คนร้ายสุดโหดจ่อยิงคนไทย-เมียนมา ดับ4ศพ ญาติเชื่อคนก่อเหตุเป็นคู่ขัดแย้งปมเรื่องที่

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเวลา 08.30 น.วันที่ 16 กรกฎาคม 2566 ร.ต.ท.ชัยรัตน์ ชัยเดช รอง สว.สอบสวน สภ.นาสัก อ.สวี จ.ชุมพร ได้รับแจ้งจากนายสุรชัย อายุ 42 ปี ว่า นายประยงค์ สมนึก อายุ 60 ปี ซึ่งเป็นพ่อ ถูกคนร้ายใช้อาวุธปืนไม่ทราบชนิดยิงเสียชีวิตอยู่ริมถนนทางเข้าบ้าน

ที่เกิดเหตุอยู่ริมเขากลางป่ายางพารา ห่างจากถนนสายเอเซีย 41 ประมาณ 15 กิโลเมตร เจ้าหน้าที่พบลูกชายผู้แจ้งเหตุ พร้อมญาติและชาวบ้านกำลังอยู่ล้อมดูศพอยู่ เจ้าหน้าที่จึงได้กั้นพื้นที่ ก่อนทำการชันสูตรศพนายประยงค์ สมนึก ซึ่งสภาพนอนหงาย มีทางมะพร้าวปิดร่าง เสียชีวิตใกล้ลำธาร ห่างจากบ้านผู้ตายเพียง 200 เมตร สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง เข้าลำตัว ใบหน้า แขน กว่า 20 รู ตัวเริ่มแข็ง ซึ่งคาดเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่า 10 ชั่วโมง ใกล้กันบนเชิงเขา เจ้าหน้าที่พบปลอกประสุนปืนลูกซอง ตกอยู่ในพงหญ้าในสวนยางพารา ห่างจากศพ ประมาณ 30 เมตร จำนวน 2 ปลอก จึงได้เก็บไว้เป็นหลักฐาน

สอบถามนายสุรชัย ลูกชายผู้ตาย ให้การว่า เดิมที่ตนเองไม่ค่อยได้อยู่บ้าน เพราะออกไปทำงานรับจ้างนอกหมู่บ้าน แต่ที่กลับมาก็เพราะว่า เมื่อวานช่วงเย็นตนเองได้โทรศัพท์มาหา นายประยงค์ ผู้ตาย ปรากฏติดแต่ไม่รับสาย ซึ่งก็ไม่ได้เอะใจมาก เพราะรู้ก่อนหน้าว่าพ่อจะมาต่อท่อน้ำไปใช้ในสวน จนกระทั่งมาช่วงเช้า ได้ขับรถเพื่อมาดูพ่อ แต่ระหว่างสังเกตเห็นทางมะพร้าวปิดอะไรสักอย่าง จึงจอดรถดูก็พบว่าใต้ทางมะพร้าวเป็นพ่อนอนจมกองเลือดอยู่ จึงได้โทรมาบอกอา และแจ้งตำรวจให้มาตรวจสอบ

นายสุรชัย ให้การว่า ตนเองไม่ทราบว่าคนร้ายเป็นใคร เพราะ พ่อไม่เคยเล่าอะไรให้ฟัง แต่ได้ยินญาติ ว่า พ่อกับน้าพันธ์ เคยมีเรื่องทะเลาะเบาะแว้งกัน แต่ก็นานมาแล้ว จึงไม่รู้ว่าจะใช่หรือเปล่า เพราะตนเองก็รู้จักนายพันธ์ มานาน ส่วนรถยนต์ของพ่อนั้น เป็นรถยนต์กระบะตอนครึ่งสีบอร์น หมายเลขทะเบียน บย-2075 ชุมพร นั้น เห็นว่า คนร้ายได้เอาไปด้วย

ด้าน นางสาวจันทร์แรม อายุ 50 ปี น้องผู้ตาย เปิดเผยว่า ตนเองปักใจเชื่อว่า คนก่อเหตุก็คือนายประพันธ์แน่นอน เพราะเคยมีเรื่องกับพี่ชายมาแล้วหลายครั้ง เรื่องที่เรื่องทางกัน แต่ทั้งคู่ก็ปรับมาคืนดีกันแล้ว แต่อยู่ๆก็ไม่เข้าใจว่าทำไมจึงมาเกิดเรื่องขึ้นอีกประกอบกับนายประพันธ์ มีนิสัยอันธพาล ชอบพบปืนและชอบข่มขู่แรงงานต่างด้าว จนมีแรงงานบ้างคนต้องหอบผ้าหอบผ่อนหนีเพราะกลัวถูกนายพันธ์ ทำร้าย อีกทั้งมีประวัติติดยาเสพติดอีกด้วย และหลังก่อเหตุได้ขับรถยนต์ของพี่ชายไปด้วย

ส่วน น.ส.นงนุช อายุ 37 ปี เป็นหลานผู้ตาย ยืนยันว่า ผู้ตายเป็นคนดี ไม่เคยมีเรื่องกับใคร ชอบทำงาน วันๆก็อยู่แต่ในสวน ส่วนคนที่ก่อเหตุนั้น ตนเชื่อว่า เป็นนายประพันธ์แน่นอน เพราะเคยมีเรื่องกันมา จึงเป็นไปไม่ได้ว่าคนร้ายจะเป็นคนอื่น

ผู้สื่อข่าวรายงานขณะที่ตำรวจกำลังชันสูตรศพนายประยงค์อยู่ ได้มีชาวบ้านซึ่งกำลังจะเดินทางไปตัดปาล์มน้ำมัน ได้โทรศัพท์แจ้งมาที่ น.ส.วันทนีย์ บุญอยู่ ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน ม.19 ว่าพบศพถูกเผาอยู่ระหว่างทางไปสวนของตน จึงเดินทางไปที่จุดเกิดเหตุ

โดยจุดรับแจ้งซึ่งอยู่ห่างจากจุดแรกเพียง 300 เมตร ซึ่งก็พบศพดังกล่าวจริงอยู่ในสภาพถูกเผา ดำเป็นตอตะโก โดยมีรถ จยย.ทับร่างอยู่

ก่อนจะเดินไปตรวจสอบที่บ้านพักคนงาน ซึ่งเป็นจุดที่สาม ที่ชาวบ้านที่ไปตัดปาล์มน้ำมัน แจ้งมาว่าพบคนเสียชีวิตอยู่หน้าบ้านพักแรงงานต่างด้าว โดยจุดที่สามที่ได้รับแจ้งห่างจาก เหตุเผาศพเพียง 300 เมตร เป็นบ้านพักชั้นเดียว ปลูกอยู่กลางสวนยางพารา พบผู้เสียชีวิต สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง เข้าบริเวณท้ายทอยด้านซ้าย กระสุนทะลุแก้ม นอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงหน้าบ้าน นอกจากนี้ยังพบผู้เสียชีวิตอีก 1 ศพ สภาพถูกยิงด้วยอาวุธปืนลูกซอง เข้าที่ท้ายทอยเช่นเดียวกัน นอนเสียอยู่ภายในห้องนอน

สอบถามนายบุญเลิศ อายุ 59 ปี เจ้าของสวนยางพาราและเป็นนายจ้างของคนตายทั้งสอง ทราบว่า เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา ตนเองเพิ่งเข้ามาเอายางในสวนไปขายในตลาด ซึ่งทั้งสองคนยังอยู่ปกติ จนมาเมื่อเช้าหลังทราบข่าวก็เดินทางมาดู ก็พบว่าลูกน้องของตนเสียชีวิตแล้วทั้งสองคน โดยผู้ที่เสียชีวิตอยู่หน้าบ้านนั้น ชื่อ นายน้อง อายุ 34 ปี ส่วนผู้เสียชีวิตภายในห้อง ชื่อนายนาย อายุ 51 ปี โดยนายนายนั้นมีสุขภาพไม่ค่อยดี แต่ก็ยังทำงานได้ และอยู่กับตนมานานแล้ว ส่วนสาเหตุนั้น ตนเองก็เชื่อว่าน่าจะเป็นฝีมือนายพันธ์ เพราะก่อนหน้านั้น นายนายพันธ์ ซึ่งมีสวนยางอยู่ใกล้กัน ได้มาข่มขู่ลูกน้องตน หลายอย่างไม่ว่าจะเอาตำรวจมาจับ ข่มขู่เอาเงินบ้างและพาลหาเรื่องว่า คนงานของตนและคนงานของน้องสาวตน ซึ่งอยู่ใกล้กันอีกสวน ลักขี้ยางของเขาไปขาย ซึ่งเรื่องดังกล่าวไม่น่าจะเป็นไปได้เพราะ ร้านรับซื้อยางทุกร้านใน อ.สวี จะไม่รับซื้อยางจากแรงงานต่างด้าวทุกคน และหามีมาขาย ก็จะแจ้งให้เจ้าของสวนต่างๆซึ่งเป็นลูกค้าประจำได้ทราบ

นายบุญเลิศ ยังกล่าวต่อว่า ตอนนี้ ตนเองเป็นห่วงลูกน้องชาวมอญของน้องสาว ซึ่งมีอยู่กัน 3 คนพ่อแม่ลูก ได้หายไปจากบ้านพัก พบเพียงเสื้อผ้า ของเล่น ยังอยู่ และหน้าบ้านพบสุนัขของเขา ถูกยิงตายไปด้วย 1 ตัว เกรงว่าจะถูกทำร้ายและนำไปโยนทิ้ง ตอนนี้ก็ได้ระดมคนช่วยค้นหากันอยู่

ต่อมา น.ส.มะลิวรรณ อายุ 44 ปี ได้แจ้งว่า ตอนนี้ครอบครัวสามพ่อแม่ลูกปลอดภัยแล้ว โดยทั้งสามได้หลบหนีไปอาศัยอยู่กับญาติด้านนอก ซึ่งตนเองไม่อยากคิดเลย ว่าหากทั้งสามไม่หนีไปก่อนหน้า จะกลายเป็นศพด้วยหรือเปล่า เพราะทางนายพันธ์ ได้มาข่มขู่ไว้เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมา และทั้งสามได้เอาเรื่องนี้ไปบอกคุณครูของลูกสาว และทางคุณครู ได้แนะนำให้ออกมาจากพื้นที่มาก่อน

ด้าน พ.ต.อ.จักรา เสาวคนธ์ ผกก.สภ.นาสัก เปิดเผยว่า คดีดังกล่าวดูซ้ำซ้อนพอประมาณ แต่น่าจะเป็นไปได้ว่า เป็นบุคคลคนเดียวที่ก่อเหตุนี้ขึ้นมา แต่ทั้งนี้ก็ต้องรวบรวมพยานหลักฐานก่อนจึงจะสามารถสรุปได้ว่าคนร้ายรายนี้เป็นใคร และเป็นคนเดียวกันหรือไม่ จึงขอเวลาอีกระยะ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทาง ผกก.สภ.นาสัก ได้สั่งการให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ค้นประวัตินายประพันธ์ คาดว่าจะเป็นผู้ก่อเหตุ ตามพยานบุคคล เพื่อส่งให้กับทาง สภ.ต่างๆได้เฝ้าสกัดจับตัว ซึ่งคาดว่า เป็นผู้ที่ขับรถของนายประยงค์คนตายไปด้วย