"ปลัดสธ." เผย "ค่าตอบแทน-ภาระงาน" มีผลต่อบุคลากร ทำแห่ลาออก ยัน สธ.ดูแลดีที่สุด สางปมปัญหา "รพ.ศูนย์-รพ.ทั่วไป" งานโหลด เร่งปรับระบบแก้ไข

วันที่ 6 มิถุนายน 2566 จากกรณีที่ "หมอปุยเมฆ" พญ.นภสร วีระยุทธวิไล หรือที่หลายคนรู้จักในนาม "ปุยเมฆ นภสร" นักร้องนักแสดงสาวสวย ได้ออกโพสต์ข้อความ ตัดสินใจยื่นจดหมายลาออกจากราชการ และกลายเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ถึงการทำงานของบุคลากรทางการแพทย์ และต่อมา หมอปุยเมฆ ได้ลบโพสต์ดังกล่าวออกไป โดยให้เหตุผลว่า เรื่องเริ่มลามไปถึงพี่ ๆ staff ผู้ร่วมงานบางท่าน จึงไม่อยากให้ใครต้องมาโดนร่างแหไปด้วยเพราะคนข้างในเหนื่อยกันมากๆ ตามที่นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น

ล่าสุด นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ก่อนประชุมคณะรัฐมนตรี ถึงกรณีที่มีบุคลากรทางการแพทย์จำนวนมากลาออก ว่า วันเดียวกันนี้ นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ฝ่ายบริหาร จะมีการเสนอข้อมูลภาพรวมและเหตุการณ์ที่ประชาชนสนใจ ผู้สื่อข่าวถามถึงจำนวนหมอที่ลาออกในขณะนี้ นพ.โอภาส กล่าวว่า ให้รอฟังจากการ เนื่องจากมีตัวเลขรายละเอียดเยอะ

เมื่อถามถึงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับนโยบายที่ไม่รับหมอจบใหม่ และบุคลากรเพิ่ม นพ.โอกาส กล่าวย้อน ว่า มีด้วยหรือนโยบายที่จะไม่รับหมอ มีแต่อยากจะรับเยอะๆ อยากรับเพิ่ม แต่คนที่จะอนุมัติให้รับเพิ่มคือสำนักงานข้าราชการพลเรือน และรัฐบาล ต้องยอมรับว่าความต้องการรับบริการของประชาชนมีสูง โดยเฉพาะช่วงหลังจากสถานการณ์โควิด-19 ที่พยายามจะยกระดับทำงาน แต่มีข้อจำกัดเรื่องบุคลากร

ซึ่งต้องขอบคุณพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม ที่อนุมัติบุคลากรการหลังโควิด 45,000 อัตรา ทำให้ความกดดันเรื่องของบุคลากรลดลงทแต่ยังไม่หมด เนื่องจากความต้องการรับบริการของประชาชนมีมาก นอกจากนั้นมีปัญหาเรื่องงบประมาณ ที่ได้รับจากสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ที่เหมาจ่ายรายหัว ซึ่งเราหวังว่าจะได้รับงบประมาณเพิ่มขึ้นให้เท่ากับที่ต้องบริการประชาชน

เมื่อถามว่าเรื่องงบประมาณ เป็นปัญหาหลักที่ทำให้บุคลากร ลาออกหรือไม่ ปลัดสธ.กล่าวว่า เป็นส่วนหนึ่ง มีทั้งเรื่องบุคลากร และหากสังเกตทุกอย่างอยู่นอกการควบคุมของกระทรวงสธ. และเราใช้ทรัพยากรทั้งคนและเงินที่มีอยู่อย่างจำกัดมาบริการประชาชนให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้เพื่อไม่ให้เดือดร้อน

นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า "ต้องขอบคุณ หมอ พยาบาล และบุคลากรทุกคน ที่เสียสละ ทุ่มเท ทำงานให้ประเทศ และกระทรวง เพื่อให้ประชาชนได้รับบริการอย่างดีที่สุด เราจะดูแลจัดการเรื่องนี้ให้มีประสิทธิภาพ ได้กำชับเรื่องสวัสดิการและภาระงานไม่ให้เกินไป ที่ดูจากตัวเลขภาระงานค่อยๆลดลง และดีขึ้น แต่ไม่ได้แปลว่าหมดไป ส่วนที่มีบางจุดที่เป็นปัญหา ก็ค่อยๆแก้เป็นจุดๆไป และในสังคมปัจจุบัน ประชาชนที่อยู่ในชนบทตอนนี้มาอยู่ในเมืองเยอะกว่า ทำให้ภาระงานในโรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไป มีมากกว่าโรงพยาบาลอำเภอ โดนกระทรวงพยายามปรับเปลี่ยนตรงนี้เพื่อให้เกิดความสมดุลย์ โดยยึดถือนโยบายว่าจังหวัดหนึ่งให้เป็นโรงพยาบาลเดียวกันก็จะอยู่โรงพยาบาลไหนสามารถเคลื่อนย้ายบุคลากรกันได้ให้เกิดภาระงานของที่ใดหนักเกินไป"

เมื่อถามว่าจะทำให้เกิดการสมองไหลในวงการแพทย์หรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า เราต้องใช้มาตรการหลายส่วน และการที่บุคลากรจะอยู่ได้หนึ่งคือเรื่องค่าตอบแทนที่ต้องเปรียบเทียบกับภาคเอกชนที่เป็นการดึงดูดใจ และเรื่องสวัสดิการที่กระทรวงเพิ่มค่าตอบแทนและโอทีเพิ่มเข้าไป และดูแลเรื่องบ้านพักกำชับให้สร้างบ้านพักสำหรับหมอพยาบาลให้เพียงพอ และความก้าวหน้าในวิชาชีพ ซึ่งตอนนี้หมอได้ซี 9 ทุกคน ส่วนพยาบาลราชการและได้รับราชการส่วนพยาบาลพยายามที่จะให้ซี8 ซี9 ทุกคน ถ้าทำได้โดยต้องดูระเบียบของก.พ.เรื่องของภาระงานยอมรับว่าเป็นเรื่องที่แก้ยาก เนื่องจากความต้องการของประชาชนมีเยอะแต่ถ้ามีบุคลากรและงบประมาณเพิ่มขึ้นก็จะจัดการได้ดีขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะแก้เบื้องต้นที่บุคลากรลาออกได้อย่างไร นพ.โอภาส กล่าวว่า ภาพรวมของบุคลากรที่รับเหมาต่อปีประมาณ 2000 คน ที่ลาจะออกส่วนนึงคือแพทย์เพิ่มพูนทักษะ เมื่อจบแล้วบางคนอยากไปเรียนต่อสามารถเกิดได้เป็นปกติปีละประมาณ 10%และที่กลับเข้ามาใหม่ในระบบตัวเลขถือว่าเป็นบวก ดังนั้นจำนวนบุคลากรที่ขาดแคลนยังมีอยู่ แต่ไม่ถึงกับกดดันมากนัก และอาจมีบางจุดที่เป็นปัญหาเหมือนโรงพยาบาลศูนย์ และโรงพยาบาลทั่วไปกำลังจะมีการปรับเปลี่ยนระบบไม่ให้ภาระงานเยอะจนเกินไป

เมื่อถามย้ำว่าอีกสาเหตุคือบุคลากร ไม่ได้รับการบรรจุหรือไม่ นพ.โอภาส กล่าวว่า เราบรรจุเกือบทุกคนที่อยากอยู่กับเรา แต่บางครั้งแพทย์ที่ไม่ได้ใช้ทุน อยู่ในมหาลัยเอกชน หรือแพทย์ที่จบจากต่างประเทศ ที่ไม่มีสัญญาใช้ทุน แต่ถ้าต้องการอยู่กับเรา ก็จะหาตำแหน่งทางราชการให้