื่อไทยเข้าวิน "ศ.อรรถกฤต" เตือนด้อมกำขี้ดีกว่าตด ระวังวอร์กเอ้าท์จบเกม