เกาะประเด็นร้อนทางการเมือง โดยเฉพาะการจับตาการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 13 ก.ค. 66

โดยทางฟากฝั่ง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังยืนยันจะเสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นนายกรัฐมนตรี แม้ว่าศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้อง และให้โอกาสนายพิธาชี้แจงใน 15 วัน

ขณะที่นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ และรักษาการหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เปิดเผยว่า ในการประชุม ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ในช่วง 11.30 น. วันนี้ จะเป็นการพิจารณาเรื่องการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี ซึ่งต้องไปหารือกัน มองว่าไม่มีอะไรยากเพราะเราเคยพิจารณาเลือกนายกฯ มาหลายครั้งแล้ว

ส่วนทิศทางจะเป็นอย่างไรนั้น นายจุรินทร์ กล่าวว่า เมื่อมีความเห็นอย่างใดอย่างหนึ่งแล้ว ก็ควรเป็นไปในทางเดียวกันในการลงมติ แม้จะเป็นเอกสิทธิ์ก็ตาม คงไม่ถึงขั้นฟรีโหวต เพราะไม่มีความจำเป็น

ส่วนการเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ เวลา 15.00 น วันนี้จะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค เพื่องดเว้นข้อบังคับที่จะต้องประชุมใหญ่เพื่อได้มาซึ่งกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ภายใน 30 วัน เพราะเป็นเหตุสุดวิสัย วันนี้จึงต้องนัดวันประชุมใหญ่ที่เหมาะสมต่อไป ซึ่งจะเป็นวันใดนั้นต้องได้มติที่ประชุม

โดยผลที่ประชุม ปรากฏว่า 25 ส.ส. มีมติไม่สนับสนุนแคนดิเดตของพรรคการเมือง ที่มีนโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112

ขณะเดียวกัน ยังมีประเด็นศาลรัฐธรรมนูญ ที่จะพิจารณาสมาชิกสภาพของนายพิธา โดยนางสาวสุณัฐชา โล่สถาพรพิพิธ ส.ส.ตรัง
กล่าวว่า ตามธรรมเนียมถ้าย้อนไปปี2562 ทางพรรคอนาคตใหม่ ก็เรียกร้องให้ลงมติให้พรรคที่มาจากเสียงข้างมากในสภา แต่พรรคก็ไม่ได้สนับสนุนพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี โดยทางปชป.มีมติงดออกเสียง

ส่วนท่าทีของสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) พลเรือเอกเชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ บอกว่าผบ.เหล่าทัพติดภารกิจ โดยเฉพาะผู้บัญชาการทหารเรือ ติดภารกิจพิธีรำลึกร.ศ.112 ที่ป้อมพระจุลจอมเกล้า

นอกจากนี้ ผู้บัญชาการทหารเรือ ยังกล่าวว่า พิธีรำลึก112 ไม่เกี่ยวข้องกับม.112 และไม่มีการส่งสัญญาณอะไร เป็นงานสำคัญอยู่แล้ว ที่ได้ยื่นใบลากับประธานวุฒิสภาไว้ก่อนหน้านี้

เมื่อถามว่า พลเอกเฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ให้แนวทางในเรื่องกาโหวตเลือกนายกฯ อย่างไรบ้าง พลเรือเอกเชิงชายกล่าวว่า ท่านไม่ได้ให้นโยบายอะไร ไม่ได้มีการตกลงหรืออะไรทั้งสิ้น

เมื่อถามว่าในวันพรุ่งนี้ ผบ.เหล่าทัพ ได้นัดหมาย ที่จะเข้าประชุมพร้อมกันหรือว่าติดราชการกันทั้งหมด พลเรือเอกเชิงชาย ระบุว่า ถือเป็นเอกสิทธิ์ของแต่ละท่าน ที่จะพิจารณาด้วยตัวเอง

เมื่อถามว่าในฐานะที่เป็น ผู้บัญชาการเหล่าทัพและเป็น ส.ว. โดยตำแหน่ง จุดยืนในเรื่องของ ม.112 จะมีเหมือนกับสว. คนอื่นที่จะไม่เลือกพรรคมีนโยบายแก้ไขม.112 หรือไม่ พลเรือเอกเชิงชาย ระบุว่า ไม่มีความเห็นในเรื่องนี้


เมื่อไล่ย้อนดูภารกิจของผบ.เหล่าทัพ ที่ไม่สามารถร่วมโหวตนายกฯ วันที่ 13 ก.ค. 66 โดยพล.อ.สนิธชนก สังขจันทร์ ปลัดกระทรวงกลาโหม ติดราชการจ.ลพบุรี , พล.อ.เฉลิมพล ศรีสวัสดิ์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ติดราชการ จ.พิษณุโลก , พล.อ.ณรงค์พันธ์ จิตต์แก้วแท้ ผู้บัญชาการทหารบก ติดภารกิจตรวจชายแดน , พล.ร.อ.เชิงชาย ชมเชิงแพทย์ ผู้บัญชาการทหารเรือ ติดภารกิจร่วมพิธีรำลึกร.ศ.112 และ พล.อ.อ.อลงกรณ์ วัณณรถ ผู้บัญชาการทหารอากาศ ติดราชการต่างประเทศ

ส่วนกรณีกระแสข่าวจะมีการรวมตัวกัน ของส.ว.สายทหารหนุนนายพิธา ในเรื่องนี้ พลเอก เลิศรัตน์ รัตนวานิช ส.ว. กล่าวว่า ตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้น เพราะยึดถือมาตลอดว่าจะไม่ก้าวก่ายส.ว.คนอื่นในการลงมติ เนื่องจากเป็นเอกสิทธิ์ส่วนบุคคล ยืนยันกระแสข่าวดังกล่าว ไม่ได้เป็นข้อเท็จจริง และการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีมีความสำคัญ และไม่ขอเปิดเผยว่าจะลงมติอย่างไรด้วย เพราะจะเป็นการชี้นพส.ว.ท่านอื่นๆ

นอกจากนี้ยังมีกระแสกดดันและแบล็คเมลล์ ส.ว. เพื่อให้ลงมติเลือกคุณพิธา เป็นนายกฯ เรื่องนี้พลเอก เลิศรัตน์ ยอมรับว่ากระแสดังกล่าวก็มีแหละ แต่ว่าผมไม่ได้กดดันอะไรรวมถึงวุฒิสภาด้วย

ส่วนนายสมชาย แสวงการ ส.ว. กล่าวว่า ต้องรอศาลรัฐธรรมนูญก่อน คาดว่าน่าจะใช้เวลา 1 สัปดาห์ ซึ่งนายพิธายังสามารถแสดงวิสัยทัศน์ได้

โดยก่อนหน้านี้ส.ว.เคยออกมาบอกว่าจะพิจารณาไม่เลือกคนที่มีประวัติมีคดี เพราะมันจะมีผลต่อการโหวต นายสมชาย กล่าวว่า ก็แล้วแต่คนในในแต่ละท่าน ในการวินิจฉัยผมก้าวร่วงไม่ได้ แต่ดูในหลักการว่าสิ่งที่นายพิธาต้องมี 4 ข้อ คือนายพิธาต้องมีความซื่อสัตย์ มีวิสัยทัศน์ , มีความรอบรู้ และจะสร้างแรงบันดาลใจได้หรือไม่ ส่วนหลักการสำคัญในการเป็นคณะรัฐมนตรี ก็เคยพูดแล้วว่าต้องดูความมั่นคงของประเทศ ซึ่งไม่ใช่ความมั่นคงของทหาร แต่คือความรักชาติ ศาสนาและพระมหากษัตริย์

ขณะเดียวกัน ที่ลานสกายวอร์ก ซึ่งมีการรวมตัวกัน คุณสิกิตตรี เกิดมงคล ผู้สื่อข่าวช่อง 8 ระบุว่า นายอานนท์ นำภา ทนายความด้านสิทธิมนุษยชน และแกนนำกลุ่มราษฎร แกนนำหลัก ปราศรัยแสดงความคิดเห็นทางการเมืองที่สกายวอร์ก หน้าหอศิลปวัฒนธรรมกรุงเทพ ขณะชุมนุม ถึงความไม่เป็นธรรมที่ไม่เป็นประชาธิปไตยที่ผ่านมา ทั้งบัตรเขย่ง การเลือกตั้งไม่เป็นธรรม โดยไม่คำนึงถึงประชาธิปไตยของประชาชน ส่วนที่ประชาชนบางส่วนที่มาร่วมชุมนุมสนับสนุนพรรคก้าวไกลเพราะต้องการอยากได้ประชาธิปไตย

"ตนขอแย้งการทำงานของกกต. ซึ่งส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อพิจารณาวินิจฉัยสมาชิกภาพ ส.ส.ของ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะหัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล เป็นผู้ถือหุ้นบริษัท ไอทีวี จำกัด (มหาชน) มีเหตุสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ 2560 ถือเป็นการไม่เคารพมติประชาชน ยืนยันไม่ยอมรับการทำงานของกกต. ครั้งนี้" นายอานนท์ กล่าว

นายอานนท์ กล่าวอีกว่า ส่วนที่ต้องชุมนุมพรุ่งนี้ เพราะก่อนหน้านี้พยายามส่งเสียงทางการเมืองแต่ทางส.ว.และส.ส.ไม่ได้ยินเสียง จึงต้องไปชุมนุมหน้ารัฐสภา และหากนายพิธาไม่ได้รับการโหวตเป็นนายกรัฐมนตรี ยืนยันเห็นการรวมตัวกลุ่มมวลชนและยกระดับชุมนุมแน่นอนในสัปดาห์หน้า โดยมวลชนจะเดินถนนทั่วแผ่นดิน เพื่อกดดันและยืนยันเจตนารมย์

วันนี้มีตัวแทนพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยมาร่วมรับฟังการแสดงความคิดเห็นการเมืองด้วย ซึ่งตนยืนยันว่าพรรคเพื่อไทยเลือกโหวตนายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน จากนั้นประกาศยุติการชุมนุมช่วง 20.15 น. และนัดมวลชนพรุ่งนี้ 15.00 น.จะปักหลักชุมนุมที่หน้ารัฐสภา โดยจะจับตามองส.ส.และส.ว. จะฟังเสียงของประชาชนหรือไม่ ซึ่งประชาชนพร้อมแสดงพลังรวมตัวบนถนนหากนายพิธาไม่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีสัปดาห์หน้า

ส่วนท่าทีของนายพิธา ให้สัมภาษณ์ว่า ขอบคุณทุกคนที่ให้กำลังใจผมทราบแล้ว ว่าถูกกกต.ส่งคำร้องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ แล้วก็เห็นคุณแพทองธาร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย , คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ รวมทั้งประชาชน ส่งข้อความมากันเต็มเลย บอกว่าตอนนี้มีสติและกำลังใจยังดี พร้อมจะเดินหน้าสู่กระบวนการโหวตนายกรัฐมนตรี ไม่มีปัญหาอะไร ไม่ห่วงว่ากรณีนี้จะเป็นปัจจัยในการโหวตนายกรัฐมนตรี ซึ่งส.ว.หลายคนแสดงจุดยืนว่าเป็นนักการเมืองของประชาชน

ผู้สื่อข่าวถามเพิ่มเติมว่าโดยเฉพาะเรื่องที่ว่าจะต้องตั้งรับในการเตรียมชี้แจงอะไรยังไง นายพิธา บอกว่า ตอนนี้ไม่รู้จะตั้งรับอย่างไรเพราะว่าไม่มีโอกาสชี้แจงเลย โดยเฉพาะเรื่องของการถือหุ้น และที่สำคัญคดีนี้ก็รวดเร็วมากอย่างที่บอกกกต. เหมือนกับรับเรื่องแล้วก็เรียกไอทีวีเข้ามาชี้แจง แต่นายพิธาไม่มี ถึงบอกว่าผมไม่ทราบว่ากกต.สงสัยผมในประเด็นไหนเรื่องหุ้นไอทีวี

และมากกว่านั้นคือเรื่องที่ประชาชนสงสัย การทำงานของสื่อมวลชน ที่เขาออกมาเปิดเผยขอดูภาพที่ตอนนั้น คลิปประชุมของไอทีวีสำคัญก็คือว่าตอนที่ถูกเปิดเผยขึ้นมา อย่าลืมนะว่าบันทึกการประชุมบอกว่ามีการทำกิจการ ทำไมกกต.ไม่เรียกผมไปชี้แจง มันจะได้สิ้นความสงสัย ไม่เป็นปัญหาเกิดเดสล็อก ซึ่งอันนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียดาย ผมหวังว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นการกลั่นแกล้งทางการเมือง จนนำไปสู่การชุมนุม เพราะการกลั่นแกล้งผมเพียงคนเดียว มีราคาจ่ายที่สูง ระบบบริหารราชการและบริหารประเทศ และหลักเกณฑ์ที่เป็นบรรทัดฐานของนักการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่น่าเสียดายหากจะสกัดกั้นเพียงคนเดียวหรือพรรคก้าวไกล แต่เป็นเสียงของประชาชน

 

ผบ.เหล่าทัพไม่ว่างโหวตนายกฯ พิธาลั่นถ้าจ้องแกล้งระวังบทเรียนนี้จ่ายแพง