สะพัด! "สุชาติ" นั่งประธานสภาหักดิบก้าวไกลเดินเกมส์ทิ้งพิธา ส.ว.หนุนเปลี่ยนนายกฯ

นางสาวปารีณา ไกรคุปต์ อดีต ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ กล่าวภายหลังโพสต์เฟซบุ๊ก ปูดตำแหน่ง เก้าอี้ประธานสภา สุดท้ายจะเป็นของท่านสุชาติ โดยมีท่านธรรมนัสเป็นผู้เสนอชื่อ

 

เมื่อถามว่าได้ข่าวมาอย่างไร นางสาวปารีณากล่าวว่า เขาพูดกันหนาหูแล้วตอนนี้ ได้ยินพวกส.ส. เขาพูดกันทั่วไป

 

ส่วนที่ #ปารีณาแฉนั้น เพราะมดดำเขาทำรายการแฉและเป็นลูกนายสุชาติ ตันเจริญ และปกติก็แฉตลอด วันนี้จึงแฮชแท็กว่ามดดำไม่แฉ แต่ปารีณาแฉแทน ซึ่งเป็นการแซวมดดำเล่นๆ

 

สำหรับที่มีการบอกว่า ร้อยเอกธรรมนัส พรมเผ่า ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ จะเสนอชื่อนายสุชาตินั้น ถือเป็นสิทธิของ ร้อยเอกธรรมนัส ที่จะเสนอชื่อผู้ที่มีความเหมาะสมให้เป็นประธานสภา ทุกคนก็ดี แต่ส่วนตัว จากที่เคยทำงานในสภาเคยเห็นการทำงานของนายสุชาติ ก็ทำได้ดีมาก ไม่ว่าใครจะเป็นประธานสภาในครั้งนี้ก็ขอส่งกำลังใจให้

 

ส่วนฟันธงหรือไม่ ว่าตำแหน่งประธานสภาจะชื่อสุชาติตันเจริญ น.ส.ปารีณา กล่าวทิ้งท้ายว่า "ฟันธงค่ะ"

 

ส่วนเรื่องปมชิงเก้าอี้ประธานสภา ทางพรรคก้าวไกลเคยบอกว่าหลักการคือคนที่ได้เสียงเป็นอันดับ 1 จะต้องเป็นประธานสภา แต่อยู่ๆวันนี้ เพื่อไทยกลับมาขอเก้าอี้ประธานสภา ก็เลยเกิดเป็นคำถามว่าทำไมอยู่ๆถึงมาเปลี่ยน

 

โดยวันนี้โซเชียลมีเดียได้มีการแชร์คลิปของนายประเสิรฐ ประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ที่เคยพูดว่า เพื่อไทยยึดหลักการ ก้าวไกลพรรคอันดับ 1 นั่งประธานสภา ส่วนพรรคอันดับ 2 นั่งรองประธาน โดยได้ให้สัมภาษณ์ไว้เมื่อวันที่ 23 มิ.ย.66 แต่ต่อมาวันที่ 27 มิ.ย. กลับมาให้สัมภาษณ์ว่าเพื่อไทยต้องได้นั่งเก้าอี้ประธานสภา

 

ย้อนที่มาประธานสภา ต้องมาจากพรรคอันดับ 1 หรือไม่?

 

ด้านนายเศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และหนึ่งในแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย  กล่าวถึงการเลื่อนเจรจาประธานสภาผู้แทนราษฎร ระหว่างพรรคเพื่อไทยและก้าวไกลว่า  ในขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนของการเจรจา ซึ่งยังมีเวลาอีก 3-4 วันก่อนที่จะถึงวันโหวตประธานสภาผู้แทนราษฎร และกล่าวย้ำว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลยังคงจับมือกันไม่แยกจากกัน ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งการจัดตั้งรัฐบาลฝ่ายประชาธิปไตยได้

 

โดยมองว่าเรื่องดังกล่าวจะไม่ทำให้ เกิดการกระแสวิพากษ์วิจารณ์พรรคเพื่อไทย หรือ ทัวร์ลง เพราะพรรคเพื่อไทยรับฟังทุกความเห็นไม่ว่าจะเป็นประชาชา ส.ส. และกรรมการบริหารพรรค และ สิ่งสำคัญที่สุดขณะนี้คือธงจะต้องไม่เปลี่ยน เชื่อว่าการเจรจาจะได้ข้อยุติคุยกันรู้เรื่อง และยืนยันว่าเหตุการณ์เลื่อนเจอจะออกไปไม่ใช่การแย่งตำแหน่งกัน เพราะการแข่งขันทางการเมืองจบไปแล้วตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม

 

ส่วนที่มีการตั้งข้อสังเกตว่าการประกาศจุดยืนยึดเก้าอี้ประธานสภาของพรรคเพื่อไทยจะนำไปสู่การพลิกขั้วการเมืองนั้น นายเศรษฐา กล่าวความมั่นใจว่าจะไม่มีการพลิกขั้ว เพราะพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลยังคงจับมือไปด้วยกัน  จนกว่าจะมีการตั้งรัฐบาลได้ แต่ในขณะนี้การเจรจายังไม่สิ้นสุด  และส่วนตัวไม่ทราบว่ารายชื่อแคนดิเดตประธานสภาของพรรคเพื่อไทยมีใครบ้างเนื่องจากไม่ได้อยู่ในคณะกรรมการบริหาร

 

พร้อมมองว่าการเดินสายแสดงวิสัยทัศน์ แคนดิเดตประธานสภาผู้แทนราษฎรของพรรคก้าวไกล ว่าไม่ใช่การออกตัวแรง แต่เป็นการแสดงความชัดเจน และขออย่ามองไปไกลว่าหากพรรคก้าวไกลไม่ได้ตำแหน่งประธานสภาฯ จะทำให้เสียหน้า  และย้ำว่าเรื่องนี้จะไม่เป็นอุปสรรคต่อการจัดตั้งรัฐบาล

 

ขณะเดียวกันนายเศรษฐามองว่าอย่าคิดว่าจะ เป็นการเสียสละ ยกให้ หรือเป็นการถอยอะไรสำหรับการเจรจาในครั้งนี้ เพราะฝ่ายเดียวกันจุดมุ่งหมายเดียวกันคือการจัดตั้งรัฐบาล โดยไม่ได้ตอบชัดเจนว่า หากพรรคเพื่อไทยไม่ได้เป็นประธานรัฐสภาในวันข้างหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น บอกเพียงว่าคุยกันได้อยู่แล้ว เป้าหมายหลักจะไม่เสีย และหลังการจัดตั้งรัฐบาลเชื่อว่า ส.ส. ในพื้นที่จะสามารถจัดการปัญหาช่วยเหลือประชาชนได้ ในส่วนอะไรที่ต้องบริหารจัดการที่ใช้รัฐมนตรีก็ต้องรอไปก่อน

 

ก่อนจะทิ้งท้ายแสดงความมั่นใจว่านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกล จะได้รับการโหวตให้เป็นนายกรัฐมนตรีแน่นอน

 

ด้านนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ ในฐานะคณะกรรมาธิการการพัฒนาการเมืองและการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา กล่าวถึงความเห็นของ ส.ว.ในการโหวตนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี  ว่า ขณะนี้คลื่นลมสงบ ได้ข้อยุติแล้ว   ส.ว.ส่วนใหญ่ตัดสินใจปิดสวิตซ์ตนเอง โดยการงดออกเสียง และส.ว.ที่สนับสนุนนายพิธา น่าจะน้อยกว่า 5 คน

 

เมื่อถามย้ำว่า ถ้าเสียง สว.ไม่ครบ ฟันธงว่า นายพิธา ไปต่อไม่ได้เลยใช่หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ถ้าหากวันเสนอชื่อนายกรัฐมนตรี ตนเชื่อว่าจะมีแคนดิเดตฯ มากกว่า 1 คน เพราะตามกฎหมายพรรคการเมือง พรรคที่ได้ส.ส.เกิน 25 คน สามารถเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีได้

 

เมื่อถามว่า ฝ่ายที่เป็นประชาธิปไตย และฝ่ายรัฐบาลรักษาการปัจจุบัน สว.ถูกใจฝั่งไหนมากกว่า นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า "ส.ว.กิตติศักดิ์ อยู่ฝ่ายประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เพราะฉะนั้นการอ้างประชาธิปไตย ตนคิดว่าอาจเป็นประชาธิปไตยปลอมก็ได้"

 

เมื่อถามว่า หากพรรคก้าวไกล เสนอชื่อนายพิธา แล้วไม่ผ่าน แคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยมีโอกาสหรือไม่ นายกิตติศักดิ์  กล่าวว่า" เดี๋ยวจะหาว่า สว.อะไรก็ไม่เอา เรามองแล้วว่าบ้านเมืองต้องเดินไปได้ ซึ่งหากนายพิธา ไปไม่ได้ พรรคอันดับ 2 ก็ต้องขึ้นมา เพราะเราต้องการให้บ้านเมืองเดินไปได้"

 

เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าพรรคเพื่อไทย จะได้ใช่หรือไม่ นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนตอบตรงนี้ชัดเจนไม่ได้ เพราะ สว.ไม่ก้าวก่ายการจัดตั้งรัฐบาล แต่บอกได้แค่ว่า จะมีการเสนอแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมากกว่า 1 พรรค ส่วนพรรคใดจะได้หรือไม่ได้ ส.ว.ไม่ไปก้าวก่าย

 

ส่วนที่มีชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีอีกคนนั้น นายกิตติศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ แต่ถ้ามีชื่อของพล.อ.ประวิตร ก็ต้องไปดูก่อนว่าเป็นไปได้หรือไม่ ซึ่งเราไม่ก้าวก่ายการจัดตั้งรัฐบาล

 

แต่ขอย้ำจัดยืนว่า รัฐบาลเสียงข้างน้อย ไม่น่าจะเกิดขึ้น เพราะบ้านเมืองเดินไปไม่ได้ บริหารประเทศไม่ได้ แต่ถ้าจะเป็นรัฐบาล ต้องไปรวบรวมเสียงให้ได้เกินครึ่ง คือ 376 เสียง แบบนี้บ้านเมืองถึงจะเดินไปได้ แต่หากมี ส.ส.อยู่ 100 กว่าเสียง แล้วไปจัดตั้งรัฐบาล ส่วนตัวไม่เห็นด้วย

 

ส่วน บรรยากาศที่พรรคก้าวไกลเช้าวันนี้ ยังคงไม่มีความเคลื่อนไหว หลังเมื่อนางสาวภคมน หนุนอนันต์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคก้าวไกล แจ้งต่อสื่อมวลชนพรรคก้าวไกล กรณีการนัดหารือกันระหว่างแกนนำพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย เกี่ยวกับข้อสรุปประธานสภาขอเลื่อนออกไปก่อนโดยไม่มีกำหนด

 

มีเพียงแกนนำพรรคบางคน เช่น นายรังสิมันต์ โรม เดินทางเข้าพรรค โดยใช้ประตูด้านหลัง เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า การประชุมหารือเรื่อวตำแหน่งประธานสภาฯ ระหว่างพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย จะเลื่อนเป็นวันไหน นายรังสิมันต์ ตอบสั้นๆ ว่า ยังไม่รู้ แต่คาดว่า วันนี้น่าจะทราบว่าเลื่อนไปประชุมวันไหน ก่อนจะเดินเข้าอาคารที่ทำการพรรค

ทิ้งพิธา ได้ทั้งประธานและนายก!