พิธากุมขมับ! เพื่อไทยขอเก้าอี้ ปธ.สภา ชูวิทย์ลั่นชนะเด็กระวังเลือกตั้งใหม่

อีกปมประเด็นที่มีการพูดถึงมาอย่างต่อเนื่อง กรณีประธานรัฐสภา ควรเป็นเก้าอี้ของพรรคก้าวไกล หรือ พรรคเพื่อไทย

เรื่องนี้ นายอดิศร เพียงเกษ ว่าที่ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังนายปิยบุตร แสงกนกกุล แกนนำคณะก้าวหน้า โพสต์ข้อความระบุประธานสภาต้องเป็นตำแหน่งของพรรคก้าวไกล ว่า ด้วยความเคารพนายปิยบุตร ทุกสิ่งทุกตำแหน่งท่านจะกินรวบไปหมด โดยเข้าใจว่าตัวเองมีเสียงข้างมากความเป็นจริง 152 เสียง ยังเป็นเสียงที่ไม่ได้เกินครึ่ง ถ้าอยากได้ทุกตำแหน่งต้องทำให้ได้เหมือนพรรคไทยรักไทย 377 เสียงที่จะชี้เป็นชี้ตาย

เมื่อพรรคก้าวไกล ซึ่งเป็นพรรคที่ได้ไข่เป็ดไข่ไก่ ไม่ใช่ว่าได้ฝ่ายบริหารแล้วจะไม่ให้พรรคอื่นไปดำรงตำแหน่งฝ่ายนิติบัญญัติ เพราะฝ่ายนิติบัญญัติต้องดูความเหมาะสมของแต่ละช่วงเวลา เช่น บางครั้งนายชวน หลีกภัย อดีตประธานสภามีเสียงส.ส.แค่ 60 เสียง ยังดำรงตำแหน่งได้ หรือ ในกรณีนายอุทัย พิมพ์ใจชน ที่มีเพียง 3 เสียงก็ยังเป็นประธานสภาได้

นายอดิศร ระบุว่า ตนคิดว่านายปิยะบุตรควรไปพูดคุยกันในพรรคก้าวไกล เพราะในการหาเสียงของพรรคก้าวไกลมีการนำเรื่องการแก้ไขม.112 มาหาเสียงจนได้ชัยชนะ จึงเป็นห่วงว่ากลุ่มประชาชนที่สนับสนุนจะมองว่าสู้ไปโกหกไปหรือไม่ จึงเป็นห่วงภาพลักษณ์ของก้าวไกล ยังไม่เป็นรัฐบาลเลยก็ทำแบบนี้เสียแล้ว

ล่าสุด นายรังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล และว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล เปิดเผยถึงกรณีนี้ว่า กรณีตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร ทางพรรคก้าวไกลอยากรักษาประเพณีที่เคยทำกันมา ต่อเนื่องในอดีต หากไม่นับรวมเมื่อปี 2562 จะพบว่าพรรคการเมืองที่ชนะการเลือกตั้งเป็นลำดับที่ 1 จะขอตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรด้วย เพื่อผลักดันกฎหมายต่างๆ ดังนั้นตำแหน่งดังกล่าวทางพรรคก้าวไกลต้องขอเอาไว้เอง

เมื่อไล่ย้อนหลัง 20 ปี ตำแหน่งประธานสภา ตั้งแต่มาจากพรรคการเมืองที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ 1 ในสภา ตั้งแต่ปี 2535-2554

และในปี2557 นายพรเพชร วิชิตชลชัย นั่งประธานสภาที่มาจากการแต่งตั้งโดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.)

ส่วนนายชวน หลีกภัย พรรคประชาธิปัตย์ มาจากพรรคการเมือง ที่ได้คะแนนเสียงเป็นอันดับ4 ในสภา

ขณะเดียวกันนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ อดีตนักการเมือง โพสต์ข้อความ ผูกขาเดินด้วยกัน เกมการเมือง ณ ขณะนี้ มี 2 เรื่องที่เกี่ยวโยงกัน สถานการณ์การเมืองตอบลำบาก เพราะนายกฯจะชื่อพิธาหรือไม่ มันยังไม่แน่นอนเหมือนทุกครั้ง

นอกจากนี้ บางส่วนยังระบุว่า เมื่อไม่ผ่าน ส.ว. ก็เสนอชื่อแคนดีเคตนายกฯ ของเพื่อไทยที่มีถึง 3 คน ในขณะที่พรรคก้าวใกลเองมีนคนติเดตนายกฯ แค่คนเดียวชื่อ พิธาจึงมี "แผนส้มหล่น" หากไปถึงตรงนั้นแล้ว ส.ว. ไม่โหวตอ้าง "คุณสมบัติ" เรื่องหุ้นสื่อ ไม่ได้ "สวนมติประชาชน" เสียหน่อย เกมจะเปลี่ยน บอลมาเข้าเท้าเพื่อไทย ถึงเวลานั้นจะได้เห็นว่าก้าวไกลจะยังอยู่ร่วมรัฐบาลอยู่ไหม?

เอาชนะเด็กเพื่อไทยพัง!